Honda Motor อเมริกา ประกาศเปิดตัว All-New Honda Civic สปอร์ตซีดานเจนเนอเรชั่น 11 ที่ยกระดับการดีไซน์ที่เป็นมิตรต่อผู้ขับขี่มากขึ้น ภายใต้บุคลิกที่เรียบหรู สง่างาม อัดแน่นด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่หลายรายการ เพื่อการขับขี่และโดยสารที่สุนทรีย์ยิ่งขึ้น
Honda Civic สปอร์ตซีดานเจนเนอเรชั่น 11 ยังคงถ่ายทอดแนวคิดการพัฒนารถอันแสนเรียบง่าย และเน้นความสุขแก่ผู้ขับขี่และผู้โดยสารสูงสุดด้วยปรัชญาการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ Man-maximum, machine-minimum จึงมาพร้อมกับตัวถังที่บาง-เบา พร้อมกับปรับเส้นสายตัวถังใหม่ให้มีความเรียบง่าย แต่ดูหรูหรายิ่งขึ้น
ไม่ว่จะเป็นการลดความหน้าของฐานเสากระจกบังลมหน้าให้ไปอยู่ด้านหลัง เพื่อทำให้ทำให้ฝากระโปรงดูยาวขึ้น มีสัดส่วนคลาสสิกมากขึ้น รวมถึงเส้นสายใต้กระจกหน้าต่างที่ยาวเชื่อมจากไฟหน้าถึงไฟท้ายที่มอบความโฉบเฉี่ยว, ด้านหลังรถที่ดูโค้งมนมอบลุคสปอร์ต และให้ประสิทธิภาพแอโร่ไดนามิกที่ดียิ่งขึ้น
Honda Civic โฉมใหม่นี้ มาพร้อมสีตัวถังใหม่ 3 สี ได้แก่ Meteorite Gray Metallic, Sonic Gray Pearl และสีพิเศษอย่าง Morning Mist Blue Metallic ที่มีเฉพาะในรถรุ่นนี้เท่านั้น และรวมกับสีเดิมอีก 5 สี รวมทั้งหมดเป็น 8 สี
สำหรับภายในนั้นก็ได้รับการออกแบบได้อย่างน่าสนใจ ด้วยการผสมผสานทั้งเทคโนโลยีสมัยใหม่ภายใต้การออกแบบสุดคลาสสิก อาทิ เรือนไมล์จอดิจิทัลขนาด 10.2 นิ้ว และจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 7 นิ้ว ในออพชั่นมาตรฐาน แต่สำหรับรุ่นบน ๆ จะได้รับทั้งจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 9 นิ้ว พร้อมระบบเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย และมีช่องวางนิ้วลึก 0.8 นิ้ว ใต้จออินโฟเทนเมต์เพื่อให้ใช้งานได้ง่ายขึ้น
ทั้งหมดนี้ได้รับการติดตั้งบนแผงคอนโซลสไตล์เรโทร และสัมผัสที่หรูหราชวนสะกดสายตา อาทิ ช่องแอร์ที่ซ่อนในแถบตาข่ายรังผึ้ง เสริมขอบสีดำเงาเพิ่มความหรู และไม่ก่อให้เกิดรอยนิ้วมือ, แป้นหมุนแบบยื่นออกมา, ระบบปรับอากาศอัตโนมัติแบบแป้นหมุน, ปุ่มควบคุมภายในรถดีไซน์หรู, ที่วางสมาร์ทโฟนใต้แผงปุ่มควบคุมภายในรถซึ่งในรุ่น Touring จะได้รับแท่นชาร์จไร้สาย Qi ด้วย, เป็นครั้งแรกของ Honda Civic ในรุ่นท็อปสุดจะได้รับลำโพง 12 จุดรอบห้องโดยสาร จาก Bose
การออกแบบภายในใหม่จะช่วยมอบทัศนวิสัยด้านหน้ารถได้กว้างกว่าเดิม ด้วยการออกแบบแผงคอนโซลให้กดต่ำเล็กน้อย, ปรับตำแหน่งกระจกบังลมด้านล่าง และการออกแบบด้านบนและด้านหลังแผงคอนโซลที่ช่วยลดการสะท้อนไปยังกระจกหน้ารถ รวมถึงปรับดีไซน์เสา A เพื่อให้ทัศนวิสัยที่กว้างขวาง และดีขึ้น
