ในช่วงปีใหม่หลายๆ คนพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงการดำเนินชีวิตทั้งเรื่องงาน และส่วนตัวให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้สังคมดีขึ้นกว่าเดิม ส่วนตัวผมเองในฐานะรองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส นิสสัน มอเตอร์ ภูมิภาคเอเชีย และโอเชีเนีย ทำให้ความสนใจพิเศษของผมมุ่งเน้นไปในเรื่องการส่งเสริมความปลอดภัย นวัตกรรมใหม่ และการเปลี่ยนแปลงอุตหกรรมยายนต์สู่ยุคพลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน ผมจึงมีความปรารถนาในปีใหม่นี้ที่จะให้ผู้ที่สนใจซื้อรถยนต์หันมาเลือก รถยนต์พลังงานไฟฟ้า
อาจจะฟังดูเป็นเรื่องของตัวแทนผู้ผลิตยานยนต์ แต่เมื่อมองถึงอนาคตข้างหน้าวิถีชีวิตของคนเอเชียในสังคมเมืองใหญ่ การก้าวสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าจะเป็นเรื่องที่สร้างผลลัพธ์ที่เป็นประโยชน์อย่างมากมาย
ในปี 2561 ผู้ที่อยู่อาศัยในเมือง ต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายที่เกี่ยวข้องกับการเดินทาง และสาธารณูปโภค รวมถึงการจราจร และปัญหาสภาพอากาศ สิ่งเหล่านี้ก่อให้เกิดอาการเวียนศีรษะ และโรคภัยต่างๆ มากมาย เมื่อมีรถยนต์บนถนนมากขึ้น มลพิษทางเสียงก็เป็นปัญหาที่เพิ่มขึ้นของคนเมือง องค์การอนามัยโลกระบุว่าการได้รับระดับสียงโดยเฉลี่ยในระยะยาว ที่มีระดับสูงกว่า 53 เดซิเบล (dB) คล้ายกับเสียงจากถนนที่เต้มไปด้วยการจราจรสามารถทำให้เกิดภาวะ ความดันโลหิตสูงโรค หลอดเลือดหัวใจตีบ และหัวใจวาย – ยกตัวอย่างเช่นในกรุงเทพฯ ที่มีระดับเสียงที่บันทึกไว้โดยปกติทุกวันถึง 73 เดซิเบล (dB).
รถยนต์ไฟฟ้า ถูกนำเสนอเพื่อเป็นทางออกในประเด็นด้านสิ่งแวดล้อมที่ในเอเชีย และโอเชียเนีย ข้อมูลจาก Wood Mackenzie บริษัทที่ปรึกษาด้านพลังงานทั่วโลก กล่าวว่า “รถยนต์ไฟฟ้าขนาดกลางทั่วไปสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (GHG) ได้ถึง 67% เมื่อเทียบกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน ตามกระบวนการวัดประสิทธิภาพการใช้เชื้อเพลิงโดยรวม หรือ well-to-wheel (ปัจจัยที่เริ่มตั้งแต่การผลิตไฟฟ้า และการขับขี่ยานยนต์ไฟฟ้า)”
และในปีที่ผ่านมายังเป็นบทพิสูจน์อีกปีหนึ่ง ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความท้าทายในอนาคตของเอเชียได้แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนด้านพลังงานที่ยั่งยืน ทุกรัฐบาลทั่วเอเชียให้การสนับสนุนโดยออกนโยบายสาธารณะสำหรับยานยนต์ไฟฟ้า เช่น นโยบายส่งเสริมการผลิตรถโดยสารประจำทางที่ใช้พลังงานไฟฟ้าในพม่าและการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีเต็มรูปแบบสำหรับผู้ซื้อรถยนต์ไฟฟ้าในเกาหลี นอกจากนี้ ชุมชน และภาคเอกชนอื่นๆ ในภูมิภาค ยังแสดงบทบาทความเป็นผู้นำในการอนุรักษ์พลังงานเพิ่มเติม
ในขณะที่กระแสการเปลี่ยนแปลงจากภาคประชาชน และเอกชนเห็นได้อย่างชัด เช่น นโยบายส่งเริมการลงทุนโดยภาครัฐ ภาคเอกชนเริ่มลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน นวัตกรรมการผลิตสมัยใหม่ เช่น นิสสันที่ให้ความสำคัญในการลงทุนสำหรับรถยนต์พลังานไฟฟ้าซึ่งจะช่วยผลักดันในอุตสหกรรมยานยนต์ไปสู่ยุครถยนต์พลังงานไฟฟ้าอย่างยั่งยืน
ในปีใหม่ 2562 นี้ถือเป็นโอกาสอันดีในการปรับเปลี่ยนความคิดในการดำเนินชีวิตเพื่อความยั่งยืน และอนาคตที่ดีกว่าเดิม ทั้งนี้ มีข่าวดีกว่านี้ก็คือ สังคมก็ได้มอบทางเลือกใหม่เพื่อให้ทุกคนได้มีส่วนร่วมในการลดใช้พลังงาน และเพิ่มการใช้พลังงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เช่น การส่งเสริมให้คนให้มาใช้รถยนต์พลังงานไฟฟ้า การใช้แอปพลิเคชั่นเรียกรถสาธารณะ การได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากรถยนต์พลังงานไฟฟ้าต่างๆ สิ่งเหล่านี้ร่วมเป็นส่วนช่วยให้เราก้าวเข้าสู่วิถีชีวิตที่ยั่งยืน
ยังมีงานวิจัยที่ค้นพบว่า คนเราใช้เวลาเพียง 21 – 66 วัน ในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม ซึ่งหากเราต้องการเปลี่ยนแปลงตนเองเพื่อในสังคมที่เราอยู่ปราศจากมลพิษ เราจะใช้เวลาเพียงไม่ถึง 2 เดือนเท่านั้น เช่น ฝึกให้ตัวเองปิดไฟทุกครั้งเมื่อออกจากห้อง เป็นต้น
ในเอเชีย จำเป็นมากที่เราจะต้องนำแนวคิดเรื่องความยั่งยืนมาใช้ ผมอยากขอให้เราทุกคนลองพิจารณาว่า เราต้องการสังคมแบบไหนสำหรับอนาคตของพวกเราและสำหรับคนรุ่นหลัง ที่ที่เราสามารถเพลิดเพลินกับอากาศบริสุทธิ์ และวิถีชีวิตที่สงบและมีความผ่อนคลายในเขตเมือง ณ ตอนนี้เป็นเวลาในการปรับทางเลือกในกิจกรรมแต่ละวันของเรา รวมถึงความมุ่งมั่นที่จะสร้างกรอบความคิดใหม่ๆ ที่ที่การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าจะเป็นทางที่ได้รับการยอมรับและได้รับการชื่นชอบสำหรับการเดินทางต่างๆ