ในปัจจุบัน ประเด็นด้านอำนาจอ่อน หรือ Soft Power เป็นที่พูดถึงอย่างมากในฐานะ “ปัจจัย” ของการขับเคลื่อนประเทศให้เป็นที่ยอมรับในประชาคมโลก โดยเฉพาะของขึ้นชื่อที่บ่งบอกถึงตัวตนของประเทศ ที่ถูกยกระดับสร้างการยอมรับการจดจำ และสร้างอิทธิพลที่ทรงพลังแก่ผู้ได้ในทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นอาหาร สื่อบันเทิง นวัตรกรรม ไปจนถึงแบรนด์ต่าง ๆ
แม้แต่รถยนต์ก็เช่นกัน…
หลาย ๆ ท่านคงจะทราบกันดีว่าตัวแบรนด์รถยนต์เอง ก็สามารถสะท้อนถึงตัวตนของประเทศนั้น ๆ ได้เป็นอย่างดี ผ่านการดีไซน์ และนวัตกรรมเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาโดยเฉพาะ แต่ด้วยบางประเทศก็มีแบรนด์รถมากกว่าสิบแบรนด์ แต่ละแบรนด์ต่างสร้างจุดเด่นกันอย่างมากมาย แต่มีน้อยรายนักที่จะนำปัจจัยเสริมอื่น ๆ ในด้านวัฒนธรรมท้องถิ่น การเมืองการปกครองที่มีความเฉพาะตัว จนสามารถนำมาดัดแปลงเพื่อถ่ายทอด Soft Power ให้ทรงพลัง สมบูรณ์แบบพอจนสามารถสร้างการจดจำแก่ชาวโลกได้
และนี่คือตัวอย่างแบรนด์รถที่สามารถนำ Soft Power จากวัฒนธรรม สภาพการเมือง ไลฟ์สไตล์ และความต้องการของยุคสมัย มาสร้างเอกลักษณ์ให้คนทั้งโลกยอมรับได้ เผลอ ๆ ตัวรถก็จะทำหน้าที่เป็น Soft Power อันภาคภูมิใจของประเทศนั้นอีกด้วย เริ่มจาก
Volkswagen รถยนต์ของประชาชนที่ไม่เสื่อมคลาย
ด้วยแนวคิดการสร้างรถยนต์เพื่อประชาชนโดยเฉพาะด้านราคาและการใช้งาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการพัฒนาแบรนด์รถยนต์จากดำริของอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ที่ต้องการผลิตและจัดจำหน่ายรถยนต์แห่งชาติที่มีสมรรถนะดีพแ ประโยชน์ใช้สอยมากพอ และราคาถูกเท่ารถจักรยานยนต์ จึงเป็นที่มาของการกำเนิดแบรนด์ “รถยนต์ของประชาชน” และการกำเนิดทั้ง Beetle และ Transporter (Microbus) ก็ได้เป็นรถขวัญใจมหาชนในช่วงยุคปี 50 ผ่านเหตุการณ์สำคัญในหลาย ๆ ประเทศทั่วโลกจนกลายเป็นสัญลักษณ์
ถึงแม้แบรนด์จะมีอายุมากกว่า 8 ทศวรรษ และรถยนต์รุ่นดั้งเดิมที่ครองใจผู้คนจะผ่านมานานไม่แพ้กัน แต่ทั้ง Beetle และ Transporter ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “รถยนต์ของประชาชน” ที่คุณสามารถพบเห็นได้ทั้งในพิพิธภัณฑ์ ร้านค้าที่ตกแต่งสไตล์วินเทจ กราฟฟิกตี้ที่สะท้อนยุค 50 – 70 ไปจนถึงของเล่น โมเดลรถสะสม และรถส่วนตัวของคุณปู่คุณย่า ที่เปี่ยมไปด้วยเอกลักษณ์ และวันวานในอดีต ชนิดที่ว่าถ้าอยากสัมผัสอดีตอันแสนหวาน Soft Power รถยนต์จาก Volkswagen จะเป็นที่จดจำได้เป็นลำดับแรก ๆ
Volvo เสมือนยกสแกนดิเนเวียให้ได้สัมผัสทุกวัน และความปลอดภัยยังยืนหนึ่ง
จากเดิมที่ Volvo ชูจุดขายในด้านการพัฒนารถและนวัตกรรมความปลอดภัยมาอย่างยาวนาน แต่ก็มิอาจจะหยุดการต่อยอดแบรนด์ให้โดดเด่นยิ่งขึ้นไปอีก ผลลัพธ์ที่ได้คือการนำความภาคภููมิใจของบ้านเกิดในภูมิภาคสแกนดิเนเวีย จึงได้นำทั้งตำนานเทพเจ้านอร์ทอย่างการนำศาตราวุธ “ค้อนโยลเนียร์” ของเทพเจ้าธอร์มาทำเป็นไฟหน้า LED, การนำไม้จากสวีเดนมาตกแต่งภายใน (รถบางรุ่น) ไปจนถึงเบาะหนังที่ได้รับการผลิตจากสวีเดน เป็นต้น
ทั้งหมดนี้คือส่วนประกอบสำคัญทั้งตำนาน วัสดุ งานฝีมือ เทคโนโลยี และชื่อเสียงของแบรนด์ ที่หลอมรวมกันจนกลายเป็นรถยนต์ที่สร้างความภาคภูมิใจของชาวสวีเดน สะท้อน Soft Power ที่ทำให้ลูกค้าและผู้คนได้รู้จักวิถีชีวิตชาวสแกนดิเนเวียมากขึ้น
และหากสังเกตดี ๆ การประชาสัมพันธ์หรือโฆษณารถใหม่ของแบรนด์ จะใช้ตัวถังสีโทนเย็นเป็นหลัก มีตัวถังสีโทนร้อนให้เห็นบ้างแต่จะถูกประชาสัมพันธ์น้อยมาก ซึ่งสะท้อนถึงภูมิประเทศสแกนดิเนเวียที่เย็นตลอดทั้งปี กลายเป็นส่วนประกอบอีกสิ่งที่ตอกย้ำ Soft Power ของแบรนด์นี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้น
MINI กลิ่นอายแห่งสหราชอาณาจักรด้วยดีไซน์เฉพาะตัว
สำหรับประเทศอังกฤษ หรือสหราชอาณาจักร ก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่มี Soft Power อันเป็นเอกลักษณ์ และสร้างอิทธิพลมากที่สุด ชนิดที่ว่าหากกล่าวถึงกรุงลอนดอน ก็จะมองภาพได้ออกว่าในเมืองนี้มีอะไรที่เป็นซิกเนเจอร์บ้าง และหากไม่ได้กล่าวถึงกรุงลอนดอน แต่กล่าวถึงแบรนด์รถยนต์ แบรนด์แรกที่จะนึกถึงคือ MINI ซึ่งเป็นแบรนด์ผู้ผลิตรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับคนทั่วไป ที่มีดีไซน์เฉพาะตัว มีประวัติที่ยาวนานโดยถือกำเนิดครั้งแรกเมื่อปี 1969 รวมถึงได้ไปปรากฎในสื่อบันเทิงที่หลากหลายไม่แพ้ใคร
แม้ปัจจุบัน MINI จะเป็นรถยนต์ระดับพรีเมี่ยมจากการเข้าร่วมในเครือเดียวกับ BMW Group แต่ก็ปฎิเสธไม่ได้ว่ารถแบรนด์นี้เปี่ยมไปด้วยตำนาน ความสำเร็จ และประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของสหราชอาณาจักรจากอดีตสู่ปัจจุบัน จึงทำให้รถจากแบรนด์นี้กลายเป็นหนึ่งในซิกเนเจอร์ที่สำคัญของประเทศอังกฤษ เทียบเคียงได้กับรถเมล์สองชั้น ตู้โทรศัพท์สีแดง หอนาฬิกาบิ๊กเบน ฟุตบอล และ Mr. Bean
Ford ทัพยานยนต์สายเลือดอเมริกันที่เข้าถึงคนทั่วโลก
