BMW Group ประกาศเปิดตัว 2023 BMW X7 เอสยูวีเรือธงรุ่นปรับโฉมใหม่ ที่ได้รับการยกระดับรูปลักษณ์ใหม่ทั้งภายนอกและภายใน อัดแน่นด้วยฟีเจอร์สมัยใหม่รอบด้านภายใต้ภายในที่กว้างขวาง พร้อมกับนำเสนอขุมพลัง mild-hybrid ในทุกรุ่นย่อย เพื่อมอบสมรรถนะการขับขี่ และการประหยัดน้ำมันที่มากขึ้นกว่าเดิม
ภายนอกใหม่ ที่เปี่ยมไปด้วยความหรูหรา สวยงามลงตัว
เริ่มจากภายนอกรถ ได้มีการปรับเปลี่ยนไฟหน้ารูปแบบใหม่ จากเดิมจะเป็นไฟหน้าที่รวมทุกอย่างอยู่ในโคมเดียว เป็นไฟที่แยกโคมออกจากกันอย่างชัดเจน โดยชั้นบนสุดเป็นไฟ LED Daylight ดีไซน์ล้ำสมัย พร้อมกับทำหน้าที่เป็นไฟเลี้ยวในตัว ส่วนไฟหน้าจริง ๆ จะอยู่ด้านล่าง
รวมถึงได้มีการปรับดีไซน์กระจังหน้า และกันชนหน้าใหม่ให้เข้ากับรูปลักษณ์ใหม่ของโคมไฟหน้าใหม่ด้วย นอกจากนี้ยังมีออพชั่นเสริมในบางรุ่นอย่างไฟส่องด้านในกระจังหน้าเพิ่มความหรูหราด้วย
ส่วนท้ายก็มีการปรับดีไซน์ไฟท้าย LED ใหม่ โดยเป็นแบบรมดำ พร้อมเพิ่มลวดลาย illuminated grille ตรงมุมไฟท้าย และไฟเลี้ยว ที่ช่วยสะกดสายตาได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ตัวรถจะมาพร้อมกับชุดแต่งที่หลากหลาย ขึ้นกับตัวเลือกรุ่นย่อย อาทิ รุ่น M60i ที่เป็นตัวถังสีน้ำเงิน จะมาพร้อมกับฝาครอบกระจกมองข้างคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ออกแบบรูปทรงให้เอื้อต่อหลักอากาศพลศาสตร์, ชุดแต่งสีดำเงาแทนโครเมียม พร้อมโลโก้ M ที่กระจังหน้า, ช่องดักอากาศด้านหน้าขนาดใหญ่, ขอบโคมไฟหน้าสีดำเงา, ท่อไอเสีย 4 ท่อ, คาลิเปอร์เบรกสีน้ำเงิน, ล้ออัลลอย 22 นิ้ว ดีไซน์เฉพาะ เป็นต้น
ขณะเดียวกัน รุ่น M60i จะสามารถเลือกรับ “BMW M 50 Years” เสริมที่ฝากระโปรงหน้า ประตูท้าย และดุมล้อ เพื่อเฉลิมฉลิงครบรอบ 50 ปีของยนตรกรรมแห่งสมรรถนะจาก M
ปรับโฉมคอนโซลหน้าใหม่ ล้ำสมัย เรียบง่ายและดูกว้างกว่าเดิม
สิ่งที่เป็นไฮไลท์สำคัญที่สุดของรุ่นปรับโฉมนี้คือภายในที่ปรับเปลี่ยนแผงคอนโซลใหม่ โดยเฉพาะการเปลี่ยนจากจอเรือนไมล์ – จออินโฟเทนเมนต์ที่แยกส่วนให้เป็นจอขนาดใหญ่เพียงเดียว แต่ยังคงแยกการทำงานระหว่างจอเรือนไมล์ 12.3 นิ้ว และหน้าจอสัมผัสขนาด 14.9 นิ้ว ด้วยซอฟต์แวร์ iDrive 8 ล่าสุดของ BMW
แม้จะเป็นจอขนนาดใหญ่ แต่หน้าจอจะเอียงไปทางคนขับอย่างละเอียดเหมือนแผงเรือนไมล์ของ BMW ส่วนใหญ่ในช่วง 45 ปีที่ผ่านมา แต่ผู้โดยสารยังคงมองเห็น และสามารถควบคุมได้อย่างสะดวกสบาย
รวมถึงแผงคอนโซลหน้ารถก็ได้มีการปรับดีไซน์ใหม่อีกเล็กน้อย พร้อมกับตัวเลือกสัสดุตกแต่งที่คุณสามารถเลือกได้ ซึ่งในเวลานี้ได้เผยทั้งวัสดุผิวไม้ กับคาร์บอนไฟเบอร์ในรุ่น M60i
และอีกสิ่งหนึ่งที่มีการเปลี่ยนแปลงไปคือ ไม่มีคันโยกเกียร์ออโต้ ZF 8 สปีด จนสามารถออกแบบปุ่มควบคุมใหม่ได้ดูดียิ่งขึ้น โดยที่แป้นหมุน iDrive ยังคงอยู่
ด้านออพชั่นอื่น ๆ คาดว่ายังคงไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก รวมถึงตัวเลือกเบาะนั่ง ที่มีให้เลือกทั้งแบบ 6 หรือ 7 ที่นั่ง
เสริมประสิทธิภาพการขับขี่ที่ดีขึ้นด้วยขุมพลัง mild-hybrid ทุกรุ่น
2023 BMW X7 มาพร้อมขุมพลังที่มีให้เลือกด้วยหันหลากหลาย ดังนี้
xDrive40i: ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบ ความจุ 3.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส “B58” พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 48V และระบบขับเคลื่อน mild-hybrid โดยได้รับการปรับแรงม้าเพิ่มอีก 40 แรงม้า เป็น 380 แรงม้า (PS) แรงบิดเพิ่มขึ้น 71 นิวตันเมตร เป็น 519 นิวตันเมตร และเมื่อผสานระบบไฮบริด จะสามารถเค้นแรงบิดสูงสุดถึง 540 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 96 กม./ชม. ใน 5.6 วินาที
M60i: ใช้เครื่องยนต์เบนซิน V8 4.4 ลิตร ทวินเทอร์โบ รหัส “S68” ที่ได้รับการอัปเกรดชิ้นส่วนเครื่องยนต์ไปจนถึงท่อไอเสียใหม่ พร้อมมอเตอร์ไฟฟ้า 48V และระบบขับเคลื่อน mild-hybrid ให้สมรรถนะที่ 530 แรงม้า แรงบิด 750 นิวตันเมตร ให้อัตราเร่งจาก 0 – 96 กม./ชม. ใน 4.5 วินาที
ทั้งนี้ 2023 BMW X7 จะมาพร้อมกับฟีเจอร์ใหม่ล่าสุดอย่าง Sprint function ที่ผู้ขับขี่สามารถดึง Paddle Shift ด้านซ้ายมือ และลดเกียร์ลงให้ต่ำสุด ซึ่งจะสามารถตั้งค่าเครื่องยนต์และแชสซีให้เข้าสู่โหมด Sport ในทางลัดได้ทันที
ซึ่งเทคโนโลยี mild-hybrid ทั้งสองรุ่น จะช่วยทั้งสนับสนุนการออกตัวของรถ, สนับสนุนการทำงาน Start / Stop เครื่องยนต์ได้อย่างราบรื่น, ขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ความเร็วต่ำมาก และช่วยเพิ่มแรงม้าและแรงบิดอีกทางหนึ่ง
ทุกรุ่นใช้เกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ xDrive
ด้านช่วงล่างทุกรุ่นย่อย ระบบกันสะเทือนแบบถุงลมมาตรฐานในทั้งสองรุ่น ที่สามารถเพิ่มความสูงของตัวรถได้สูงสุดถึง 40 มม. และลดความสูงใต้ท้องรถลงได้ 20 มม.
ขณะที่ M60i เพิ่มระบบป้องกันการสั่นของล้อแบบแอ็คทีฟ เสริมเหล็กกันโคลง โช้ค และสปริงเฉพาะตัว รวมถึงระบบควบคุมการทรงตัวแบบแอคทีฟ และพวงมาลัยล้อหลัง ซึ่งหากคุณเลือกซื้อรุ่น xDrive40i ก็จะเป็นออพชั่นเสริม นอกจากนี้ล้ออัลลอยขนาด 23 นิ้ว ใหม่ล่าสุด ที่ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกของ BMW
สำหรับโหมดขับขี่ Off-Road มีให้เลือกด้วยกันสี่โหมด ซึ่งจะปรับความสูงและช่วงล่างของรถให้เหมาะสม ได้แก่ xRocks, xSand, xSnow และ xGravel รวมถึงลูกค้าสามารถเลือกแพ็คเกจ xOffroad ซึ่งแพ็คเกจจนี้จะได้รับแผ่นป้องกันใต้ท้องรถด้วย
2023 BMW X7 สเปคสหรัฐฯ จะเริ่มจำหน่ายในช่วงฤดูใบไม้ร่วงปี 2022 เป็นต้นไป โดยมีราคาเริ่มต้นในรุ่น xDrive40i ที่ 77,850 ดอลลาร์ และ M60i ราคา 103,100 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 2.6 ถึง 3.4 ล้านบาท (ทุกรุ่นบวกค่าขนส่งปลายทาง 995 ดอลลาร์)
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com และ https://www.bmwblog.com/2022/04/12/bmw-x7-facelift-2023/