หลังจากทาง Lexus ภายใต้บริษัท โตโยต้า มอเตอร์ ได้ประกาศเปิดตัว Lexus NX ครอสโอเวอร์หรูเจนเนอเรชั่นที่สอง เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา กับการยกระดับเทคโนโลยีสมัยใหม่ในทุกมิติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมาของระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดใหม่ล่าสุดซึ่งเป็นรุ่นแรกที่ได้รับระบบปลั๊กอินไฮบริดของแบรนด์ Lexus อันเป็นการช่วยเร่งเปิดตัวรถยนต์ที่ใช้ไฟฟ้าให้เร็วยิ่งขึ้น การเสนอทางเลือกที่ยั่งยืนมากขึ้น เพื่อเพิ่มการแสวงหาความเป็นกลางของคาร์บอน และตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่ได้สูงสุด
โดยในวันนี้จะมาเจาะลึกถึงเทคโนโลยีขุมพลัง และฟีเจอร์อันโดดเด่นของรถรุ่นใหม่ให้คุณได้รู้จักมากยิ่งขึ้น
1.ขุมพลังที่หลากหลาย และการชูโรงของระบบปลั๊กอินไฮบริด
Lexus NX เจนเนอเรชั่นที่สอง ใช้ระบบส่งกำลังที่หลากหลายเพื่อตอบสนองความต้องการที่หลากหลายของลูกค้าและเพื่อให้เกิดสังคมที่ปราศจากคาร์บอน
โดยไฮไลท์หลักของรถรุ่นนี้คือรุ่น Lexus NX 450h+ ใช้ระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) ประกอบด้วยเครื่องยนต์สี่สูบแถวเรียงขนาด 2.5 ลิตร “A25A-FXS” แบบประสิทธิภาพเชิงความร้อนสูง แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนกำลังและความจุสูง และมอเตอร์ไฟฟ้าด้านหน้าและด้านหลัง
แม้จะยังไม่เผยสมรรถนะ แต่เมื่อเทียบกับเทคโนโลยีเดียวกันจาก Toyota RAV4 Prime ตัวเครื่องยนต์ให้สมรรถนะสูงสุด 177 แรงม้า (PS) ที่ 6,000 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 237 นิวตันเมตร ที่ 4,400 รอบ/นาที และกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าสูงสุดถึง 182 แรงม้า (PS) ซึ่งใกล้เคียงกับข้อมูลที่ว่าระบบขับเคลื่อนไฟฟ้าจะให้กำลังใกล้เคียงกับเครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร
และเมื่อผสานการทำงานร่วมกันส่งผลให้ Lexus NX 450h+ให้สมรรถนะสูงสุด 306 แรงม้า (SP) โดยประมาณ
แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนความจุสูง มีกำลังส่งออกที่น่าประทับใจถึง 18.1 กิโลวัตต์ชั่วโมง (kWh) ซึ่งมอบช่วงการใช้งาน EV ชั้นชั้นยอดและกำลังสำหรับการขับขี่ทุกวัน ผู้ขับขี่สามารถเลือกโหมดการขับขี่ได้สี่โหมด (โหมด EV โหมด AUTO EV/HEV โหมด HEV และโหมดชาร์จเอง) เพียงกดสวิตช์ ในโหมด HEV เครื่องยนต์และมอเตอร์จะทำงานร่วมกันเพื่อให้ได้อัตราเร่งที่สูง
นอกจากนี้ เมื่อเลือกโหมด AUTO EV/HEV โดยป้อนปลายทางเข้าสู่ระบบนำทาง โหมด EV/HEV ที่คาดการณ์ล่วงหน้าของ Lexus จะเปลี่ยนไปใช้โหมด HEV บนทางหลวงและสภาพถนนอื่นๆ โดยอัตโนมัติตามข้อมูล เช่น พลังงานแบตเตอรี่ที่เหลืออยู่ เส้นทาง และข้อมูลการจราจร ทั้งหมดเพื่อการขับขี่ที่ประหยัดพลังงาน