ถ้าจะกล่าวถึงรถอเมริกัน ก็จะนึกถึงมัสเซิลคาร์ที่ทรงพลัง หรือรถกระบะคันโต ๆ ยกสูง และซดน้ำมันหนัก ๆ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการนำเสนอเอกลักษณ์ยานยนต์ในสมัยที่ดีทรอยต์ยังคงเป็นเมืองแห่งอุตสาหกรรมยานยนต์ ถึงแม้ว่าจะต้องประสบปัญหาวิกฤติน้ำมันขาดแคลนช่วงยุคปี 70 จนต้องสูญเสียสไตล์รถยนต์ที่กินน้ำมันหนัก ๆ แต่ด้วยดีไซน์ที่เป็นเอกลักษณ์ ทั้งความแข็งแกร่งของกระบะ หรือความปราดเปรียวดุดันสไตล์มัสเซิลคาร์ ก็ยังคงสร้างความชื่นชอบแก่คนทั่วโลกจนถึงปัจจุบัน
ซึ่งในเวลานี้ Ford ได้ยกรถยนต์สไตล์อเมริกันที่ครบตามที่กล่าวข้างต้น ไม่ว่าจะเป็น Ford Mustang พวงมาลัยขวา, Ford Ranger Raptor ที่แม้จะเป็นรถกระบะขนาดกลาง แต่ก็ถูกพัฒนาให้ใกล้เคียงกับ Monster Truck มาให้แฟน ๆ ชาวไทย และทั่วโลกได้สัมผัส Soft Power ถึงความแกร่ง สง่างาม และทรงพลังของรถยนต์สไตล์อเมริกัน
Suzuki จิตวิญญาณแห่ง Kei Car สู่รถเล็กที่ครองใจคนทั่วโลก
Kei Car ก็เป็น Soft Power ของญี่ปุ่น ที่ต่อยอดจากข้อกำหนดตามกฎหมายและภาษีรถ สู่การนำเสนอรถยนต์ที่มีขนาดเล็ก แต่น่ารัก ประหยัด และความอเนกประสงค์ที่คุ้มเกินตัว จนสามารถสร้างชื่อเสียงและการยอมรับจากผู้ใช้รถทั่วโลก แต่น่าเสียดายที่ข้อจำกัดของรถขนาดเล็กทั้งสมรรถนะและความปลอดภัย ทำให้แบรนด์ที่จำหน่าย Kei Car ไม่สามารถบุกตลาดโลกได้เต็มที่
แต่ Suzuki ยังคงเดินหน้าพัฒนารถยนต์ขนาดเล็ก ประหยัดน้ำมันเป็นเลิศ และความอเนกประสงค์ที่โดนใจ ด้วยการพัฒนารถยนต์ขนาดเล็กที่เข้าถึงตลาดท้องถิ่นในประเทศอื่น ๆ ได้เป็นอย่างดี อาทิ อินเดีย อินโดนิเซีย ยุโรป หรือแม้แต่ประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็น Suzuki Swift, Suzuki Baleno, Suzuki Ciaz, Suzuki Jimny หรือแม้แต่ Suzuki XL7 เป็นต้น
ทั้งหมดนี้ แม้จะเป็นรถที่มีหลากหลายรูปแบบ แต่จะไม่มีขนาดที่ใหญ่เกินกว่ารถยนต์ขนาดกลาง และใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่ไม่เกิน 1.5 ซีซี เพื่อให้รถยนต์จาก Suzuki เป็นรถที่มีขนาดกะทัดรัด คล่องตัว ราคาไม่แพง ขับขี่ในเมืองได้เป็นอย่างดี เสมือนนำจิตวิญญาณจาก Kei Car ไปประยุกต์ให้เข้ากับตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะ
นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของแบรนด์รถยนต์ที่สร้าง Soft Power ด้วยจุดขายเฉพาะตัว แต่ สร้างการจดจำได้ดี ครองใจผู้ใช้ได้ในทั่วโลก ซึ่งยังมีอีกหลาย ๆ แบรนด์ที่ได้ให้ความสำคัญของการวิจัย ศึกษา และเข้าถึงวัฒนธรรม สภาพสังคม ภูมิปัญญา ภูมิประเทศ และความต้องการของเทรนด์โลกในเชิงลึก มาประยุกต์ และหลอมรวมเข้ากับเทคโนโลยีที่พัฒนาเฉพาะตัว เพื่อสร้างและจัดจำหน่ายรถยนต์ที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตนของประเทศนั้น ๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด