เมื่อไม่นานมานี้ ได้มีประกาศราชกิจจานุเบกษา ว่าด้วย พรบ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ. 2565 เมื่อวันที่ 7 พ.ค. 2565 ได้แก้ไขข้อบังคับใหม่ ทั้งผู้โดยสารต้องรัดเข็มขัดทุกที่นั่ง รวมถึงเด็กอายุไม่เกิน 6 ปี หรือสูงไม่เกิน 135 ซม. ต้องนั่งในที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก (คาร์ซีท) ฝ่าฝืนปรับไม่เกิน 2,000 บาท
โดยสาระสำคัญที่กำลังเป็นประเด็นนี้คือการที่ต้องมี “คาร์ซีท” สำหรับเจ้าของรถที่มีเด็กเล็กอายุไม่เกิน 6 ขวบ หรือเบาะสำหรับเด็ก ถึงแม้ว่าจะมีให้เลือกหลากหลายรูปแบบ หลากหลายแบรนด์ แต่ด้วยราคาหลายพันจนถึงหลักหมื่น ประกอบกับสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ค่อยสู้ดีนัก ทำให้ครอบครัวหลาย ๆ คน ตัดสินใจที่จะหาซื้อคาร์ซีทมือสอง โดยเฉพาะคาร์ซีทจากร้านมือสองญี่ปุ่นที่มีราคาถูกกว่าตั้งแต่หลักร้อยถึงหลักพันต้น ๆ และมีคุณภาพดี แต่การที่จะซื้อของมือสอง ควรตรวจสอบอะไรบ้าง เพื่อสร้างความมั่นใจว่าเมื่อได้คาร์ซีทมือสองแล้วจะต้องใช้งานได้ดีไม่แพ้ของใหม่
ตรวจสอบสภาพร้าน และการจัดวางสินค้า
ด้วยธุรกิจจำหน่ายสินค้ามือสองที่มีอยู่ทั่วไป คุณภาพการจัดเก็บก็ย่อมมีความแตกต่างกัน ซึ่งผู้ซื้อควรจะดูสภาพร้าน และสภาพการจัดเก็บคาร์ซีทว่าเก็บโดนฝุ่นมากน้อยแค่ไหน โดนแสงแดดหนักไหม หรือวางไว้อย่างเป็นระเบียบหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลต่ออายุการใช้งานในระยะยาว
ตรวจสอบความสมบูรณ์ของตัวเบาะ โครงสร้าง และจุดยึดต่าง ๆ
เนื่องจากของมือสองที่ผ่านการใช้งาน ชิ้นส่วนบางรายการก็จะมีการเสื่อมสภาพ แตกหัก หลุดหาย ไปจนถึงความสะอาดของเบาะ ที่นอกจากจะเพิ่มความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของตัวเด็กเมื่อเกิดอุบัติเหตุแล้ว ทั้งไรฝุ่น เชื้อรา แบคทีเรีย ที่อาจจะก่อให้เกิดผลกระทบต่อเด็กเล็กเนื่องจากภูมิคุ้มกันยังอ่อนแออยู่
ซึ่งก่อนซื้อควรสังเกตสภาพของเบาะ, ชิ้นส่วนที่แตกหัก หรือสึกหรอ, สภาพสายรัด ที่ยึด และความสะอาดของเบาะ และที่สำคัญ ไม่ควรซื้อคาร์ซีทที่ผ่านการเจออุบัติเหตุ หรือการใช้งานจัดเก็บที่ไม่ถูกต้องจนสภาพบิดเบี้ยว เสียรูป หรือสีซีด
ตรวจสอบอายุขับของคาร์ซีท
เนื่องด้วยอายุขับของคาร์ซีทจะมีอายุเพียง 6 ปีโดยประมาณ เมื่อผ่านการใช้งานก็จะเกิดการเสื่อมสภาพทั้งตัวเบาะ โครงยึด และชิ้นส่วนอื่น ๆ แม้ว่าจะไม่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุก็ตาม นอกจากนี้ ตัวคาร์ซีทเองก็ไม่ออกแบบให้ใช้งานได้ยาวนานพอที่จะสามารถส่งต่อให้คนอื่นใช้ได้ ซึ่งก่อนจะซื้อคาร์ซีทมือสอง ควรดูวันที่ผลิต แต่ถ้าหากไม่สามารถหาข้อมูลได้ ก็อาจจะคำนวณคร่าว ๆ ว่าจะใช้ได้เพียง 1 – 2 ปี โดยประมาณ
เปรียบเทียบที่ยึดเบาะเด็กในรถ, ISOFIX เข้ากับเบาะได้หรือไม่
แม้คุณจะสามารถหาซื้อคาร์ซีทได้ แต่หากรถคุณไม่มีตัวยึดเบาะเด็กที่เหมาะสม เช่น ISOFIX ก็อาจจะสร้างความลำบากในการหากอุปกรณ์เสริม หรือเกิดข้อจำกัดในการเลือกซื้อคาร์ซีทได้ ซึ่งผู้ใช้รถควรศึกษาตำแหน่งที่ยึดเบาะเด็กในรถส่วนตัวของคุณ เพื่อเป็นข้อมูลในการเลือกซื้อ หรือใช้ในการสอบถามพนักงานขาย
