หลังจากที่เปิดตัวรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้ารุ่นแรก พร้อมการตอบรับอย่างดียิ่งจากแฟน ๆ ในไทย มินิ ประเทศไทย รุกต่อเนื่องรับกระแสการขับเคลื่อนด้วยยานยนต์ไฟฟ้าในกลุ่มพรีเมียมคอมแพค ด้วยการเปิดตัว MINI Electric Collection Edition (multitone roof) อย่างเป็นทางการ
เสริมความโดดเด่นด้วยหลังคาเฉดสีพิเศษ โดยโรงงานรถยนต์มินิ ที่ประเทศอังกฤษในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ด ที่มอบปรากฏการณ์การสร้างสรรค์สีของหลังคาแบบไล่โทนสี หรือ multitone roof โดยเริ่มจากการลงสีอ่อนอย่างสีฟ้า Pearly Aqua เป็นสีแรก จากนั้นจึงใช้สีน้ำเงิน San Marino Blue แต่งแต้มบริเวณด้านหน้าของหลังคาและสีดำ Jet Black ที่ด้านหลัง ทำให้เกิดการไล่สีที่มีลักษณะพิเศษของ Multitone Roof ซึ่งกระบวนการพ่นสีที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ได้ผนวกรวมเข้ากับกระบวนการผลิตที่โรงงานมินิ ในเมืองอ็อกซ์ฟอร์ดอย่างสมบูรณ์
ทั้งนี้ การไล่โทนสีในแต่ละคันอาจมีความแตกต่างกันเล็กน้อยจากขั้นตอนการลงสีในกระบวนการผลิต สร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ไม่ซ้ำใครให้แก่รถยนต์มินิแต่ละคันที่เป็น Multitone Roof
พร้อมมอบความลงตัวด้วยตัวถังสีใหม่ ได้แก่ สีเทา Rooftop Grey Metallic และ สีน้ำเงิน Island Blue Metallic ให้ความสปอร์ตมากขึ้น และการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ ทั้งภายนอกและภายใน
พร้อมความสนุกเร้าใจสไตล์โกคาร์ทในตำนาน และยังคงผสานประสิทธิภาพแห่งการขับขี่ โลดแล่นไปสู่อนาคตที่ดียิ่งขึ้นด้วยพลังงานสะอาดจากมอเตอร์ไฟฟ้า ด้วยสมรรถนะสูงสุด 184 แรงม้า แรงบิด 270 นิวตันเมตร อัตราเร่งจาก 0-100 กม./ชม. ที่ 7.3 วินาที ความเร็วสูงสุด 150 กม./ชม.
แบตเตอรี่ใต้ท้องรถที่สามารถนำพารถไปได้ไกลถึง 217 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง รองรับการชาร์จไฟสูงสุด 50 กิโลวัตต์ โดยสามารถชาร์จจาก 0-80% ได้ภายใน 36 นาที หรือหากชาร์จจากไฟบ้านแบบกระแสสลับ จะใช้เวลา 12 ชั่วโมง
โดย MINI Electric Collection Edition นี้มาให้ลูกค้าในไทยได้เป็นเจ้าของ จำนวนจำกัดเพียง 40 คันเท่านั้น ในราคา 2,459,000 บาท พร้อมแพ็คเกจ MSI standard
“นอกจากการเป็นผู้บุกเบิกยนตรกรรมไฟฟ้าสำหรับการขับขี่ในตัวเมืองในเซกเมนต์พรีเมียมคอมแพค เรายังเป็นผู้ริเริ่มด้านนวัตกรรมของการดีไซน์หลังคาที่ไม่ซ้ำใครอีกด้วย” คุณประภัสรา อร่ามวงศ์สมุทร ผู้อำนวยการ มินิ ประเทศไทย กล่าวว่า
