เมื่อวันที่ 25 มกราคมที่ผ่านมา (ตามเวลาท้องถิ่น) Toyota Motor สหรัฐอเมริกา ได้เปิดตัว All-New Toyota Sequoia เอสยูวี 3 แถว แชสซีส์บันไดเจนเนอเรชั่นที่ 3 บนพื้นฐานจาก All-New Tundra ที่มาพร้อมยกระดับบุคลิก เทคโนโลยี และเป็นอีกรุ่นที่ได้รับเครื่องยนต์ไฮบริด i-Force Max อันทรงพลัง พร้อมจำหน่ายในอเมริกาช่วงฤดูร้อนนี้
เส้นสายภายนอกที่แข็งแกร่ง ทันสมัย หรูหรา
ภายนอกของ Toyota Sequoia มาพร้อมกับการออกแบบเส้นสายภายนอกตัวถังที่เน้นความเหลี่ยมคมมากขึ้น ดูดุดัน แข็งแกร่ง และทรงพลัง โดยมีการถ่ายทอดจากรถกระบะรุ่นใหญ่อย่าง Toyota Tundra โฉมใหม่ แต่กระจังหน้าจะมีขนาดเล็กกว่า แต่ให้ความหรูหรากว่า โดยเฉพาะรูปแบบไฟหน้า LED, เสา A ลงสีดำเพื่อมอบลุคคมเข้ม, ไฟท้าย LED
รวมถึงตัวถังที่มีขนาดที่ใหญ่ขึ้น ยาวขึ้น ประตูท้ายขนาดใหญ่ รวมถึงล้ออัลลอยลายใหม่ที่รองรับขนาดตั้งแต่ 18 – 22 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีบันไดไฟฟ้า เพิ่มความสะดวกสบายในการขึ้นรถ
ภายในที่ผสมผสานทั้งความกว้างขวาง ทันสมัย อเนกประสงค์รอบด้าน
สำหรับภายในด้านออพชั่นต่าง ๆ ได้ถ่ายทอดจาก Toyota Tundra โฉมใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรือนไมล์จอดิจิทัล 12.3 นิ้ว, จออินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 – 14 นิ้ว พร้อมระบบสั่งการผ่านเสียงและระบบนำทางผ่านคลาวนด์,
แต่ไฮไลท์สำคัญของรถรุ่นนี้คือการออกแบบพื้นที่โดยสารแบบ 3 แถว ที่ให้ทั้งความกว้างขวาง สะดวกสบาย และน่าเล่นมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสามารถเลือกเบาะนั่งได้แบบ 7 ที่นั่ง หรือ 6 ที่นั่งโดยตรงแถวที่สองจะเป็นเบาะกัปตันซีท
ขณะเดียวกันเบาะแถว 3 ที่สามารถปรับพับให้แบนราบ หรือปรับเลื่อนหน้า-หลังได้สูงสุดถึง 6 นิ้ว (152 มม.) เพื่อเพิ่มพื้นที่วางขาหรือพื้นที่เก็บสัมภาระให้สูงสุด โดยในบางรุ่นจะมาพร้อมกับระบบควบคุมด้วยไฟฟ้าเพิ่มความสะดวกสบาย และหรูหรายิ่งขึ้น และยังมาพร้อมระบบปรับอากาศสำหรับโซนด้านหลังเฉพาะ
นอกจากนี้บริเวณพื้นที่ห้องสัมภาระท้ายเองจะมาพร้อมกับชั้นวางของที่สามารถปรับได้สามระดับ และกล่องเก็บของอเนกประสงค์
ด้านออพชั่นอื่น ๆ จะขึ้นกับรุ่นย่อย อาทิ หลังคาพาโนรามิครูฟขนาดใหญ่, ไฟส่องห้องรอบโดยสาร, ที่ชาร์จสมาร์ทโฟนไร้สาย, เบาะปรับด้วยไฟฟ้า, จอ Head up Display, ปลั๊กไฟ 120 โวลต์ เครื่องเสียง JBL พร้อมลำโพง 14 ตำแหน่งรอบห้องโดยสาร เป็นต้น
รวมถึงการตกแต่งภายในที่มอบความหรูหรา ไม่ว่าจะเป็นตัวเลือกเบาะที่มีทั้งวัสดุ Softex และหนัง semi-aniline, วัสดุตกแต่งด้วยไม้อเมริกันวอลนัทอเมริกัน และกระจกประตูหน้าแบบอะคูสติกในรุ่น Capstone
เครื่องยนต์ i-Force Max 443 แรงม้า (PS)
ด้านขุมพลังนั้นมาพร้อมขุมพลังจาก i-Force Max ใหม่ล่าสุด ด้วยเครื่องยนต์เบนซิน V6 3.5 ลิตร ทวินเทอร์โบ 395 แรงม้า (PS) ที่ 5,200 รอบ/นาที แรงบิด 649 นิวตันเมตร ที่ 2,000 รอบ/นาที ผสานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 48 แรงม้า (PS) แรงบิดสูงสุด 250 นิวตัน-เมต และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด
เมื่อผสานการทำงานร่วมกัน จะรวมสมรรถนะสูงสุด 443 แรงม้า (PS) แรงบิด 790 นิวตันเมตร และหากใช้น้ำมันเกรดรีเมี่ยม จะสามารถเค้นสมรรถนะได้ถึง 446 แรงม้า แรงบิด 691 นิวตันเมตร พร้อมโหมดขับขี่ 3 โหมดมาตรฐาน ได้แก่ Eco Normal และ Sport ส่วรุ่นที่ได้รับโช้คอัพถุงลม จะเพิ่มโหมด Comfort Sport S+ และ Custom สำหรับโหมด Sport กับ Sport S+
และด้วยเครื่องยนต์ใหม่นี้ทางบริษัทฯ เผยว่าจะเป็นการยกระดับประสิทธิภาพลดการสิ้นเปลืองน้ำมันที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ตัวรถมีให้เลือกระบบขับเคลื่อนทั้งขับสองล้อหลัง และขับเคลื่อนสี่ล้อแบบ part-time ที่สามารถเลือกโหมดได้ทั้ง 2WD 4WD High และ 4WD Low
Toyota Sequoia ใช้แพลตฟอร์ม TNGA GA-F เช่นเดียวกับ Tundra, Land Cruiser และ Lexus LX โฉมใหม่ ควบคู่กับโครงสร้างแบบขั้นบันไดที่ได้รับการปรับปรุงและพัฒนาใหม่เพื่อมอบความสะดวกสบายยิ่งขึ้น
ตัวรถมาพร้อมกับพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบใหม่, ระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงค์รุ่นใหม่ พร้อมโช้คอัพถุงลมที่สามารถปรับระดับด้วยไฟฟ้าสำหรับรองรับน้ำหนักบรรทุกโดยเฉพาะที่จะเป็นออพั่นเสริม
และตัวรถยังได้ปรับปรุงประสิทธิภาพการรับน้ำหนักลากจูงจากเดิมเพิ่มอีก 22% รวมเป็น 4,082 กก. รวมถึงเสริมระบบ Adaptive Variable Suspension (AVS) และลูกค้าสามารถเลือกเพิ่มระบบช่วยเหลือการพ่วงทั้งแพ็คเกจ Tow Tech Package รวมถึง Straight Path Assist เป็นต้น
เทคโนโลยีความปลอดภัยสมัยใหม่
สำหรับระบบความปลอดภัยเองก็ได้รับการจัดเต็มด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะการบรรจุ Toyota Safety Sense 2.5 ใหม่ล่าสุด ประกอบด้วยระบบ Pre-Collision System ที่มีการตรวจจับคนเดินเท้า และคนขี่จักรยาน พร้อมฟีเจอร์ที่เพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับเมื่อเลี้ยวซ้าย พร้อมระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติด้วย
รวมถึงระบบ Dynamic Radar Cruise Control, ระบบควบคุมรถให้อยู่ในเลนครบวงจร อาทิ Lane Departure Alert with Steering Assist กับ Lane Tracing Assist, ระบบปรับไฟสูง-ต่ำอัตโนมัติ, ระบบตรวจจับป้ายจราจร, ระบบตรวจจับจุดบอด, ระบบเตือนเบาะหลัง, จอภาพพาโนรามา รวมถึงระบบเซ็นเซอร์ช่วยจอดหน้า-หลัง และระบบเบรกฉุกเฉินด้านหลัง นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยสนับสนุนสำหรับรถพ่วงเพิ่มเติมด้วย
แพ็คเกจ TRD ที่คุณเลือกได้
นอกจากนี้ยังมีการเผยโฉมรุ่น TRD Sport โดยจะปรับแต่งบนพื้นฐานจากรุ่น SR5 โดยจะได้รับทั้งล้อสีดำด้านขนาด 20 นิ้ว, โช้คอัพ Bilstein และสปริงที่ปรับจูนจาก TRD รวมถึงแป้นเหยียบอะลูมิเนียม ปุ่ม Push Start สีแดง
กับรุ่น TRD Off-Road ที่จะได้ทั้งระบบล็อกเฟืองท้าย, โช้คอัพและสปริงใหม่, ล้ออัลลอย 18 นิ้ว, เพิ่ม Downhill Assist Control, ระบบ Multi-Terrain Select และ Multi-Terrain Monitor, Crawl Control
และรุ่น TRD Pro ที่จะได้รับออพชั่นเพิ่มเติมจาก TRD Off-Road เช่น แผ่นรองใต้ท้องรถ TRD รวมถึงใช้ชุดโช้คบายพาสจาก FOX เป็นต้น
รายละเอียดเต็ม ๆ และราคาของ Toyota Sequoia โฉมใหม่จะเปิดเผยเพิ่มเติมในลำดับต่อไป โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในช่วงฤดูร้อนปีนี้
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com