นอกจากนี้ยังมีขุมพลังไฮบริดเครื่องยนต์เบนซินสี่สูบแถวเรียงความจุ 2.5 ลิตร พร้อมระบบมอเตอร์ไฟฟ้า สมรรถนะ 242 แรงม้า ในรุ่น NX 350h, เครื่องยนต์เบนซินสี่สูบแถวเรียงความจุ 2.5 ลิตร สมรรถนะ 206 แรงม้า แรงบิด 249 นิวตันเมตร ในรุ่น NX 250 และเครื่องยนต์เบนซินสี่สูบแถวเรียงความจุ 2.4 ลิตร เทอร์โบ “T24A-FTS” ที่พัฒนาขึ้นใหม่ มอบสมรรถนะสูงสุด 279 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 430 นิวตันเมตร ในรุ่น NX 350
เมื่อรวมกับระบบขับเคลื่อนสองล้อหน้า และสี่ล้อ จึงทำให้ Lexus NX ใหม่ มีให้เลือกถึง 8 รุ่น เพื่อนำเสนอระบบส่งกำลังที่เหมาะสมในระดับสากล
2.ระบบส่งกำลัง และระบบขับเคลื่อนอันเป็นเอกลักษณ์
Lexus NX ใหม่ มาพร้อมเกียร์อัตโนมัติ Direct Shift-8AT พร้อมคันเกียร์แบบ Shift-by-Wire ที่พัฒนาขึ้นใหม่ช่วยให้สามารถเร่งความเร็วและลดความเร็วได้ตรงตามความต้องการของคนขับ และให้รอบเวลาในการเปลี่ยนเกียร์ที่น่าพอใจ และเกียร์ eCVT
สำหรับระบบขับเคลื่อนนั้นจะมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD นอกจากนี้ในรุ่นไฮบริด และ PHEV มาพร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ “E-Four” ที่มีมีการพัฒนาการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังแบบแปรผันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่โหมด 100:0 ไปจนถึง 20:80 เปอร์เซ็นต์ เพื่อประสิทธิภาพการกระจายแรงขับเคลื่อนที่เหมาะสมตามโหมดขับขี่ และสภาพถนน และประสิทธิภาพการเร่งความเร็วและการสิ้นเปลืองน้ำมันเชื้อเพลิงที่ลดลง
สำหรับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา ช่วยปรับการกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังอย่างต่อเนื่อง และใช้เทคโนโลยีที่เป็นเอกลักษณ์เพื่อให้ได้มาซึ่งการสัมผัสของหน้ายางกับพื้นผิวถนนและสัมผัสในการบังคับเลี้ยวที่ตอบสนองได้ดีที่สุด
โดยในรุ่นเครื่องยนต์ 2.4 ลิตร เทอร์โบ กระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังอย่างต่อเนื่องจาก 75:25 เป็น 50:50 (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
ส่วนรุ่นเครื่องยนต์เบนซอน 2.5 ลิตร แบบไม่รวมไฮบริด จะได้รับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD แบบควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ตลอดเวลา ที่สามารถกระจายแรงขับเคลื่อนไปยังล้อหน้า/ล้อหลังแบบแปรผันอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ช่วง 100:0 ไปจนถึง 50:50 (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)
3.โครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ GA-K ใหม่ล่าสุด
Lexus NX ใหม่ ใช้โครงสร้างสถาปัตยกรรมยานยนต์ GA-K เพื่อให้ได้ตัวถังที่มีน้ำหนักเบาและมีความแข็งแรงสูง โดยมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อให้สามารถบังคับควบคุมรถได้อย่างเหนือชั้น สมรรถนะพื้นฐานของรถได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อสืบทอดเอกลักษณ์การขับขี่ในแบบเฉพาะของ Lexus ซึ่งเป็นการขับขี่ที่สามารถตอบสนองต่อการบังคับเลี้ยวของผู้ขับขี่ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงการควบคุมที่ปรับปรุงเพื่อให้ได้การตอบสนองที่ดียิ่งขึ้น
