บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด เดินหน้าตอกย้ำพันธสัญญาด้านความปลอดภัย เปิดตัวโครงการ “We Power Road Safety Digital Creator” การแข่งขันเพื่อสร้างการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยทางถนนผ่านแพลตฟอร์มดิจิทัล เปิดรับสมัครเยาวชนคนรุ่นใหม่ให้นำองค์ความรู้และความถนัดทางเทคโนโลยีมาพัฒนาสื่อดิจิทัล พร้อมนำผลงานไปใช้จริงผ่านการเรียนรู้ในโรงเรียน มุ่งหวังช่วยลดอัตราอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทย ตอกย้ำความมุ่งมั่นสนับสนุนแคมเปญ “การสร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างยั่งยืน” ที่มีแผนดำเนินงานเป็นเวลา 3 ปี ตั้งแต่พ.ศ. 2561 – พ.ศ. 2563 ส่งเสริมสังคมไทยให้เป็นสังคมแห่งความปลอดภัยอย่างยั่งยืนและเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้รถใช้ถนนร่วมกัน
ทั้งนี้ ข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกเดือนธันวาคม 2561 ระบุว่า อัตราการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยมีจำนวน 22,491 คนต่อปี หรือมีผู้เสียชีวิต 60 คนต่อวัน ซึ่งนับเป็นอัตราการเสียชีวิตอันดับ 1 ในเอเชีย โดย 74% ของการเสียชีวิตเกิดจากอุบัติเหตุจากการขับขี่รถจักรยานยนต์ ซึ่งกลุ่มวัยรุ่นอายุระหว่าง 15-29 ปีเป็นกลุ่มที่เสียชีวิตมากที่สุด นับเป็นความสูญเสียที่ส่งผลต่อสภาพเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว เพราะเยาวชนคือกำลังหลักในอนาคตในการช่วยกำหนดทิศทางและพัฒนาประเทศ
ด้วยเหตุนี้ เชลล์จึงได้เดินหน้าโครงการ “We Power Road Safety Digital Creator” สานต่อจากโครงการ “School Road Safety – ปลอดภัยทุกย่างก้าวจากบ้านถึงโรงเรียน” ที่เป็นโครงการนำร่องร่วมกับโรงเรียนพระหฤทัยคอนแวนต์ เริ่มต้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2559 ถึงพฤศจิกายน 2561 ด้วยจุดมุ่งหมายที่ต้องการผลักดันให้เกิดความตระหนักรู้และสนับสนุนให้เกิดความปลอดภัยทางถนน เพื่อให้ทุกคนกลับบ้านอย่างปลอดภัยทุกวัน โดยร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญอย่าง รศ. นพ.อดิศักดิ์ ผลิตผลการพิมพ์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยเพื่อสร้างเสริมความปลอดภัยและป้องกันการบาดเจ็บในเด็ก ซึ่งได้รายงานความสำเร็จของโครงการฯ ด้วยความร่วมมือของครู ผู้ปกครอง และนักเรียนผู้เข้าร่วมอบรมกว่า 2,000 คน ทั้งยังได้รับผลตอบรับเป็นที่น่าประทับใจจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมด้านความปลอดภัยของทุกคนมากขึ้น
