General Motors Truck Company เปิดตัว GMC Hummer EV SUV กับการพัฒนาต่อยอดอีกขั้นของรถกระบะรุ่นใหญ่ สู่รถ Off-Road SUV ขุมพลังไฟฟ้าโฉมจำหน่ายจริง ที่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพการขับขี่แบบออฟโรด เพิ่มเติมคือความสะดวกสบาย และความมั่นคงสไตล์รถ SUV
ซึ่ง GMC Hummer EV SUV ได้รับการเปิดตัวในระหว่างการแข่งขันบาสเก็ตบอลรอบ Final Four ของ NCAA ผ่านการบรรยายโดย LeBron James อันเป็นการเปิดตัวรถสุดเอ็กซ์คลูซีฟและเป็นที่กล่าวถึงไม่น้อยสำหรับผู้ชมการแข่งขันบาสเก็ตบอลครั้งนี้
ด้านรายละเอียดภายนอก GMC Hummer EV SUV นั้นแทบจะไม่ต่างจากเวอร์ชั่นรถกระบะมากนัก ไม่ว่าจะเป็นกระจังหน้า, ไฟหน้า, กันชนหน้าพร้อมห่วงคล้อง, ไฟท้าย เป็นต้น อันเป็นผลมาจากการใช้แพลตฟอร์ม Ultium เช่นเดียวกับตัวถังกระบะ แต่มีการเพิ่มส่วนหลังคาแข็ง โดยจะสามารถถอดหลังคาได้แค่ 2 แถวหน้าสุดเท่านั้น
รวมถึงประตูท้ายขนาดใหญ่ ที่มีบานประตูเปิดเหมือนห้องนิรภัย พร้อมช่องที่กว้างถึง 1,219 มม. เพื่อให้การขนถ่ายสิ่งของเป็นเรื่องง่าย สำหรับพื้นที่บรรทุกสัมภาระด้านท้ายรถ เมื่อพับเบาะหลังทั้งหมดจะมอบความจุสูงสุดถึง 2,316 ลิตร และยังมีพื้นที่บรรทุกสัมภาระอเนกประสงค์ที่ด้านหน้ารถด้วย
ความแตกต่างที่ชัดเจนที่สุดคือการปรับความยาวของตัวถังให้สั้นกว่ารถกระบะ ด้วยความยาวเพียง 4,999 มม. ระยะฐานล้อเพียง 3,218 มม. ซึ่งการที่มีขนาดสั้นกว่ารถกระบะช่วยให้ตัว
รถมีความคล่องตัวในการขับขี่มากขึ้น และมีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุดเพียง 10.8 เมตร ตัวรถมีความสูงใต้ท้องรถสูงสุดถึง 406 มม. องศา มุมไต่ มุมคร่อม และมุมจากที่ 49.6 °, 49.0 °และ 34.4°ตามลำดับ รวมถึงรองรับการลงน้ำได้ลึกสุด 813 มม.
