ความรู้เรื่องรถ เครื่องดูดฝุ่นรถยนต์

เทคนิคเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์ที่คุณต้องรู้ ให้คุณสนุกทำความสะอาดได้เต็มที่

การจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์สักเครื่อง ควรคำนึงอะไรบ้างเพื่อการใช้งานได้ยาวนาน เต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่ามากที่สุด

Home / AUTO / เทคนิคเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์ที่คุณต้องรู้ ให้คุณสนุกทำความสะอาดได้เต็มที่

เครื่องดูดฝุ่นรถยนต์ เปรียบเสมือนอาวุธคู่ใจสำหรับการทำความสะอาดภายในรถยนต์ของคุณ และเป็นอีกหนึ่งวิธีการทำความสะอาดที่ง่าย รวดเร็ว เข้าถึงทุกซอกทุกมุม และทำได้ตัวเองสบาย ๆ ทว่าในปัจจุบัน เครื่องดูดฝุ่นรถยนต์มีหลากหลายราคา ตั้งแต่ราคาหลักร้อย ไปจนถึงหลักพัน แถมมีหลายขนาดให้เลือก ซึ่งการจะซื้อเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์สักเครื่อง ควรคำนึงอะไรบ้างเพื่อการใช้งานได้ยาวนาน เต็มประสิทธิภาพ ปลอดภัย และคุ้มค่ามากที่สุด

ประเภทของเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์หลัก ๆ ดูได้จากแหล่งจ่ายไฟ

ในยุคปัจจุบันนี้ตัวเลือกเครื่องดูดฝุ่นในรถยนต์นอกจากจะมีหลายแบรนด์ หลายฟังก์ชั่น และมีหลายขนาดให้เลือกด้วย แต่การเลือกซื้อหลัก ๆ จะแบ่งตามรูแปบบของแหล่งจ่ายไฟ ซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่

แบบมีสาย โดยแบบนี้จะมีสายไฟสำหรับเสียบกับเต้ารับในบ้าน หรือเต้ารับในช่องจุดบุหรี่ โดยข้อดีของเครื่องดูดฝุ่นแบบสีสายนี้ก็คือตัวเครื่องจะมีแรงดูดที่สูง ใช้งานได้ยาวนาน สามารถเก็บเศษขยะขนาดใหญ่ ๆ อย่างเศษขนมได้ แต่ข้อเสียก็คือตัวเครื่องจะมีขนาดใหญ่เท่ากระเป๋าถือ สายเทอะทะ และต้องคำนึงถึงความยาวของสายหากต้องดูดภายในรถขนาดใหญ่ เช่น เอสยูวี หรือรถตู้ จึงเหมาะสำหรับการทำความสะอาดที่เน้นความพิถีพิถัน ดูดหมดจด มีพื้นที่เก็บเครื่องดูดฝุ่นในบ้านหรือโรงรถ และทำความสะอาดไม่บ่อย

แบบไร้สาย สำหรับเครื่องดูดฝุ่นประเภทนี้จะใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ ซึ่งมีตั้งแต่ใส่ก้อนแบตเตอรี่ หรือแม้แต่พ่วงตัวชาร์จ และให้แรงดูดที่สูงไม่แพ้กัน และที่สำคัญมีขนาดกะทัดรัด คล่องตัว และสามารถเก็บไว้ในรถได้ ส่วนข้อเสียจะอยู่ที่การใช้พลังงานที่จำกัด จึงทำให้ดูดได้ไม่นาน เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทำความสะอาดบ่อย หรือทำความสะอาดในเวลาเร่งด่วน และเหมาะสำหรับรถที่มีห้องโดยสารเล็ก เช่น รถเก๋งขนาดเล็ก รถกระบะ

ข้อมูลสเปคที่ต้องทราบก่อนซื้อเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์

วัตต์ หรือ แอมแปร์ (W – A)

จะเป็นตัวบอกพละกำลังของมอเตอร์ในเครื่องดูดฝุ่น ยิ่งมีค่าวัตต์หรือแอมแปร์ที่สูงก็จะยิ่งดูดได้แรง แต่ยิ่งค่าสูงเครื่องก็จะใหญ่ ส่งผลต่อการกินพลังงาน และแหล่งพลังงานที่รองรับด้วย โดยส่วนมากเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์จะมีกำลังตั้งแต่ 10W ไปจนถึง 680W

โวลต์ (V)

คือขนาดแรงดันไฟฟ้าที่เครื่องดูดฝุ่นสามารถรองรับได้ ซึ่งจะส่งผลต่อรูปแบบของปลั๊กไฟ และการเชื่อมต่อเข้ากับเต้ารับ บางรุ่นใช้กับไฟบ้านได้ หากรองรับแรงดันไฟฟ้า 220V หรือบางรุ่นใช้เฉพาะไฟในรถยนต์เท่านั้นซึ่งจะกำหนดแรงดันไฟฟ้า 12V เท่านั้น รวมถึงจะมีการระบุว่าใช้ไฟฟ้าแบบใด เช่น กระแสสลับ (AC) หรือกระแสตรง (DC)

ปาสคาล (PA) – กิโลปาสคาล (KPA)

เป็นหน่วยวัดความแรงในการดูด ยิ่งมีค่าสูง จะสามารถดูดสิ่งของได้หลากหลายตั้งแต่อนุภาคฝุ่นเล็ก ๆ เส้นผม ไปจนถึงเศษขนมขนาดใหญ่ แต่ก็จะแปรผันตามกำลังไฟฟ้าและขนาดเครื่องด้วย

ในบางรุ่นจะระบุเป็นปาสคาล (PA) ซึ่งจะเริ่มตั้งแต่ 1 Pa ขณะที่บางรุ่นจะเรียกเป็นกิโลปาสคาล หรือแปลงหน่วยพันให้เป็นหน่วยหลักเพื่อให้ง่ายต่อการอ่าน เช่น 3.5 kPa เท่ากับ 3,500 ปาสคาล หรือ 13.5 kPa จะเท่ากับ 13,500 ปาสคาล

น้ำหนักเครื่อง

เนื่องจากเป็นเครื่องที่ผู้ใช้งานต้องถือตลอดเวลา โดยจะต้องมีน้ำหนักเครื่องเปล่าเฉลี่ย 800 กรัม – 1 กิโลกรัม ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถือได้ด้วยมือเดียวในเวลานาน ๆ ได้ หากมีน้ำหนักมากกว่า 1 กิโลกรัม ใช้นาน ๆ อาจจะทำให้ปวยเมื่อยได้

ความจุของถังเก็บฝุ่น

ถังเก็บฝุ่นในเครื่องดูดฝุ่นรถยนต์จะมีความจุเริ่มต้นตั้งแต่ 0.1 ลิตร หรือ 100 มิลลิลิตร ซึ่งเพียงพอต่อการดูดฝุ่นภายในรถ แต่ถ้าหากต้องการนำไปดูดฝุ่นที่อื่นต่อ หรือไม่อยากเททิ้งฝุ่นบ่อย ๆ ความจุแนะนำอยู่ที่ 0.4 – 0.5 ลิตร หรือ 400 – 500 มิลลิลิตร

ความยาวสายไฟ – ความจุแบตเตอรี่

หากเครื่องที่ใช้มีสายไฟพ่วง ควรดูจากความยาวของสายไฟ โดยจะมีหน่วยเป็นเมตร แต่หากเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย จะมาพร้อมกับแบตเตอรี่ที่บอกที่จะบอกความจุแบตเตอรี่เป็นมิลลิแอมป์ (mAh) ซึ่งจะบ่งบอกได้ทั้งระยะเวลาการใช้งาน และระยะเวลาการชาร์จ

