เกรท วอลล์ มอเตอร์ โชว์วิสัยทัศน์ระดับโลก ตอกย้ำการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้า (xEV Leader) ของไทย ในงานสัมมนา ZEV Thailand Policy: Road to EV ASEAN Production Hub พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นและเสนอแนะแนวทางการยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ของไทยสู่การเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมยานยนต์พลังงานไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน ร่วมกับผู้นำจากอุตสาหกรรมยานยนต์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งงานสัมมนาในปีนี้จัดขึ้นในรูปแบบออนไลน์โดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน สมาคมส่งเสริมการรับช่วงการผลิตไทย และอินฟอร์มา มาร์เก็ตส์
เกรท วอลล์ มอเตอร์ เดินหน้าสร้างความเชื่อมั่นในการเป็นผู้นำด้านยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ได้เป็นตัวแทนเข้าร่วมเสวนาเพื่อแสดงวิสัยทัศน์และข้อเสนอแนะจาก เกรท วอลล์ มอเตอร์ ในหัวข้อ Game changing “Future Directions of Thailand’s Future Mobility” ในงานสัมมนาออนไลน์ ZEV Thailand Policy: Road to EV ASEAN Production Hub ซึ่งมีผู้ให้ความสนใจเข้าร่วมฟังการสัมนาเป็นจำนวนมาก
นายครรชิต ไชยสุโพธิ์ รองประธานฝ่ายรัฐกิจสัมพันธ์ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย กล่าวว่า “ประเทศไทยได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในฐานการผลิตยานยนต์ที่ดีที่สุดของโลก ประกอบกับนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมให้ไทยเป็นฐานการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียน พร้อมเตรียมผลักดันมาตรการต่างๆ เพื่อการผลิตยานยนต์ภายในประเทศให้เป็นยานยนต์ไร้มลพิษ หรือ Zero Emission Vehicle (ZEV) ในสัดส่วน 30% ภายในปี พ.ศ.2573 ซึ่งแนวทางนี้ สอดคล้องกับหนึ่งในกลยุทธ์ที่สำคัญในการลงทุนสร้างฐานการผลิตและดำเนินธุรกิจในไทยของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่พร้อมยกระดับขีดความสามารถการผลิต และนำเสนอเทคโนโลยีพลังงานทางเลือก (New Energy Technology) เพื่อนำผู้บริโภคและอุตสาหกรรมยานยนต์ไทยไปสู่ความยั่งยืนควบคู่กับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงพัฒนาประเทศไปสู่ยุคอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่ในอนาคต”
นอกจากการตั้งฐานการผลิตเต็มรูปแบบในประเทศไทยและอีกหลายแห่งทั่วโลกแล้ว เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้มีการจัดตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนากว่า 10 แห่ง ใน 7 ประเทศทั่วโลก เพื่อสร้างสรรค์รถยนต์เทคโนโลยีพลังงานทางเลือก (New Energy Technology) ต่างๆ ในตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็น ยานยนต์ไฮบริด (Hybrid Electric Vehicle) ยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด (Plug-in Hybrid Electric Vehicle) ยานยนต์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ (Battery Electric Vehicle) ตลอดจนยานยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิงพลังงานไฮโดรเจน (Hydrogen Energy Fuel Cell Electric Vehicle) เป็นต้น เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับตลาดยานยนต์ไฟฟ้าโลก
รวมถึงการพัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องได้แก่ GWM Electrification Technology ที่ครอบคลุม 3 ส่วนหลัก ๆ ได้แก่ แบตเตอรี่ มอเตอร์ และระบบควบคุมอิเล็กทรอนิกส์ โดยการรวมโมดูลที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ เพื่อให้แบตเตอรี่มีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา และมีประสิทธิภาพสูง มีการใช้พลังงานต่ำ และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ยาวนาน จนสามารถใช้ไฟฟ้าน้อยกว่า 12.5 กิโลวัตต์ ต่อระยะการขับขี่ 100 กิโลเมตรได้ ซึ่งจะทำให้รถไฟฟ้าสามารถวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรต่อหนึ่งการชาร์จ
นอกจากนี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่เพื่อรองรับยานยนต์ไฟฟ้า (xEV) อย่างแพลตฟอร์ม GWM LEMON ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มโมดูลาร์อัจฉริยะระดับโลก ที่มีคุณสมบัติเด่น 5 ประการ ได้แก่ 1) น้ำหนักเบา (Lightweight) 2) ใช้พลังงานจากไฟฟ้า (Electrification) 3) สามารถใช้งานได้หลายหลายรูปแบบ (Multi-purpose) 4) มีระบบการปกป้องรอบด้าน (Omni-protection) และ 5) มีความสามารถในการเชื่อมโยงเครือข่าย (Network)
โดยแพลตฟอร์ม GWM LEMON จะสามารถสนับสนุนระบบส่งกำลังได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นสำหรับรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal combustion engine : ICE) เครื่องยนต์ไฮบริดแบบ Dual Hybrid Transmission แบบ P2 P2+ หรือP4 รถยนต์ไฟฟ้าพลังงานแบตเตอรี่ (Battery Electric Vehicle : BEV) หรือรถยนต์ประเภทเซลล์เชื้อเพลิง (Fuel Cell Electric Vehicle : FCEV)
โดยก่อนหน้านี้ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ได้ประกาศยุทธศาสตร์หลัก เพื่อก้าวขึ้นสู่การเป็นแบรนด์ระดับโลก ภายในปี 2568 ด้วยเป้าหมายยอดขายรถยนต์ทั่วโลกมากกว่า 4 ล้านคัน โดยจะคิดเป็นสัดส่วนรถยนต์พลังงานใหม่กว่า 80% เพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ชาญฉลาด ปลอดภัย และเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากยิ่งขึ้นให้กับผู้บริโภคทั่วโลก และสำหรับประเทศไทย เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะเตรียมนำรถยนต์พลังงานไฟฟ้ารุ่นแรกเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยภายในปีนี้ โดยจะนำรถยนต์ไฟฟ้ายอดนิยมจากแบรนด์ ORA อย่าง ORA Good Cat เข้ามาเป็นรุ่นแรก และในปี พ.ศ. 2566 เป็นต้นไป เกรท วอลล์ มอเตอร์ มีแผนที่จะเริ่มสายการผลิตรถยนต์พลังงานไฟฟ้าระยะทางวิ่งไกล (Long-range BEV) รุ่นต่างๆ เพื่อจำหน่ายในตลาดประเทศไทยและส่งออก
นอกจากนี้ บริษัทยังพร้อมนำเสนอกลุ่มผลิตภัณฑ์ยานยนต์ไฟฟ้าอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคตให้กับทั้งผู้บริโภคชาวไทยและตลาดรถยนต์ในภูมิภาคอาเซียน โดยจะคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นหัวใจสำคัญอยู่เสมอ เพื่อให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนจะขับขี่รถยนต์พลังงานไฟฟ้าของ เกรท วอลล์ มอเตอร์ ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอันล้ำสมัย ได้อย่างปลอดภัย ไร้กังวล ด้วยระยะการขับขี่ที่ไกลกว่า และรู้สึกสนุกไปกับทุกการขับขี่ในทุกๆ เส้นทาง ด้วยราคารถยนต์ที่เหมาะสมและคุ้มค่าอย่างแน่นอน
นายครรชิตยังได้นำเสนอแนวคิดเกี่ยวกับทิศทางการขับเคลื่อนและการผลักดันมาตรการเพื่อก้าวสู่ยุคแห่งการผลิตยานยนต์ไร้มลพิษของไทยว่า “กลไกสำคัญในการผลักดัน Zero Emission Vehicle (ZEV) ให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริงในประเทศไทย คือการบูรณาการความร่วมมือจากทุกภาคส่วน การเพิ่มพูนทักษะองค์ความรู้ และเทคโนโลยีการผลิตใหม่ๆ ตลอดจนการสร้างอุปสงค์และอุปทาน เพื่อสร้างระบบ ecosystem อย่างสมบูรณ์แบบของอุตสาหกรรมยานยนต์สมัยใหม่และระบบห่วงโซ่อุปทาน (Supply chain) ต่างๆ ให้เติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ยังรวมถึงการผลักดันผ่านนโยบายจากทางภาครัฐ ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการให้เงินสนับสนุนเพื่อจูงใจให้คนเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือการกระตุ้นความต้องการของตลาดด้วยการสร้างความเป็นมิตรต่อผู้ใช้จากภาคเอกชน เช่น การอำนวยความสะดวกให้เจ้าของรถยนต์ไฟฟ้าสามารถค้นหาสถานีอัดประจุไฟฟ้าได้ง่ายและสะดวกสบายยิ่งขึ้น หรือการสื่อสารและให้ความรู้แก่สาธารณชนให้ทราบถึงนวัตกรรมรถยนต์ไฟฟ้าที่มีผลดีต่อสิ่งแวดล้อมในระยะยาว เป็นต้น”
เกรท วอลล์ มอเตอร์ ประเทศไทย ในฐานะ “บริษัทที่ให้บริการการขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีระดับโลก” (Global Mobility Technology Company) มีความยินดีและพร้อมสนับสนุนนโยบายของรัฐ และทุกๆ ภาคส่วนในการเป็นส่วนหนี่งของการส่งเสริม สร้างสรรค์ และยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าสมัยใหม่ในระยะยาวให้กับประเทศไทย ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งฐานการผลิตรถยนต์และโรงงานอัจฉริยะในไทย และการนำองค์ความรู้ ความเชี่ยวชาญและความสามารถในการผลิตรถยนต์ใหม่ๆ รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า ตลอดจนนวัตกรรมอันล้ำสมัย และการเพิ่มการลงทุนด้านการวิจัยและพัฒนาต่างๆ ตามมาตรฐานในระดับสากล เพื่อนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับตลาดประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน บริษัทยังพร้อมส่งเสริมสร้างทักษะ ฝีมือ ความเชี่ยวชาญ และศักยภาพด้านต่างๆ ให้กับบุคลากรไทย รวมไปถึงสร้างสรรค์กระบวนการผลิตที่ทันสมัยและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากที่สุด เพื่อผลักดันการเติบโตของอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าไทยและร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน