“นิชคาร์ กรุ๊ป” ผู้นำเข้าและจัดจำหน่ายรถยนต์แมคลาเรนอย่างเป็นทางการ เพียงรายเดียวในประเทศไทย ได้รับการสนับสนุนจากบริษัทแม่ McLaren Automotive ประเทศอังกฤษ ประกาศเปิดตัว McLaren Elva ไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงในตระกูล Ultimate Series ที่ได้รับการผลิตในจำนวนจำกัด ครั้งแรกในเมืองไทยอย่างเป็นทางการ
นายวิทวัส ชินบารมี กรรมการผู้จัดการ McLaren Bangkok เปิดเผยว่า การเปิดตัว McLaren Elva สุดยอดไฮเปอร์คาร์ระดับโลกรุ่นใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย เผยโฉมพร้อมเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้ามาสัมผัสได้อย่างใกล้ชิดกับไฮเปอร์คาร์สมรรถนะสูงในตระกูล Ultimate Series ตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้เป็นต้นไป
โดย McLaren Bangkok ได้รับโควต้า จำนวน 2 คัน และมียอดจองแล้ว 1 คัน เห็นได้ชัดว่าตลาดคนไทยหันมาสนใจรถซูเปอร์คาร์ และไฮเปอร์คาร์ เพื่อสะสมเป็นคอลเลคชันมากขึ้น โดย McLaren Elva มีการผลิตเพียง 149 คันทั่วโลกเท่านั้น
ยนตรกรรมไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดในตระกูล Ultimate Series ที่ผลิตในจำนวนจำกัด
McLaren Elva (แมคลาเรน เอลวา) ยนตรกรรมไฮเปอร์คาร์รุ่นล่าสุดในตระกูล Ultimate Series ต่อจากรุ่น F1 Road Car, P1, Senna และ Speedtail กับไฮเปอร์คาร์เครื่องยนต์วางกลาง ขับเคลื่อนล้อหลังอันทรงสมรรถนะ พร้อมโครงสร้างตัวถังน้ำหนักเบาที่ถูกถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์มาจากสนามแข่งฟอร์มูล่า วัน
McLaren Elva ยังถือเป็นการฉลองสุดยอดผลงานการออกแบบของ “บรูซ แมคลาเรน” กับ McLaren M1A ที่ทำไว้ในปี ค.ศ. 1960 และรถแข่งในซีรีส์ “Group 7 McLaren” ที่โดดเด่นด้วยสมรรถนะ และนวัตกรรมซึ่งถูกนำมาปรับให้อยู่ในรูปแบบของยนตรกรรมเพื่อ “ผู้ขับขี่” ผสานหลักการออกแบบและวิศวกรรมยุคใหม่ของแมคลาเรน พัฒนาเป็นยนตรกรรมสำหรับท้องถนน (Road Car) ในปัจจุบัน
AAMS ช่วยให้คุณสนนุกกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูง แม้ไม่มีกระจกบังลมหน้า
McLaren Elva เป็นรถ Open-Cockpit สองที่นั่ง พร้อมแชสซีและตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์สั่งทำพิเศษ ให้ความอิสระเพราะปราศจากหลังคา กระจกหน้าและหน้าต่างด้านข้าง สามารถกระตุ้นการรับรู้ของผู้ขับขี่ได้อย่างเต็มที่
นอกจากนี้ ยังติดตั้งระบบ Active Air Management System (AAMS) เป็นครั้งแรกของโลกโดยระบบจะลำเลียงอากาศผ่านจมูกของตัวรถแล้วผันออกทางฝาครอบด้านหน้าด้วยความเร็วสูงก่อนที่จะเหินขึ้นเหนือห้องผู้โดยสาร เพื่อสร้างบับเบิลที่เป็นเสมือนเกราะกำบังให้กับผู้โดยสาร