รวมถึงมิติภายในที่กว้างขึ้นส่งผลให้พื้นที่ศีรษะ หัวไหล่ สะโพก และพื้นที่วางขากว้างขวางยิ่งขึ้นในทุกที่นั่ง และถึงแม้จะมีฐานล้อที่ยาวกว่าเดิม 1.4 นิ้ว แต่โครงสร้างตัวถังก็ได้รับการเสริมความแข็งแรง ด้วยการใช้วัสดุเหล็กและอะลูมิเนียมที่มีความแข็งแรงสูง ที่ทนแรงบิดของโครงสร้างมากขึ้น 8% และความแข็งแกร่งในการดัดเพิ่มขึ้น 13% ในขณะเดียวกันก็ได้ออกแบบจุดยึดและวัสดุน้ำหนักเบา จึงทำให้น้ำหนักตัวรถไม่เพิ่มสูง แต่ความแข็งแรงเพิ่มอย่างเห็นได้ชัด ส่วนซับเฟรมหน้าก็ผลิตจากอะลูมิเนียมที่ออกแบบจุดเชื่อมใหม่เพื่อความแข็งแกร่งและความมั่นคงที่ดีขึ้น
ทางด้านช่วงล่างก็ได้รับการยกระดับการดีไซน์แบบจัดเต็ม ด้วยเริ่มจากระบบกันสะเทือนล้อหน้าแบบแม็คเฟอร์สันสตรัท พร้อมข้อต่อ Ball Joints แรงเสียดทานต่ำ แบริ่งยึดโช้คอัพหน้าที่ช่วยสนับสนุนการบังคับเลี้ยวที่สมูทยิ่งขึ้น, ยางแท่นบุชขนาดใหญ่ที่ช่วยลดความกระด้าง ขณะเดียวกัน ชิ้นส่วน Lower Arms สำหรับล้อหลังก็ได้รับยางแท่นบุชใหม่ที่ช่วยลดการสั่นสะเทือนภายในห้องโดยสาร และช่วยบังคับให้รถวิ่งได้ตรงยิ่งขึ้น
แบริ่งล้อหน้าและล้อหลังแรงเสียดทานต่ำ และพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าที่ปรับใหม่ที่ช่วยตอบสนองการบังคับเลี้ยวได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น
สำหรับขุมพลังของ Honda Civic โฉมใหม่ จะมีให้เลือกทั้งเครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ 2 ความจุ ได้แก่ เครื่อง 2.0 ลิตร 158 แรงม้า แรงบิด 138 ปอนด์ฟุต กับความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบ 180 แรงม้า แรงบิด 177 ปอนด์ฟุต ซึ่งเครื่องยนต์เทอร์โบนี้ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อให้สมรรถนะที่สูงขึ้นกว่าเดิมอีก 6 แรงม้า แรงบิด 15 ปอนด์ฟุต
รวมถึงเกียร์ CVT ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่เพื่อลดแรงเสียดทานของระบบเกียร์ให้ต่ำลงเพื่อการส่งกำลังที่แม่นยำ ตอบสนองได้ดีขึ้น และช่วยลดเกียร์ในระหว่างเบรกได้ รวมถึงช่วยสนับสนุนในการลดการใช้น้ำมันลงอีกในระดับหนึ่งด้วย
Honda Civic โฉมใหม่ล่าสุดเป็นรุ่นแรกของโลกที่ได้เปิดตัวระบบถุงลมนิรภัยเพื่อลดอาการบาดเจ็บของสมอง โดยควบคุมการเคลื่อนไหวของศีรษะได้ดีขึ้นในระหว่างการชนบางประเภท ด้วยถุงลมนิรภัยด้านคนขับรูปทรงโดนัท ส่วนถุงลมนิรภัยด้านผู้โดยสารแบบสามด้านที่เปิดเหมือนแผ่นพับจะทำงานในลักษณะเดียวกัน
ผสานด้วยเทคโนโลยีความปลอดภัย Honda Sensing ที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้ทำงานดีขึ้นกว่าเดิม ทั้งกล้องหน้าใหม่ที่ให้มุมมองที่กว้างขึ้นกว่าเดิม, ซอร์ฟแวร์เวอร์ชั่นใหม่ที่เพิ่มการตอบสนองและจับสังเกตวัตถุตรงหน้าจนถึงคนเดินเท้า และนักปั่นจักรยานได้รวดเร็วขึ้น, Adaptive Cruise Control ที่ปรับปรุงการเบรกได้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น รวมถึงระบบควบคุมรถในช่องเลนที่ทำได้เป็นธรรมชาติยิ่งขึ้น เป็นต้น
โดย Honda Civic เจนเนอเรชั่น 11 จะเริ่มวางจำหน่ายในฤดูร้อนปีนี้ มีให้เลือกด้วยกัน 4 รุ่น ได้แก่ LX / Sport / EX และ Touring ส่วนราคาจะเปิดเผยเพิ่มเติมในลำดับต่อไป
เครดิตข้อมูลจาก carscoops.com