Ford ประกาศเปิดตัว All-New Ford Maverick คอมแพ็คปิกอัพแบบ unibody แม้จะมีขนาดเล็กกว่ารุ่นพี่ แต่มาพร้อมออพชั่นที่จัดเต็มเอาใจทั้งคนรักการขนส่งจนถึงสันทนาการ และประสิทธิภาพการประหยัดน้ำมันมากที่สุดจากขุมพลังไฮบริดใหม่ล่าสุด พร้อมเป็นเจ้าของได้ในราคาเริ่มต้นที่ 19,995 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 6.24 แสนบาท
Ford Maverick ว่าที่น้องเล็กของรถกระบะที่มาพร้อมขนาดที่เล็กกว่า Ford Ranger ด้วยความยาว 5,072 มม. สูง 1,744 มม. หรือเตี้ยกว่า 281 มม. และสั้นกว่า 60 มม. อันเป็นผลมาจากการใช้แชสซีส์เดียวกับ Frod Bronco
ซึ่งมิติของ Ford Maverick สั้นกว่ารถกระบะจากญี่ปุ่นในระดับหนึ่งด้วย แต่ถึงกระนั้นทางบริษัทฯ ได้ชูโรงสุดยอดรถกระบะขนาดเล็กที่อเนกประสงค์ ทันสมัย ทรงพลัง และประยัดน้ำมันมาก ตอบโจทย์ผู้ที่กำลังสนใจสัมผัสรถกระบะครั้งแรก หรือรถกระบะที่ตอบโจทย์การขับขี่ในเมือง ด้วยรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 12 เมตร
บุคลิกภายนอก จะมาในรูปแบบบบุคลิกที่ดูดุดัน และมีเพียงเฉพาะตัวถัง 4 ประตูเท่านั้น โดยออพชั่นภายนอกมาพร้อมไฟหน้า LED ทรง C-Shape และไฟเลี้ยวตรงกลาง ที่รับกับกระจังหน้าอย่างลงตัว, ไฟท้าย LED แยก 2 ชั้น พร้อมทรวดทรงที่รักกับฝากระบะท้าย, ล้อยกสูง แต่ไม่สวมขอบซุ้มล้อ เป็นต้น
ภายในได้รับการออกแบบที่ผสมผสานทั้งความทันสมัย ความสะดวกสบาย ความอเนกประสงค์ในพื้นที่ที่จำกัด ไม่ว่าจะเป็นแผงประตูพร้อมช่องวางขวด 1 ลิตร, ช่องเก็บของใต้เบาะหลัง, ช่องเก็บของตรงแผงคอนโซลกลาง, ช่องวางแว่นกันแดดหลังจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว
รวมถึงออกแบบอุปกรณ์ยึดบริเวณแผงคอนโซลกลางด้านหลังที่เรียกว่า Ford Integrated Tether System หรือ FITS ที่สามารถติดตั้งอุปกรณ์ยึดจับหรืออุปกรณ์แขวนทั้งจากอุปกรณ์สำเร็จรูป หรืออุปกรณ์ที่ผลิตเองจากเทคโนโลยีพิมพ์ 3 มิติ
ด้านออพชั่นที่น่าสนใจ จะมีทั้งจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 8 นิ้ว รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto และฟีเจอร์ FordPass Connect จะเป็นมาตรฐาน ขณะที่ระบบ SYNC3 ของฟอร์ดจะเป็นตัวเลือกในรุ่น Lariat ตัวรถมาพร้อมโมเด็มและ WIFI สำหรับเชื่อมต่ออุปกรณ์สูงสุด 10 เครื่อง และมีแอปพลิเคชั่นเชื่อมต่อตัวรถเพื่อค้นหารถกระบะของตนตรวจสอบระดับน้ำมันเชื้อเพลิง ล็อกและปลดล็อกประตู และสตาร์ทหรือดับเครื่องยนต์ผ่านสมาร์ทโฟนได้