โดยระบบ AAMS ประกอบด้วยช่องรับลมตรงกลางขนาดใหญ่ที่อยู่เหนือสปลิตเตอร์ ช่องระบายอากาศของฝาครอบและตัวเบี่ยงลมคาร์บอนไฟเบอร์ที่สามารถยกขึ้นและลดระดับได้ในแนวตั้ง เมื่อ AAMS ทำงานอยู่ ตัวเบี่ยงลมบริเวณขอบของช่องระบายอากาศที่ฝาครอบด้านหน้าจะถูกยกขึ้น 150 มม. เพื่อสร้างพื้นที่แรงดันต่ำที่ช่องระบายอากาศ ซึ่งอากาศที่ถูกระบายออกมาจะถูกผันออกในรัศมี 130 องศาผ่านโครงข่ายของใบพัดตามขวางที่ทำมาจากคาร์บอนไฟเบอร์ ที่ติดตั้งอยู่ตลอดความยาวของฝาด้านหน้าคอยทำหน้าที่กระจายกระแสลมทั้งด้านหน้าและด้านข้างของห้องโดยสารและช่วยในการจัดการอากาศในห้องโดยสารด้วย
สำหรับการขับขี่ในเมืองระบบ AASM จะปิดใช้งาน เนื่องจากระดับความเร็วของรถและการไหวของอากาศเข้าสู่ห้องโดยสารไม่ได้สูงมากแต่เมื่อความเร็วของรถเพิ่มขึ้น ระบบ AAMS จะทำงานโดยอัตโนมัติจนกว่าความเร็วจะลดลงส่งสัญญาณให้ตัวเบี่ยงลมหดกลับ แต่ผู้ขับก็สามารถกดปุ่มปิดระบบเองได้ด้วย
นอกเหนือจากระบบ AAMS แล้ว ขอบท้ายของ McLaren Elva ยังติดตั้งแอร์เบรกแบบแอ็คทีฟแบบเต็มความกว้างของรถ โดยความสูงและมุมของแอร์เบรกได้รับการปรับแต่งเพื่อให้เกิดสมดุลอากาศที่เหมาะสมที่สุด
ภายในที่ผสมผสานทั้งความหรูหรา ล้ำสมัย อรรถรสเสมือนนั่งรถแข่ง
ด้านเบาะนั่งของ McLaren Elva ได้รับการออกแบบมาโดยเฉพาะ ด้านกรอบคาร์บอนไฟเบอร์น้ำหนักเบา รองรับศีรษะ ไหล่ และหลังของผู้โดยสาร ช่วยเปิดรับประสบการณ์การขับขี่อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตาม เบาะนั่งจะสั้นกว่าเบาะนั่งของรถแมคลาเรนทั่วไปเล็กน้อย เพื่อทำให้มีพื้นที่พักเท้าเพียงพอสำหรับการยืนหรือช่วยอำนวยความสะดวกระหว่างการเข้า-ออกจากรถ
ขณะเดียวกันลูกค้าสามารถเลือกสี และวัสดุของเบาะนั่งได้ทั้งด้านบนและด้านล่าง เพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างส่วนบนที่เปิดโล่ง และส่วนล่างที่โอบล้อมปกป้องผู้โดยสารรวม
ทั้งนี้ เพื่อลดน้ำหนักของรถให้มากที่สุด ระบบเครื่องเสียงจึงไม่ถูกจัดอยู่ในชุดอุปกรณ์พื้นฐานของ McLaren Elva แต่ลูกค้าสามารถสั่งทำพิเศษได้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม
ขณะเดียวกัน เมื่อเปิดฝาห้องเครื่องด้านหลัง จะพบกับพื้นที่วางเกระเป๋าขนาดเล็ก และที่วางหมวกกันน็อกตรงกลาง สำหรับเก็บหมวกกันน็อกคู่ใจก่อนเดินทางสู่สนามแข่ง
กำลังจากเครื่องยนต์ V8 และตัวถังน้ำหนักเบา เพื่อมอบอัตราเร่งที่น้อยกว่า 3 วินาที
