lamborghini Lamborghini Countach Lamborghini Countach LPI 800-4 รถรุ่นพิเศษ ลัมโบร์กินี

Lamborghini Countach LPI 800-4 ฉลอง 5 คืนชีพความมหัศจรรย์ในรอบ 50 ปี

Lamborghini ประกาศเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของซูเปอร์คาร์ในตำนานที่เปิดยุคการดีไซน์ซูเปอร์คาร์แบรนด์กระทิงดุสมัยใหม่

Home / AUTO / Lamborghini Countach LPI 800-4 ฉลอง 5 คืนชีพความมหัศจรรย์ในรอบ 50 ปี

Lamborghini ประกาศเปิดตัวรถรุ่นพิเศษ Lamborghini Countach LPI 800-4 เพื่อเป็นการฉลองครบรอบ 50 ปีของซูเปอร์คาร์ในตำนานที่เปิดยุคการดีไซน์ซูเปอร์คาร์แบรนด์กระทิงดุสมัยใหม่อย่าง Lamborghini Countach (คูนทาช) ที่แปลว่าความมหัศจรรย์ โดยได้ต่อยอดตัวถังจากรุ่น Aventador และผสานด้วยเทคโนโลยีจาก Sián FKP 37 ภายใต้บุคลิกเรโทรสไตล์

Lamborghini Countach LPI 800-4

Lamborghini Countach กำเนิดขึ้นเมื่อปี 1971 ในฐานะรถคอนเซ็ปต์ LP500 ก่อนเข้าสู่ผลิตจริงในรุ่น LP400 เมื่อปี 1974 ที่มาพร้อมกับการยกระดับดีไซน์ซูเปอร์คาร์ที่มีความทันสมัยอย่างมากในยุคนั้น ออกแบบโดย Marcello Gandini จุดเด่นของรถรุ่นนี้นอกจากตัวถังทรงเหลี่ยมที่นึกถึงยานอวกาศแล้ว ยังได้ออกแบบทรงรถแบบลิ่ม ดูโฉบเฉี่ยวมากขึ้น, การออกแบบตามหลัก “แคปฟอร์เวิร์ด” (cab forward) ซึ่งทำให้มีพื้นที่ท้ายรถไว้วางเครื่องมากขึ้น, บานประตูกรรไกร หรือลัมโบร์ดอร์ (Lambo doors) อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ยังคงใช้อยู่จนถึงปัจจุบัน

Lamborghini Countach LPI 800-4

Lamborghini Countach LPI 800-4 ได้รับการถ่ายทอดการดีไซน์ที่เก็บรายละเอียดจาก Lamborghini Countach เพื่อเป็นเกียรติของงานออกแบบออริจินัล ไม่ว่าจะเป็นโคมไฟหน้าทรงสี่เหลี่ยมคางหมู, จมูกรถที่แบน และช่องไอดีทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า นึกถึง LP5000 QV (Quattrovalvole) รุ่นปี 1985 อันเป็นอีกหนึ่งรุ่นย่อยของ Countach, ซุ้มล้อทรงหกเหลี่ยมพร้อมล้ออัลลอยสีเงินล้อหน้าหลังขนาด 20 – 21 นิ้ว หุ้มยาง Pirelli P Zero Corsa

Lamborghini Countach LPI 800-4

กระจกมองข้างที่ได้แรงบันดาลใจจาก Countach รุ่นดั้งเดิม, แนวหลังคาและกระจกบังลมด้านหลังสไตล์ periscopio รวมถึงองค์ประกอบอื่น ๆ อาทิ ท่ออากาศ Naca ขนาดใหญ่ที่ด้านข้างรถ และช่องดักอากาศเหนือซุ้มล้อหลังด้านบนที่ยกมาจากรุ่นฉลองครบรอบ 25 ปี ซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายของ Countach ในปี 1988

Lamborghini Countach LPI 800-4

ส่วนท้ายรถเริ่มจาก ไฟท้ายทรง 6 เหลี่ยมที่ยกมาจาก Sián โดยที่ขอบทรง 6 เหลี่ยม ที่ยาวเชื่อมอีกฝั่งก็ได้ถอดแบบจาก Countach แต่ให้ความเพียวบางมากกว่า, กันชนท้ายพร้อมแผงดิฟฟิวเซอร์ และท่อไอเสีย 4 ท่อวางกลางที่ดูดุดันยิ่งขึ้น

Lamborghini Countach LPI 800-4

โดยที่ยังคงไว้ด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่ที่ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบชิ้นส่วน, อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ จนถึงระบบขับเคลื่อน อาทิ ตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์รอบคัน, โครงสร้างคาร์บอนไฟเบอร์แบบโมโนค็อก ล้ออัลลอยที่เปิดโล่งเห็นคาลิเปอร์เบรกสีแดง และดิสก์เบรกคาร์บอนเซรามิก รวมถึงระบบไฟส่องสว่างจะเป็นไฟ LED ทั้งหมด ส่วนเทคโนโลยีแอโร่ไดนามิกที่จะได้รับยังไม่เปิดเผยในเวลานี้ แต่คาดว่าอาจจะมีสปอยเลอร์ท้ายที่ซ่อนอยู่ด้านหลังก็เป็นได้

Lamborghini Countach LPI 800-4

ภายในจะเห็นได้ว่ามีการผสมผสานอุปกรณ์จากรถทั้ง 2 รุ่น ทั้งพวงมาลัยและเบาะจาก Aventador ส่วนแผงคอนโซล, การ์ดประตู และคอนโซลกลางยกมาจาก Sián และเพื่อสร้างความแตกต่าง จึงได้มีการออกแบบช่องแอร์ใหม่ พร้อมกับการตกแต่งแผงคอรโซลกลาง, เพิ่มจอสัมผัสขนาด 8.4 นิ้ว รวมถึงติดตั้งปุ่ม Stile ในรูปแบบดีไซน์ใหม่ล่าสุด

Lamborghini Countach LPI 800-4

ประกอบกับการตกแต่งภายในด้วยหนังสีแดงสไตล์คลาสสิก พร้อมเพิ่มโทนสีดำให้ดูโดดเด่น ซึ่งได้แรงบันดาลใจจาก Countach LP 400 S

Lamborghini Countach LPI 800-4

สำหรับสีตัวถังจะมีสีขาว Bianco Siderale สุดเอ็กซ์คลูซีฟ แต่ลูกค้าสามารถเลือกเป็นสีอื่นเพิ่มเติมได้ รวมถึงภายในสามารถเลือกได้ถึง 4 แบบ รวมถึงสีพรม, เพดาน และตะเข็บด้าย

Lamborghini Countach LPI 800-4

สำหรับขุมพลังนั้นจะใช้ชุดเครื่องยนต์ไฮบริดแบบเดียวกับ Sián FKP 37 ด้วยเครื่องยนต์ V12 แบบ Mild-Hybrid ให้กำลังสูงสุด 814 แรงม้า (PS) หรือกำลังเครื่องยนต์ 780 แรงม้า (PS) จับคู่มอเตอร์ไฟฟ้า 34 แรงม้า (PS) ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ 7 สปีด ขับเคลื่อนสี่ล้อ รวมถึงระบบกักเก็บพลังงานจลน์จากระบบเบรกะถูกเก็บไว้ใน Supercapacitor ที่มีน้ำหนักเบากว่าแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบเดิม

Lamborghini Countach LPI 800-4

ประสิทธิภาพทางเทคนิคของ Lamborghini Countach LPI 800-4 ระบุให้อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. ใน 2.8 วินาที และ 0-200 กม./ชม. ใน 8.6 วินาที

Lamborghini Countach LPI 800-4

Lamborghini Countach LPI 800-4 จะได้รับการเปิดตัวเต็มรูปแบบที่งาน The Quail: A Motorsports Gathering ในสหรัฐอเมริกา และจะผลิตในจำนวนจำกัด 112 คัน ส่งมอบให้กับลูกค้ารายแรกในช่วงไตรมาสแรกของปี 2022 โดยราคาจะเปิดเผยเพิ่มเติมในลำดับต่อไป

เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com