ควบคู่กับการยกระดับพัฒนาโครงสร้างตัวถัง โดยคำนึงถึงรูปร่างของโครงกระจังหน้าและมีการเพิ่ม ความหนาของแผ่นตัวถัง โครงสร้างส่วนบนของตัวรถยังได้รับประโยชน์จากฝากระโปรงหน้าที่มีโครงสร้างแบบล็อกคู่ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Lexus รวมถึงติดตั้งสารโฟมที่มีโครงสร้างแข็งแรงตามการวิเคราะห์ CAE เอาไว้ เพื่อลดการเสียรูปในช่องเปิดห้องเก็บสัมภาระด้านหลังได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
ด้านเทคโนโลยีการเชื่อมตัวถัง นอกจากเทคโนโลยี laser screw welding (LSW) และกาวยึดโครงสร้างแล้ว เทคโนโลยี laser peening ยังได้รับการพัฒนาขึ้นใหม่เพื่อเชื่อมโครงรถอีกด้วย ด้วยการวางตำแหน่งที่เหมาะสมและการขยายความยาวของส่วนที่เชื่อมต่อ แรงยึดจะเพิ่มขึ้นประมาณ 35% เมื่อเทียบกับรุ่นธรรมดา
แผ่นเหล็กกันกระแทกด้านนอกผลิตขึ้นจากเหล็กกล้า 1180 MPa ด้วยกระบวนการเชื่อมแบบเทเลอร์แบล็งค์ (เบากว่าชิ้นส่วนโครงสร้างทั่วไป 1.6 กก.) และ ตัวเสริมความแข็งแรงบริเวณกลางหลังคานั้นผลิตขึ้นจากเหล็กแผ่นแบบรีดเย็นซึ่งมีความทนแรงดึงถึง 1470 MPa*3 (เบากว่าชิ้นส่วนโครงสร้างทั่วไปประมาณ 0.3 กก.) โครงสร้างที่ทำจากเหล็กที่มีความต้านทานแรงดึงสูงดังกล่าวจะช่วยเพิ่มความแข็งแรง ความปลอดภัย และการควบคุมรถที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับลดน้ำหนักของรถลงด้วย
นอกจากนี้ ด้วยการลดระดับจุดรองรับสะโพกของเบาะนั่งด้านหลังลง ทำให้ระยะห่างของศีรษะผู้โดยสารเพิ่มขึ้นและเพิ่มความสบายของผู้โดยสารในเบาะหลัง
4.ช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ในทุกจุด
Lexus NX ใหม่ ใช้ระบบช่วงล่างแบบแมคเฟอร์สันสตรัทสำหรับส่วนหน้า และใช้ระบบปีกนกคู่สำหรับส่วนหลัง ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โช้คอัพที่พัฒนาขึ้นใหม่จะช่วยคงแรงสั่นสะเทือนที่ความเร็วต่ำโดยการออกแบบชิ้นส่วนที่มีแรงเสียดทานสูงอย่างระมัดระวัง
ประกอบกับแพ็คเกจ F SPORT มาพร้อมกับ Adaptive Variable Suspension (AVS) ล่าสุดเป็นอุปกรณ์มาตรฐานเพื่อให้เกิดความคล่องแคล่วในระดับสูงและสร้างความสบายในการขับขี่
โครงสร้างยึดล้อถูกเปลี่ยนจากการยึดด้วยโบลท์สตัดและน็อตดุมล้อมาเป็นการยึดด้วยโบลท์ดุมล้อ ด้วยการเพิ่มความแข็งแรงและลดน้ำหนักของรถส่วนที่ไม่ได้รองรับด้วยระบบช่วงล่าง (น้อยกว่าประมาณ 0.7 กก. เมื่อขันน็อตดุมล้อ) ส่งผลให้ได้สัมผัสในการบังคับเลี้ยวที่เฉียบคมและตอบสนองได้ดี รวมทั้งให้การขับขี่ที่มีคุณภาพสูง
สำหรับล้ออัลลอยจะมีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 18 นิ้ว กับ 20 นิ้ว ส่วนยางล้อรถจะมีขนาดตั้งแต่ 225/60R18 นิ้ว และ 235/50R20 นิ้ว พร้อมกับ Extended Mobility Tyre (EMT) เพื่อให้การขับขี่มีคุณภาพสูง และในขณะเดียวกัน ก็เพื่อให้มั่นใจว่ายางของรถยนต์สามารถใช้ในการขับขี่ตามระยะทางที่ปลอดภัยในกรณีที่เกิดยางรั่ว