ขุมพลังของ McLaren Elva ติดตั้งเครื่องยนต์เบนซิน V8 ขนาด 4.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ซึ่งเป็นขุมพลังตระกูลเดียวกับ McLaren Senna และ McLaren Senna GTR ตัวเครื่องมีเพลาข้อเหวี่ยงแบบระนาบแบนระบบหล่อลื่นแบบบ่อพักแห้ง เพลาลูกเบี้ยว ก้านสูบ และลูกสูบที่น้ำหนักเบา
โดยให้สมรรถนะสูงสุด 815 แรงม้า (PS) ที่ 7,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 800 นิวตัน-เมตร ที่ 5,500 รอบ/นาที ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด+Reverse แบบ Seamless Shift Gearbox (SSG)
เมื่อผสานกับแชสชีโครงสร้างตัวถังแบบโมโนค็อกคาร์บอนไฟเบอร์ การออกแบบเส้นสายตัวถัง และการคัดสรรวัสดุสำหรับประกอบรถมาตรฐานเดียวกับรถแข่งฟอร์มูล่า วัน ทำให้รถรุ่นนี้มีน้ำหนักที่เบาเพียง 1,274 กก. หรือให้อัตราส่วนน้ำหนักต่อแรงม้าราว ๆ 1.56 กก./แรงม้า 1 ตัว จึงสามารถมอบสมรรถนะอันน่าทึ่งในทุก ๆ ด้าน ทั้งการเร่งความเร็ว ความคล่องตัว และการตอบสนองต่อผู้ขับขี่ในระดับที่ไม่ธรรมดา
โดย McLaren Elva สามารถมอบอัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ที่ 2.8 วินาที กับ 0-200 กม./ชม. 6.8 ที่ วินาที ประสิทธิภาพการทำควอเตอร์ไมล์ 0-400 เมตร ภายในเวลา 9.9 วินาที และความเร็วสูงสุด 326 กม./ชม.
มากไปกว่านั้น ยังมาพร้อมกับฟังก์ชั่น Adaptive Dynamics Controls เพื่อเปลี่ยนโหมดการควบคุมรถและระบบส่งกำลังได้ 3 รูปแบบ คือ Comfort, Sport และ Track เพื่อปรับลักษณะการขับขี่ให้เข้ากับอารมณ์ หรือสภาพแวดล้อมในขณะนั้น รวมถึงการปรับโหมด Electronic Stability Control (ESC) ที่เลือกได้ 3 ระดับ และระบบ Variable Drift Control (VDC) ที่จะช่วยล็อกอิสรภาพในการขับขี่ได้เป็นอย่างดี
รัสรรค์ไฮเปอร์คาร์สุดพิเศษเฉพาะคุณด้วยแพ็คเกจออพชั่นเสริม
ตัวเลือกอื่น ๆ ที่ลูกค้าสามารถรังสรรค์เพิ่มเติมได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม ได้แก่ เข็มขัดนิรภัย 6 จุดสำหรับรถแข่ง ระบบยกตัวรถ รวมถึงล้ออัลลอยฟอร์จ น้ำหนักเบาพิเศษ ลาย 5 ก้าน (เปลี่ยนได้จากล้อมาตรฐาน ลาย 10 ก้าน) รวมถึงเปลี่ยนยาง Pirelli P Zero™ เป็นยาง Pirelli P Zero™ Corsa สำหรับสนามแข่งได้
ขณะเดียวกันลูกค้าสามารถเลือกคัสตอมสีตัวถังภายนอก และสีภายใน และลวดลายตัวถังเพื่อสะท้อนตัวตนของคุณโดยเฉพาะ นอกจากนี้ยังสามารถเลือกแพ็คเกจเสริมกระจกบังลมหน้าเพือให้เป็นไปตามข้อกำหนดทางกฎหมายในบางประเทศ หรือมอบประสบการณ์การขับขี่ที่คุ้นเคย สร้างความมั่นใจให้กับผู้ขับขี่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ และอื่น ๆ อีกมากมาย ซึ่งบางรายการอาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมด้วย
หมายเหตุ: รุ่นที่จัดแสดงเปิดตัวในครั้งนี้จะเป็นรุ่นคัสตอมพิเศษพร้อมกระจกบังลมหน้า