เคล็ดลับการเลือกซื้อเครื่องดูดฝุ่นในรถให้ใช้งานได้คุ้มดั่งใจ

ภาพประกอบจาก Marco Verch Profession @flickr.com
  1. ควรดูว่ารถที่คุณใช้งานเป็นรถแบบไหน มีขนาดใหญ่ หรือมีจำนวนที่นั่งเยอะแค่ไหน ซึ่งจะส่งผลต่อการเลือกขนาดของเครื่องดูดฝุ่น
  2. สังเกตลักษณะของร้านค้าทั้งร้านค้าข้างนอก หรือร้านค้าออนไลน์ให้ดี หากเกิดปัญหาก็จะสามารถติดต่อได้
  3. เลือกประเภทการจ่ายพลังงานให้กับเครื่องดูดฝุ่นให้เหมาะสมกับขนาดรถ ถ้ารถที่มีห้องโดยสารกว้างก็ใช้เครื่องดูดฝุ่นแบบมีสาย ส่วนรถที่ห้องโดยสารเล็ก การใช้เครื่องแบบไร้สายก็เพียงพอ
  4. ศึกษากำลังดูดของเครื่องดูดฝุ่นผ่านสเปคที่ระบุไว้ โดยกำลังดูดที่แนะนำควรเกินมากกว่า 4,000 PA หรือ 4 KPA ขึ้นไปจะเป็นการดี
  5. ลองอุ้มหรือถือด้วยมือเดียวนานเป็นนาที เพื่อประเมินว่าน้ำหนักแบบไหนที่เหมาะกับคุณมากที่สุด หรือหากมีเครื่องตัวอย่างให้ลองถือเพื่อดูว่าการออกแบบตัวเครื่องจะเข้ากับการใช้งานได้ดีขนาดไหน
  6. เช็คอุปกรณ์ว่าให้ครบ หรือมีชิ้นส่วนใดชำรุดหรือไม่ ไปจนถึงเช็คหัวปลั๊กว่าเหมาะสำหรับเต้าเสียบภายในรถ หรือรองรับเต้ารับในบ้านด้วยหรือไม่
  7. หากเป็นเครื่องที่มียี่ห้อ ควรสอบถามรายละเอียดรับประกันเครื่อง และข้อมูลอะไหล่เสมอ
  8. ตรวจสอบสัญลักษณ์มาตรฐานอุตสาหกรรมทั้งไทยและต่างประเทศเสมอ
  9. ควรระวังในการซื้อของปลอม หรือของที่ไม่มียี่ห้อชัดเจน ซึ่งอาจจะใช้งานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ อายุการใช้งานที่สั้น ไม่มีอะไหล่สำรอง และก่อให้เกิดอันตรายในระหว่างใช้งานได้

นอกจากนี้ การตัดสินใจซื้อเครื่องดูดฝุ่นจากฟีเจอร์อื่น ๆ ก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม อาทิ เครื่องบางรุ่นรองรับใช้งานดูดฝุ่นในบ้านได้ บางรุ่นมีไส้กรองใยแก้ว HEPA สำหรับดักจับฝุ่น PM 2.5 บางรุ่นมีฟีเจอร์ที่เรียกว่า เทคโนโลยีไซโคลน ซึ่งจะสร้างแรงเหวี่ยงภายในเครื่องเพื่อช่วยในการดูดฝุ่น และฟอกอากาศไปในตัว ผลที่ได้คือลมร้อนที่ออกมาจะมีความบริสุทธ์ ช่วยฟอกอากาศภายในรถระหว่างดูดฝุ่นได้อีกทาง หรือบางรุ่นสามารถดูดน้ำโดยเฉพาะพื้นที่เปียกได้ ซึ่งก็จะส่งผลต่อชิ้นส่วนภายในที่ควรศึกษาเพิ่มเติมเพื่อการใช้งานหรือหาอะไหล่โดยเฉพาะ และราคาก็จะสูงกว่าแบบปกติด้วย

แม้เครื่องดูดฝุ่นรถยนต์จะเป็นอุปกรณ์ทำความสะอาดที่ดูไม่ซับซ้อนเมื่อใช้งานจริง ๆ แต่การจะซื้อมาใช้สักครึ่งก็ต้องศึกษารายละเอียด และการใช้งานที่เหมาะสม ซึ่งนอกจากจะช่วยยืดอายุการใช้งาน ลดความเสี่ยงจากผลกระทบทางด้านร่างกาย เช่น อาการปวดกล้ามเนื้อหลังใช้งานแล้ว ยังช่วยให้สามารถทำความสะอาดรถได้ง่าย ให้ทั้งสุขอนามัย และการใช้งานรถที่ผ่อนคลายอยู่เสมอ