ภายในงาน ยังมีการเสวนาถึงผลกระทบเชิงบวกของโครงการ “We Power Road Safety Digital Creator” เพื่อตอกย้ำถึงการร่วมมือกันของทุกฝ่าย โดยมี นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ภายใต้การสนับสนุน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) มาให้ข้อมูลสถานการณ์ สถิติอุบัติเหตุและปัญหาด้านการใช้รถใช้ถนน รวมถึงสถานการณ์อุบัติเหตุทางท้องถนนกับเยาวชนในประเทศไทย นายกีรติ ธนกิจเจริญพัฒน์ เจ้าของเกม Runster แอปพลิเคชันเกมออกกำลังกาย ร่วมแบ่งปันประสบการณ์ในฐานะนักพัฒนาเกม และ นายมนต์ชัย ศรีเจริญศักดิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัลอาวุโส สถาบันส่งเสริมวิสาหกิจดิจิทัลเริ่มต้น สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล แสดงมุมมองถึงความท้าทายของการพัฒนากำลังคนรับการเปลี่ยนแปลงในยุคที่ดิจิทัล และวิธีการนำเอาโลกดิจิทัลเข้ามาช่วยยกระดับการตระหนักรู้ด้านความปลอดภัยแก่เยาวชน
โครงการการแข่งขัน “We Power Road Safety Digital Creator” เป็นโครงการที่มุ่งสร้างการรับรู้และปลูกฝังมาตรฐานความปลอดภัยทางถนนผ่านการสร้างสรรค์ของคนรุ่นใหม่บนแพลตฟอร์มดิจิทัล ในรูปแบบแอปพลิเคชัน เกมส์ แอนิเมชัน หรือ หลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ (E-Learning) เพื่อให้โรงเรียนและชุมชนรอบข้างสามารถนำไปใช้งานจริงได้ในอนาคต โดยโครงการฯ เปิดโอกาสให้เยาวชนคนรุ่นใหม่ นิสิต นักศึกษา นักพัฒนาซอฟต์แวร์ สตาร์ทอัพ ผู้ผลิตเกม รวมถึงบุคคลทั่วไป ได้นำเอาองค์ความรู้และความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีมาคิดค้น สร้างสรรค์ และพัฒนาแอปพลิเคชันด้านความปลอดภัย
กำหนดการรับสมัครเข้าร่วมการแข่งขันตั้งแต่วันที่ 8 มกราคม – 6 มีนาคม 2562 โดยผลงานที่ส่งเข้าประกวดจะต้องเป็นผลงานที่สร้างสรรค์เอง ไม่เลียนแบบหรือละเมิดลิขสิทธิ์ผู้ใด มีวัตถุประสงค์ รายละเอียดผลงาน ทีมงาน และต้นแบบที่ชัดเจน โดย 8 ทีมที่ได้คัดเลือกเข้ารอบสุดท้าย จะได้รับเงินรางวัล 5,000 บาท และเข้าร่วมกิจกรรม Road Safety Bootcamp เป็นระยะเวลา 2 วัน เพื่อรับรายละเอียดในการพัฒนาคอนเทนต์อย่างเต็มรูปแบบ ก่อนไปพัฒนาสู่แพลตฟอร์มดิจิทัลในรูปแบบแอปพลิเคชัน เกมส์ แอนิเมชัน หรือ หลักสูตรการเรียนรู้ออนไลน์ (E-Learning) และประกาศรางวัลชนะเลิศในเดือนเมษายน 2562 โดยผู้ชนะเลิศจะได้รับรางวัลมูลค่า 50,000 บาท และ รองชนะเลิศอันดับที่ 1 จะได้รับรางวัล 30,000 บาท ผลงานของผู้ชนะจะถูกนำไปใช้ในการส่งเสริมความปลอดภัยให้กับเยาวชนในโรงเรียนทั่วประเทศ
“สุดท้ายนี้ เชลล์หวังว่าโครงการ “WE Power Road Safety Digital Creator” จะเป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาศักยภาพของเยาวชนคนรุ่นใหม่ผ่านการนำเทคโนโลยีมาสร้างสรรค์นวัตกรรม และขับเคลื่อนวัฒนธรรมการขับขี่ปลอดภัยให้แก่ผู้ใช้รถใช้ถนนชาวไทยได้อย่างยั่งยืน ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางของนโยบายไทยแลนด์ 4.0 ในการมุ่งพัฒนากำลังคนด้วยทักษะด้านดิจิทัลให้เตรียมพร้อมสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลที่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน” นายอัษฎา กล่าวสรุป