อีกหนึ่งสิ่งที่ไม่ควรมองข้ามก็คือส่วนของกระบะท้ายอเนกประสงค์ ด้วยความยาวมากถึง 1,371 มม. แต่สามารถขยายความยาวได้สูงสุดถึง 1,828 มม. เมื่อเปิดฝากระบะท้าย ที่มาพร้อมกับการออกแบบพื้นที่อย่างชาญฉลาดให้กลายเป็นพื้นที่อเนกประสงค์ที่จัดเต็มไม่แพ้กระบะรุ่นพี่เลย ด้วยพื้นปูกระบะแบบ Flexbed ที่มาพร้อมร่องเสียแท่งไม้ เพื่อแบ่งพื้นที่แบบ 2×4 หรือ 2×6 ที่ผู้ขับขี่สามารถปรับพื้นที่ได้อย่างหลากหลาย
แถมยังมาพร้อมอุปกรณ์เสริมหลายรายการภายในพื้นที่กระบะท้าย อาทิ ช่องเก็บอุปกรณ์ซ่อมแซม, ปลั๊กไฟ 110 โวลต์, ชุด pre-wire DIY 12 โวลต์อีกชุดสำหรับเดินสายไฟเสริมเพื่อใช้กับอุปกรณ์ขนาดใหญ่, ไฟ LED สายรัด, D-Ring 4 ตัว, รวมถึงจุดฝังหมุดยึดอุปกรณ์สำหรับผู้ขับขี่ซื้ออุปกรณ์เสริมสำหรับการดัดแปลงกระบะ เช่น ฝาปิดกระบะท้ายแบบานเลื่อน หรือราวยึดอุปกรณ์แบบรางเลื่อนได้
Ford Maverick จะมีขุมพลังให้เลือกตามรุ่นย่อย เริ่มจากขุมพลังใหม่อย่างเครื่องยนต์ไฮบริด ประกอบด้วยเครื่องยนต์สี่สูบแบบ Atkinson ความจุ 2.5 ลิตร สมรรถนะ 162 แรงม้า แรงบิด155 ปอนด์/ฟุต ผสานด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า 126 แรงม้า แรงบิด 173 ปอนด์/ฟุต ทั้งหมดนี้ให้สมรรถนะสูงสุดถึง 191 แรงม้า ส่งกำลังด้วยเกียร์ CVT ขับเคลื่อนล้อหน้า
โดยทางบริษัทฯ เผยว่า ขุมพลังไฮบริดนี้ ให้ประสิทธิภาพการประหยัดสูงสุดถึง 40 ไมล์/แกลลอน (ตามมาตรฐานการทดสอบจาก EPA) วิ่งได้ไกลถึง 805 กม. ด้วยน้ำมันถังเดียว รองรับน้ำหนักบรรทุกสูงสุด 680 กก. และน้ำหนักลากจูงสูงสุด 907 กก.
และเครื่องยนต์ Ecoboost ขนาด 2.0 ลิตร สมรรถนะ 250 แรงม้า แรงบิด 277 ปอนด์/ฟุต จับคู่กับเกียร์อัตโนมัติ 8 สปีด โดยมีให้เลือกทั้งระบบขับเคลื่อนล้อหน้า และขับเคลื่อนสี่ล้อ เมื่อติดตั้งอุปกรณ์เสริม 4K Tow Packageจะช่วยให้สามารถลากจูงน้ำหนักส่วนพ่วงได้มากถึง 1,814 กก.
Ford Maverick จะเริ่มวางจำหน่ายพร้อมกันในช่วงก่อนปลายปีนี้ โดยจะมีให้เลือกทั้ง XL, XLT และ Lariat รวมถึงมีรุ่นพิเศษอย่าง First Edition และ FX-4 Off-Road Package ที่จะมีเฉพาะรุ่นขับเคลื่อน AWD เท่านั้น
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com