ตรวจสอบอุปกรณ์เสริม – คู่มือ – อะไหล่
นอกจากจะต้องดูสภาพความสมบูรณ์ของตัวเบาะแล้ว แต่จะดียิ่งขึ้นหากคาร์ซีทมือสองมีอุปกรณ์เสริมหรืออะไหล่ติดมาด้วย ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถเปลี่ยนชิ้นส่วนที่ชำรุด หรือปรับการใช้ชิ้นส่วนเพื่อติดตั้งให้เข้ากับรถคุณได้ ซึ่งจะช่วยลดเวลาในการจัดหา และลดค่าใช้จ่ายในการซื้ออะไหล่เสริม
ดูอายุ-ช่วงวัยของเด็ก
ท้ายสุดคือการดูดูอายุ หรือช่วงวัยของลูกน้อยที่จำเป็นต้องใช้คาร์ซีท เพื่อที่คุณสามารถเลือกเบาะได้เหมาะสมกับสรีระ และการรั้งตัวลูกน้อยได้อย่างเหมาะสม และสามารถวางแผนในการสับเปลี่ยนรูปแบบของเบาะได้ในระยะยาว
ในกรณีที่ซื้อกับเจ้าของโดยตรง
อีกหนึ่งวิธีในการเลือกซื้อคาร์ซีทมือสองก็คือการรับซื้อจากเจ้าของเก่าโดยตรงที่เลิกใช้งาน ซึ่งข้อดีการซื้อผ่านช่องทางนี้คือสามารถขอดูรายละเอียดระหว่างการใช้งาน อายุที่เหลือ และสภาพของเบาะได้แม่นยำกว่าการซื้อจากร้านมือสอง รวมถึงจะมีโอกาสสูงที่จะได้คู่มือ และอะไหล่เสริมในสภาพสมบูรณ์พร้อมใช้งาน และยังได้รับประกันจากบริษัท แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก่อนซื้อควรสอบถามผู้ขายถึงสภาพการใช้งานอย่างละเอียด หรือนัดตรวจสอบสภาพควบคู่ด้วย
เมื่อได้คาร์ซีทมือสองแล้ว
เมื่อตัดสินใจเลือกซื้อคาร์ซีทมือสองที่มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด ในราคาที่พึงพอใจแล้ว ในอันดับแรกสุดคือดูสภาพว่าตัวเบาะสกปรกมากแค่ไหน ทั้งฝุ่น เศษอาหาร คราบนม คราบน้ำลาย และอื่น ๆ เพื่อพิจารณาการทำความสะอาดที่เหมาะสม ขณะเดียวกันหากมีคู่มือแถมมาคุณสามารถทำความสะอาดได้ด้วยตัวเอง แต่ถ้าหากไม่มีคู่มือแถมมา ก็ให้ศึกษาสภาพของชิ้นส่วนต่าง ๆ และจัดเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาดที่เหมาะสม
โดยอุปกรณ์ทำความสะอาดเบาะที่คุณสามารถหาซื้อได้ อาทิ
- เครื่องดูดฝุ่น
- น้ำยาซักผ้าสำหรับเด็ก
- น้ำยาฆ่าเชื้อ
- แปรงสีฟันที่ไม่ได้ใช้แล้ว หรือผ้าเช็ด
แม้การหาซื้อคาร์ซีทมือสอง จะเป็นตัวเลือกที่คุณสามารถหาซื้อได้ในราคาสบายกระเป๋า แต่สิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้ามคือการที่เจ้าของรถสามารถรู้ประวัติของคาร์ซีทจากต้นทาง ถึงร้านมือสอง ทั้งวันเดือนปีที่ผลิต ทราบสภาพการใช้งานก่อนหน้า และไม่เคยผ่านการเกิดอุบัติเหตุใด ๆ รวมถึงสภาพความสะอาด และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถวางแผนพิจารณาเลือกซื้อ การทำความสะอาด และคำนวณระยะการใช้งานได้ในเวลาที่เหลือยู่
แต่ถ้าเป็นไปได้ การซื้อคาร์ซีทมือหนึ่งจากตัวแทนจำหน่ายที่ได้มาตรฐาน จะช่วยลดเวลาในการตรวจสอบ อุปกรณ์ครบพร้อมใช้งาน มีการรับประกันจากโรงงาน สะอาดถูกสุขลักษณะ และยังคงความแข็งแรง ใช้งานได้ยาวนานจนกว่าเด็กจะสามารถคาดเข็มขัดผู้ใหญ่ได้อย่างสบายใจ ซึ่งเป็นการลงทุนทั้งในด้านความปลอดภัยเด็ก และค่าใช้จ่ายที่คุ้มค่าที่สุด
ภาพประกอบจาก pixnio.com และ maxpixel.net