“MINI Electric Collection Edition’ จะสะท้อนการรังสรรค์ความเป็นมินิได้อย่างสมบูรณ์แบบ หลังคาเฉดสีที่ไล่เรียงกันใน 3 เฉดสีอย่างกลมกลืนนี้ยังสื่อถึงตำนานความหลากหลายทางสีสันซึ่งมินิได้สืบทอดมาอย่างยาวนาน รวมถึงเอกลักษณ์ของการออกแบบที่คัดสรรมาสำหรับรุ่น multitone roof ซึ่งผสานกันอย่างสวยงามลงตัวกับสีของตัวถังรถ ด้านสมรรถนะของการขับขี่ก็ยังคงไว้ซึ่งความสนุกสนานเฉพาะตัวในแบบมินิ พร้อมให้ประสบการณ์ในการก้าวไปสู่อนาคตที่ยั่งยืน และยังตอบโจทย์การเดินทางภายในเมืองที่สะอาด ปลอดมลพิษเช่นเดิม”
นอกจากการพัฒนาด้านนวัตกรรมและการขับขี่แล้ว มินิยังได้รับแรงบันดาลใจจากแนวคิด Big Love ซึ่งเกิดจากทัศนคติเชิงบวกต่อการใช้ชีวิต และการสร้างแรงบันดาลใจในทุกสิ่งที่ทำทั้งต่อเพื่อนมนุษย์และโลก เพื่อความยั่งยืนต่อไปในอนาคต
จนเกิดเป็นความร่วมมือกับ 3 ศิลปินนักวาดภาพประกอบชั้นนำของไทยซึ่งล้วนแสดงผลงานในเวทีระดับโลกและร่วมงานกับแบรนด์ระดับโลกมาแล้ว ในการผสมผสานไลฟ์สไตล์สู่งานศิลปะภายใต้แนวคิดดังกล่าว ซึ่งได้จัดแสดงผลงานสร้างสีสันในงานเปิดตัว MINI Electric Collection Edition ด้วยเทคโนโลยีดิจิทัลบนทีวีดีไซน์กรอบรูปสุดเก๋อย่าง The Frame และโปรเจ็คเตอร์พกพาอัจฉริยะใหม่ล่าสุด The Freestyle จากซัมซุง พันธมิตรของมินิ ประเทศไทย นำโดย
- ปอม ชาน – คุณธัชมาพรรณ จันทร์จำรัสแสง ผู้สร้างสรรค์ผลงาน Love is Infinity หรือความรักเป็นสิ่งที่ไม่มีวันสิ้นสุด เฉกเช่นเดียวกับการขับขี่ และท่องโลกอันกว้างใหญ่
- Bloody Hell Big Head หรือคุณเบนซ์ ธนวัต ศักดาวิษรักษ์ ด้วยผลงานอันเป็นเอกลักษณ์กับการใช้รูปทรงเรขาคณิตมาสร้างสรรค์เป็นภาพวาดกราฟฟิก ผ่านภาพวาด The Road that connect us ซึ่งเป็นการใช้ถนนเป็นตัวเชื่อมระหว่างผู้คน เพื่อเข้าถึงความหลากหลาย และ WE ARE THE UNIVERSE ซึ่งแสดงถึงความเท่าเทียมกันโดยไม่มีการแบ่งแยก
- Juli Baker and Summer หรือคุณป่าน ชนารดี ฉัตรกุล ณ อยุธยา เจ้าของลายเส้นและงานออกแบบแสนสดใส และได้รับรางวัล Thailand Influencer Award 2019 ด้าน Art and Design จาก Tellscore นำเสนอผ่านภาพ CELEBRATE FREEDOM สะท้อนความหมายของ ‘Big Love’ และความหลากหลาย
- ที่มองเห็นคุณค่าของสิทธิเสรีภาพของผู้คน ผ่านภาพสายรุ้ง นก ผีเสื้อ และดอกไม้
ลูกค้าที่สนใจสามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ “MINI Electric Collection Edition” (multitone roof) ได้ที่ www.mini.co.th หรือติดต่อผู้จำหน่ายอย่างเป็นทางการของมินิทั่วประเทศ