การบังคับเลี้ยวยังใช้แร็คเกียร์ แบบปรับได้ที่ใช้เป็นครั้งแรกใน Lexus เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการขับด้วยความเร็วสูงและสามารถตอบสนองต่อการเลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างรวดเร็ว แร็คเกียร์บังคับเลี้ยวแบบแปรผันรุ่นใหม่ยังใช้งานได้ดีกับการขับขี่ที่ความเร็วต่ำอีกด้วย
สำหรับการเบรก ยังมีการพัฒนาแป้นเบรกรูปทรงใหม่ ซึ่งถูกออกแบบตามหลักสรีรศาสตร์ เพื่อให้การสลับระหว่างแป้นเหยียบและการเหยียบแป้นเบรกนั้นง่ายขึ้น PHEV และ HEV เป็นรถยนต์ Lexus รุ่นแรกที่มีกลไกลดแรงสั่นสะเทือนของแป้นเหยียบ ช่วยเพิ่มคุณภาพในการเคลื่อนตัวเมื่อปล่อยแป้นเหยียบให้ดีมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ แอ็คชิวเอเตอร์เบรกที่ได้รับการพัฒนาและตอบสนองเร็วขึ้นยังรองรับการทำงานของ Lexus Safety Sense+ ได้ดีขึ้นอีกด้วย
5.ประสิทธิภาพแอโรไดนามิกที่ดีขึ้นกว่าเดิม
ด้านรายละเอียดของตัวถัง Lexus NX ใหม่ ได้รับการปรับปรุงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพแอโรไดนามิก คิ้วข้างรถจนถึงพื้นผิวประตูและพื้นผิวกระจกออกแบบมาให้เรียบเสมอกันและเกิดความแตกต่างน้อยที่สุดเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ และเพื่อเสถียรภาพในการขับขี่
ที่ด้านล่างของตัวรถ รอยเว้าในแผงป้องกันน้ำกระเซ็นใต้ท้องรถจะสร้างกระแสลมวนขนาดเล็กที่ช่วยเสริมการไหลเวียนของอากาศใต้ตัวรถและช่วยให้การขับขี่มีเสถียรภาพที่ความเร็วสูง กันชนหน้าได้รับการออกแบบมาเพื่อให้การไหลเวียนของอากาศและแรงกดเพิ่มขึ้น และกันชนหลังยังมีช่องเปิดเพื่อปรับสมดุลการเคลื่อนตัวของช่วงล่างด้านหลัง
และส่งผลให้รายละเอียดภายนอกดูสวยงาม โฉบเฉี่ยว ชวนสะกดสายตายิ่งขึ้น
6.ความเงียบที่ดีขึ้นกว่าเดิม
เพื่อให้ได้มาซึ่งความเงียบในการขับขี่ที่คู่ควรใน Lexus NX ใหม่ นอกเหนือจากการเพิ่มประสิทธิภาพในการดูดซับเสียงและป้องกันเสียงของวัสดุในส่วนต่าง ๆ ของรถ เพื่อลดเสียงรบกวนที่เข้ามาในห้องโดยสารแล้ว อากาศและเสียงลมที่เล็ดลอดเข้ามาในห้องโดยสารยังลดลงอย่างมาก (ลดลงประมาณ 15% เมื่อเปรียบเทียบกับระดับเสียงในรถยนต์รุ่นก่อน)
นอกจากนี้ เพื่อลดเสียงลมเมื่อขับขี่ด้วยความเร็วสูง จึงมีการปรับปรุงและพัฒนารูปร่างของยางขอบประตูและรางกระจกประตูหน้า เพื่อให้การปิดผนึกประตูมีประสิทธิภาพมากขึ้น สำหรับกระจกประตูหน้าได้มีการนำวัสดุป้องกันเสียงชนิดใหม่มาใช้ มีการใช้โครงสร้างแบบล็อกคู่ในฝากระโปรงหน้าเป็นครั้งแรกในรถยนต์ Lexus เพื่อลดการสั่นสะเทือนของฝากระโปรงที่เกิดจากสภาพอากาศแปรปรวน ส่งผลให้ได้ความเงียบที่ดียิ่งขึ้น
รุ่นเทอร์โบชาร์จ 2.4 ลิตรมีคุณสมบัติ Active Noise Control/Engine Sound Enhancement ซึ่งช่วยปรับปรุงลักษณะเสียงของเครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จสี่สูบ และในขณะเดียวกัน ก็ให้ประสบการณ์การขับขี่พร้อมด้วยเสียงเครื่องยนต์ที่น่าพึงพอใจตามแบบฉบับของ Lexus
7.ประสิทธิภาพการควบคุมรถที่ดีขึ้นจากระบบแสดงผลรูปแบบใหม่
การออกแบบเลย์เอาท์ของข้อมูลการแสดงผลข้อมูลต่าง ๆ ของ Lexus NX ใหม่ เริ่มจาก Heads-up Display ไปจนถึงมาตรวัด และจาก Heads-up Displayไปจนถึงจอแสดงผลตรงกลางช่วยให้การเคลื่อนไหวของดวงตาราบรื่นขึ้นและลดการเสียสมาธิในขณะขับรถ ประกอบกับ ปุ่มสตาร์ท คันเกียร์ และสวิตช์เลือกโหมดการขับขี่จะถูกติดตั้งไว้รอบ ๆ พวงมาลัย ทำให้สามารถควบคุมได้อย่างเป็นธรรมชาติมากขึ้น ดังนั้น ผู้ขับขี่จึงสามารถใช้งานได้อย่างราบรื่นโดยไม่ทำให้สูญเสียท่าทางในการขับขี่
ตัวรถได้เพิ่มฟังก์ชั่น Touch Tracer Operation ซึ่งเป็นการทำงานที่รวมจอแสดงผลแบบ Head-up display เข้ากับสวิตช์เซ็นเซอร์สัมผัสบนพวงมาลัยเข้าด้วยกัน เมื่อคนขับแตะสวิตช์เซ็นเซอร์สัมผัสบนพวงมาลัย คู่มือการใช้งานจะปรากฏขึ้นบนจอแสดงผลบนกระจกหน้า (หรือบนมาตรวัดเมื่อปิดจอแสดงผลแบบ Head-up display) ซึ่งช่วยให้ใช้งานได้ง่ายขึ้นโดยที่คนขับไม่จำเป็นต้องละสายตาจากถนนข้างหน้า
นอกจากนี้ จอแสดงผลแบบ Head-up display ยังมาพร้อมกับโหมดการแสดงผลข้อมูลและเลย์เอาต์ที่แตกต่างกันถึงสามโหมด เพื่อให้ลูกค้าเพลิดเพลินไปกับการขับขี่ในขณะที่ยังคงมองเห็นสภาพถนนโดยรอบได้อย่างชัดเจน คนขับสามารถเปลี่ยนโหมดได้ตามสถานการณ์การขับขี่ และเลย์เอาต์และกราฟิกของมาตรวัดยังได้รับการออกแบบใหม่เพื่อให้แน่ใจว่าคนขับจะได้รับข้อมูลที่ต้องการในขณะขับขี่
8.เทคโนโลยีความปลอดภัยขั้นสูงล่าสุดและความสะดวกสบายที่ยึดการออกแบบที่เน้นมนุษย์เป็นศูนย์กลาง
เพื่อให้เป็นไปตามความปรารถนาสูงสุดของสังคมของการขับขี่ “การไม่มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจากอุบัติเหตุจราจร” NX จึงขอนำเสนอ Lexus Safety System+ ที่พัฒนาขึ้นมาใหม่ ด้วยการขยายช่วงการตรวจจับของเรดาร์คลื่นมิลลิเมตรและกล้อง นอกจากนี้ได้ปรับปรุงประสิทธิภาพของแต่ละฟังก์ชันและเพิ่มฟังก์ชันใหม่เพื่อช่วยในการขับขี่บนถนนธรรมดา เป้าหมายคือการป้องกันอุบัติเหตุ ลดการเสียชีวิตและการบาดเจ็บจากการจราจร และลดภาระของคนขับ
8.1 ระบบ LEXUS SAFETY SYSTEM+ ล่าสุด พร้อมฟังก์ชั่นทีหลากหลายและประสิทธิภาพที่เพิ่มมากขึ้น
- เพิ่มการให้ความช่วยเหลือที่ทางแยกโดยรวมเอาความช่วยเหลือในการหลีกเลี่ยงการชนกับรถที่วิ่งตัดกัน รถที่ขับสวนทางมาในทางตรงเมื่อเลี้ยวขวา*2, และคนเดินถนนและนักปั่นจักรยานที่มาจากข้างหน้าเมื่อเลี้ยวขวาหรือซ้าย นอกจากนี้ ขอบเขตของการช่วยเหลือยังได้ขยายไปครอบคลุมถึงรถจักรยานยนต์ ยานพาหนะที่วิ่งสวนทางซึ่งเบี่ยงจากเลน และนักปั่นจักรยานในตอนกลางคืน เมื่อระบบพิจารณาแล้วว่ามีความเป็นไปได้สูงที่จะเกิดการชน ระบบจะเปิดใช้งานสัญญาณเตือนและเบรกเพื่อช่วยลดความเสียหาย