และรุ่น SUV ก็ยังได้รับระบบ CrabWalk และ Extract Mode จากรถกระบะ ที่ช่วยให้ตัวรถเคลื่อนที่ในแนวทแยงด้านข้า และสามารถปรับให้ตัวถังสูงขึ้นจากพื้นเพิ่มอีก 152 ซม. เพื่อความคล่องตัวในการหลบสิ่งกีดขวาง หรือขึ้นเนินหินได้เป็นอย่างดี
การตกแต่งภายในได้รับการปรับปรุงเพิ่มความสะดวกสบายให้กับที่นั่งแถวสอง รวมถึงเสริมวัสดุภายในเพื่อลดเสียงรบกวนให้เข้าห้องโดยสารลดน้อยลงกว่าเดิม
ด้านออพชั่นที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นเรือไมล์จอดิจิตอลขนาด 12.3 นิ้ว, จออินโฟเทนเมนต์ขนาด 13.4 นิ้ว, แผงสวิตซ์ทนทาน, ระบบขับขี่กึ่งอัตโนมัติ Super Cruise ที่รองรับการขับขี่แบบแฮนด์ฟรีได้ไกลถึง 321,869 กม. พร้อมเพิ่มระบบเปลี่ยนเลนอัตโนมัติได้
ออพชั่นที่น่าสนใจอย่างหนึ่งสำหรับผู้ที่มีสมาร์ทโฟน นั่นคือแอปพลิเคชั่น myGMC มาพร้อมฟีเจอร์ทำแผนที่เส้นทางออฟโรดใหม่พร้อมระบบบันทึกการเดินทาง ระบบแจ้งตำแหน่งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่ใกล้ที่สุด และยังสามารถซิงค์กับจออินโฟเทนเมนต์ขนาด 13.4 นิ้ว ได้อีกด้วย
GMC Hummer EV SUV มีตัวเลือกระบบขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าให้เลือกด้วยกัน 2 แบบ ได้แก่ แบบมอเตอร์ 2 ตัวในรุ่นมาตรฐาน ให้กำลังรวม 625 แรงม้า แรงบิด 10,033 นิวตันเมตร กับมอเตอร์ไฟฟ้า 3 ตัวในรุ่นบน ๆ ที่ให้กำลังรวมสูงสุด 830 แรงม้า แรงบิด 15,592 นิวตันเมตร รวมถึงในรุ่นนี้ได้เผยอัตราเร่งจาก 0-96 กม./ชม. ทำได้น้อยกว่า 3.5 วินาที
รวมถึงมีตัวเลือกแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ที่มีตั้งแต่ 16 โมดูล และ 20 โมดูล โดยสามารถรองรับการชาร์จไฟแบบกระแสตรงได้มากสุดสูงสุดถึง 300 กิโลวัตต์ หรือชาร์จเพียง 10 นาที ก็สามารถวิ่งได้ไกลถึง 161 กม. เลยทีเดียว ด้านประสิทธิภาพในการเดิน ทางนั้นสามารถวิ่งได้ไกลตั้งแต่ 403 และมากกว่า 483 กม./ชาร์จเต็ม 1 ครั้ง ขึ้นกับแบตเตอรี่
นอกจากนี้ยังมีระบบ Power Station สามารถทำหน้าที่เป็นเครื่องจ่ายไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ภายนอกได้สูงสุด 3 กิโลวัตต์ หรือปรับกิโลวัตต์เพิ่มขึ้นเพื่อเป็นที่ชาร์จให้กับรถยนต์ไฟฟ้าได้อีกคัน เพื่อช่วยให้ผู้ร่วมเดินทางหายห่วงว่าจะไม่สามารถหาสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าได้ในถิ่นทุรกันดาร
โดย GMC Hummer EV SUV จะมีตัวเลือกด้วยกัน 5 เกรด ได้แก่ EV2, EV2X, EV3X, Edition 1 และ Edition 1 พร้อมเสริมแพ็คเกจ Extreme Off-Road โดยราคาจะจำหน่ายตั้งแต่ 79,995 ถึง 110,595 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว ๆ 2.50 ถึง 3.45 ล้านบาท ส่วนกำหนดการวางจำหน่ายจะมีขึ้นเร็วสุดราว ๆ ปี 2023 จนถึงฤดูใบไม้ผลิปี 2024
โดยเฉพาะ GMC Hummer EV SUV จะมีตัวเลือก Edition 1 ที่เพิ่มความหรูหรา ชุดแต่งเกรดพรีเมี่ยม โดดเด่นสง่างาม ซึ่งจะเริ่มผลิตในต้นปี 2023 ส่วนราคาเริ่มต้นที่ 105,595 ดอลลาร์
รวมถึงมีตัวเลือกแพ็คเกจพิเศษ Extreme Off-Road เพียงแค่จ่ายเพิ่ม 5,000 ดอลลาร์ ก็จะได้รับทั้งล้อขนาด 18 นิ้ว หุ้มยางออฟโรด 35 นิ้ว โครงเหล็กกันหิน, แผ่นกันกระแทกใต้ท้องรถ, ระบบ eLocker ที่เพลาล้อหน้า และเพลาล้อหลัง, ชุดช่วงล่าง Ball-spline half shafts และกล้อง UltraVision