DFSK DongFeng EV Primus Seres อีวี ไพรมัส

อีวี ไพรมัส เดินหน้าเสริมแกร่งแบรนด์ DFSK และรุกตลาด EV ด้วยแบรนด์ SERES

อีวี ไพรมัส ชูความเป็น SUV มัลติแบรนด์ เดินหน้าตลาด DFSK ต่อเนื่อง และเปิดแบรนด์ SERES เตรียมรุกตลาดอีวีในประเทศไทยอย่างเป็นทางการ

Home / AUTO / อีวี ไพรมัส เดินหน้าเสริมแกร่งแบรนด์ DFSK และรุกตลาด EV ด้วยแบรนด์ SERES

ริษัท อีวี ไพรมัส จำกัด (เดิม บริษัท อีวี ฮาลิโคนิค จำกัด) ผู้จัดจำหน่ายรถ SUV มัลติแบรนด์แห่งแรกของไทย แถลงข่าวเปิดตัวบริษัทอย่างเป็นทางการ หลังจากความสำเร็จของการเปิดแบรนด์แรก DFSK หรือ DONGFENG ผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 2 ของจีน พร้อมเสริมทัพปีนี้ด้วยรถยนต์ไฟฟ้าจากแบรนด์ SERES ต่อเป็นแบรนด์ที่ 2 เตรียมเปิดรถยนต์ EV อย่างน้อย 3 รุ่น ในช่วง 2 ปีข้างหน้า และ พิ่มเครือข่ายผู้จำหน่ายให้ครบ 30 แห่ง เสริมศักยภาพในการบริการหลังการขาย

นายพิทยา ธนาดำรงศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ อีวี ไพรมัส เปิดเผยว่าบริษัทฯ เดินหน้าตามวิสัยทัศน์ ที่ว่าจะเป็นผู้เชื่อมต่อระหว่างผู้ผลิตรถยนต์นวัตกรรมสูงจากทั่วโลกกับผู้บริโภคชาวไทย เสริมด้วยการจำหน่าย และบริการที่เพรียบพร้อม

“DFSK” ยุคใหม่ บุกตลาดในไทยด้วย New Normal SUV

DFSK

อีวี ไพรมัส ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ SUV เครื่องยนต์สันดาปภายใต้แบรนด์ DFSK แต่ผู้เดียวในประเทศไทย และได้ทำการเปิดตัวรถ SUV ไปแล้ว 2 รุ่น ได้แก่ DFSK GLORY i-Auto และ DFSK GLORY 560

ปัจจุบัน รถยนต์แบรนด์ DFSK มีผู้จำหน่ายพร้อมศูนย์บริการมาตรฐาน 15 แห่ง ครอบคลุมการบริการได้กว่า 30 จังหวัด ในปีนี้ ทางบริษัทจะทำตลาดรถยนต์ SUV แบรนด์ DFSK ภายใต้แนวคิด New Normal SUV หรือ “ชีวิตวิถีใหม่ที่ใช่ในแบบของคุณ” ตอกย้ำความเป็นรถยนต์ SUV ที่เน้นความคุ้มค่า ในราคารถยนต์ซีดาน พร้อมตั้งเป้ายอดขายรถยนต์สันดาปทั้งสองรุ่น จำนวน 1,000 คันในปีนี้

แต่งตั้งผู้จัดจำหน่ายรถยนต์ EV แบรนด์ใหม่สุดล้ำที่ทุกคนรอคอย “SERES”

SERES

ล่าสุด อีวี ไพรมัส ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้จัดจำหน่ายอย่างเป็นทางการของรถยนต์ไฟฟ้า แบรนด์ SERES แต่ผู้เดียวในประเทศไทย

การเปิดตัวแบรนด์รถยนต์ไฟฟ้า SERES ถือเป็นก้าวสำคัญของบริษัทฯ ที่นำผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพพร้อมเทคโนโลยีและนวัตกรรมขั้นสูงมาเป็นอีกหนึ่งทางเลือกของลูกค้าชาวไทย อีกทั้งยังสอดคล้องกับความตื่นตัวในตลาดรถ EV กำลังขึ้นสู่กระแสสูง

โดยทางบริษัทฯ ได้เตรียมพร้อมที่จะเปิดตัวรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทย อย่างน้อย 3 รุ่นในอีก 2 ปีข้างหน้า โดยเตรียมแนะนำรถ SERES จำนวน 2 รุ่นแรกในประเทศไทย คือ SERES 3 และ SERES 5 ภายในปีนี้

ตอกย้ำผู้จัดจำหน่ายรถ SUV มัลติแบรนด์ชั้นนำของไทย

SERES

ในอนาคต บริษัทฯ ยังเปิดกว้างที่จะเป็นผู้จัดจำหน่ายจำหน่ายรถยนต์ SUV จากผู้ผลิตรายอื่นจากทั่วทุกมุมโลก โดยรถที่จะนำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย จะต้องเป็นรถที่มีเทคโนโลยีและนวัตกรรมระดับสูง และสอดคล้องกับไลฟ์สไตล์ของคนไทยเพื่อเป็นทางเลือกที่คุ้มค่าของผู้บริโภคชาวไทย

“เราเน้นไปที่รถ SUV เพราะถือเป็นตลาดรถที่มีอัตราเติบโตอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา และอัตราเติบโตนี้จะยังคงมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต” นายพิทยา กล่าว

ภายใต้แผนการดำเนินธุรกิจของ อีวี ไพรมัส นายพิทยากล่าวว่าบริษัทฯ จะชูกลยุทธ์ Study (ศึกษาตลาด) Screen (คัดกรองและวางสเป็ค) และ Select (สรุปเลือกผลิตภัณฑ์) ในการคัดสรรแบรนด์และรุ่นรถยนต์ที่จะนำมาทำตลาดในไทย โดยเน้นรถยนต์ที่เปี่ยมไปด้วยนวัตกรรมและเทคโนโลยี โดยเฉพาะรถยนต์ไฟฟ้า ที่สอดคล้องกับกระแสความต้องการใช้รถยนต์ทั่วโลกในขณะนี้

แนวทางการพัฒนาเครือข่ายการจัดจำหน่าย และบริการหลังการขายว่าภายในปีนี้ บริษัทฯ จะขยายดีลเลอร์จากปัจจุบัน 15 แห่งครอบคลุมมากกว่า 30 จังหวัด มาเป็น 30 แห่งและสามารถครอบคลุมการขายและบริการหลังการขายได้ครอบคลุมมากกว่า 50 จังหวัดทั่วประเทศ

นอกจากนี้ อีวี ไพรมัส ยังอยู่ระหว่างการขยายความร่วมมือกับพันธมิตรเพิ่มเติมในด้านต่าง ๆ เพื่อเสริมความแข็งแรงและเสริมศักยภาพในการทำตลาดในประเทศไทยให้เป็นไปตามเป้าหมายของบริษัทฯ

ยกระดับการบริการหลังการขายให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

SERES

สำหรับการลงทุน นายพิทยา กล่าวว่า บริษัทฯ ได้ลงทุนไปกว่า 80 ล้านบาท ในการทำตลาดรถยนต์ในประเทศไทย มีการจัดตั้งศูนย์ฝึกอบรม (Technical and Training Center) ศูนย์กระจายชิ้นส่วนและอะไหล่ขนาดใหญ่ (Spare Parts Distribution Center) และศูนย์ตรวจสภาพรถหรือ PDI & Service Hub บนพื้นที่ประมาณ 10 ไร่ ย่านรังสิต เพื่อสร้างความมั่นใจต่อการให้บริการหลังการขายแก่ผู้บริโภคชาวไทย

“เราลงทุนครั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นกับลูกค้าเราว่าเราจะสามารถให้บริการแก่ลูกค้าได้อย่างยั่งยืนและเพื่อเป็นหลักประกันว่าการรับประกัน 5 ปีของรถทุกคันของเรา สามารถทำได้จริงอย่างแน่นอน อีกทั้งยังเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นในบริการหลังการขายของ DFSK และ SERES เพื่อเราเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในไทย” นายพิทยา กล่าวทิ้งท้าย