- หากรถคันก่อนหน้าในเลนเดินทางด้วยความเร็วที่ช้ากว่าความเร็วรถที่กำหนดไว้ ระบบจะดำเนินการการชะลอตัวโดยอัตโนมัติ
- ด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจจับทางโค้งข้างหน้าและการชะลอตัวก่อนหน้านี้ตามขนาดของทางโค้ง ฟังก์ชันการควบคุมความเร็วเมื่อเข้าโค้งได้พัฒนาขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับความรู้สึกของคนขับมากขึ้น
- เมื่อมีรถในช่องทางแซงที่ช้ากว่าความเร็วของรถ ระบบจะลดความเร็วรถเพื่อไม่ให้แซงออกจากเลนที่ขับขี่อยู่และรักษาระยะห่างระหว่างรถทั้งสองคัน*4
8.2 LANE DEPARTURE ALERT (LDA*5)
จุดมุ่งหมายคือการควบคุมระบบร่วมกับคนขับ เช่น การปิดใช้งานฟังก์ชั่นเตือนและยับยั้งการออกจากเลน เมื่อสามารถตัดสินได้ว่าคนขับได้ทำการบังคับรถโดยเจตนาเพื่อหลีกเลี่ยงบุคคลหรือรถที่จอดอยู่ นอกจากนี้ ระบบยังสามารถแยกแยะ เสาไฟฟ้า ขอบทางเท้า ราวกั้น กำแพง และแถวเสาไฟฟ้าที่เรียงต่อกันได้ ซึ่งจะช่วยการสนับสนุนเพิ่มเติมที่ในขณะขับขี่ที่ความเร็วต่ำ
8.3 LANE TRACING ASSIS (LTA*6)
ประสิทธิภาพการจดจำเลนได้รับการปรับปรุงเพื่อการสนับสนุนการบังคับเลี้ยวที่นุ่มนวลและไม่ถูกรบกวน ในสถานการณ์ต่างๆ เช่น การแซงรถในเลนที่อยู่ติดกัน หรือเมื่อมีระยะห่างระหว่างรถกับโครงสร้างถนนแบบออฟโรด ตำแหน่งการติดตามจะชดเชยจากศูนย์กลางของถนนไปยังด้านหลีกเลี่ยง เช่นเดียวกับการขับขี่ของคนขับ เพื่อให้เกิดการควบคุมร่วมกับคนขับ
8.4 ROAD SIGN ASSIST (RSA*9)
นอกจากป้าย “ความเร็วสูงสุด” “ห้ามแซง” “ห้ามรถผ่าน” และ “หยุดชั่วคราว” แล้ว เรามีขยายขอบเขตการสนับสนุนให้รวมถึงป้าย “ห้ามเลี้ยว” แล้วเช่นเดียวกัน
8.5 PROACTIVE DRIVING ASSIST (PDA*11)
ระบบจะการคาดการณ์ความเสี่ยงตามสถานการณ์การขับขี่ เช่น “คนเดินเท้าข้ามถนน” หรือ “รถยนต์อาจจะไม่สามารถควบคุมได้” และช่วยสนับสนุนคนขับเพื่อไม่ให้เข้าใกล้อันตรายมากเกินไป ส่งผลให้คนขับเกิดความอุ่นใจ นอกจากนี้ ระบบยังช่วยสนับสนุนการลดความเร็วของคนขับเพื่อตอบสนองต่อรถคันข้างหน้าหรือทางโค้งข้างหน้า และลดความจำเป็นในการเปลี่ยนการเหยียบแป้นบ่อยครั้ง
8.6 ใหม่! E-LATCH SYSTEM
การเปลี่ยนกลไกการล็อก/ปลดล็อกของประตูด้วยการควบคุมด้วยสวิตช์ไฟฟ้า ช่วยให้การทำงานของประตูเป็นไปอย่างราบรื่นและให้ความรู้สึกที่นิ่มนวล
8.7 ใหม่! PANORAMIC VIEW MONITOR
Panoramic View Monitor ที่รวมเอาภาพจากกล้องที่ติดตั้งไว้ที่ด้านหน้า ด้านหลัง ด้านซ้าย และด้านขวาของรถและแสดงขึ้นบนจอแสดงผลกลาง มีฟังก์ชันใหม่เพื่อแสดงภาพพื้นผิวถนนที่ถ่ายไว้ก่อนที่รถจะเคลื่อนที่ผ่าน เพื่อช่วยให้คนขับเข้าใจพื้นผิวถนนและตำแหน่งยางบริเวณใต้ท้องรถ
*1. PCS：Pre-Collision System
*2. เมื่อขับรถชิดซ้ายของถนน เมื่อขับชิดขวาของถนน เมื่อเลี้ยวซ้าย
*4. มีเฉพาะที่ยุโรป
*5. LDA：Lane Departure Alert
*6. LTA：Lane Tracing Assist
*8. LCA：Lane Change Assist
*9. RSA：Road Sign Assist
*11. PDA：Proactive Driving Assist
