กระแสขุมพลังลูกผสมกำลังมาแรง ไม่ว่าจะรถเล็กหรือรถใหญ่ รวมถึงรถกระบะก็อาจจะมีขุมพลังลูกผสมให้ลูกค้าได้พิสูจน์สมรรถนะพร้อม ๆ กัน โดยในเวลานี้มีข่าวว่า Ford Ranger และ Ford Everest เจนเนอเรชั่นหน้าจะมาพร้อมกับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด เป็นตัวเลือกเพิ่มด้วย
![Ford](https://img-ha.mthcdn.com/pM1omxATvQptm9RN6QL60SOzTDY=/mthai.com/app/uploads/2021/03/1603884573846.jpg)
จากรายงานในเว็บไซต์ Carexpert ของประเทศออสเตรเลีย ได้เผยข้อมูลจากโฆษก Ford of Europe เปิดเผยว่าทางบริษัทฯ จะมีการนำเสนอรถยนต์เพื่อการพาณิชย์ และรถกระบะขุมพลังปลั๊กอินไฮบริด ที่จะยกระดับการปล่อยไอเสียที่ต่ำลงถึงศูนย์ภายในปี 2024 และหนึ่งในนั้นที่มีการพัฒนาอย่างแน่นอนก็คือ Ranger และ Everest เจนเนอเรชั่นใหม่
ซึ่งการที่ Ford Ranger และ Ford Everest จะได้รับขุมพลังปลั๊กอินไฮบริดนั้นเป็นส่วนหนึ่งของแผนการนำเสนอผลิตภัณฑ์ของ Ford of Europe ที่ต้องการจำหน่ายผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้าทั้งหมดภายในปี 2030 โดยเฉพาะในช่วงกลางปี 2026 ทางบริษัทฯ จะต้องมีผลิตภัณฑ์รถยนต์ไฟฟ้า หรือปลั๊กอินไฮบริด “ทุกรุ่น” ที่จำหน่ายเฉพาะในยุโรป
![Ford](https://img-ha.mthcdn.com/g7ncHMA0xuImCxtFAfxz2bIDilU=/mthai.com/app/uploads/2021/03/20_FRD_ESP_45944.jpg)
สำหรับรายละเอียดขุมพลังแม้จะยังไม่เปิดเผย แต่มีความเป็นไปได้สูงที่จะใช้เครื่องยนต์เบนซิน 4 สูบ ความจุ 2.3 ลิตร ที่พ่วงด้วยระบบปลั๊กอินไฮบริด จนคาดว่าอาจจะรีดสมรรถนะสูงสุดถึง 362 แรงม้า แรงบิด 680 นิวตันเมตร ส่วนประสิทธิภาพการบริโภคน้ำมันอาจจะน้อยถึง 3.0 ลิตร / 100 กม. ก็เป็นได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ฟอร์ด เรนเจอร์ และเอเวอเรสต์ ขุมพลัง PHEV เจนเนอเรชั่นใหม่นั้นดูเหมือนว่าจะประเดิมทำตลาดเฉพาะในยุโรปก่อน ส่วนทิศทางการจำหน่ายในภูมิภาคอื่นนั้น ทางโฆษกได้เผยว่า “เราทราบดีว่าผู้บริโภคชาวออสเตรเลียมีความต้องการที่จะซื้อ EV และรถยนต์ไฮบริดเพิ่มขึ้น แต่ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงผลกระทบของการกระจายผลิตภัณฑ์ Ford of Europe จะมีต่อตลาดอื่น ๆ ในต่างประเทศรวมถึงออสเตรเลียด้วย”
![Ford](https://img-ha.mthcdn.com/vSV5ic6_86ocl4GnIxcHpGI67tA=/mthai.com/app/uploads/2021/03/Ford-Explorer-Plug-in-Hybrid-0002-1024x605-600x354-1.jpg)
ซึ่งเป็นไปได้ว่าการจะผลิตรถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดสำหรับจำหน่ายในภูมิภาคอื่นนั้นก็จะขึ้นกับความพร้อมของโรงงานผลิตชุดระบบขับเคลื่อนแบบใหม่ด้วย จึงคาดว่าอาจจะยังคงทำตลาดจำกัดประเทศก่อนเพื่อศึกษาเทคโนโลยีและประสิทธิผลทางการตลาด รวมถึงการวางแผนจัดตั้งแผนกผลิตและประกอบชุดระบบขับเคลื่อนปลั๊กอินไฮบริดจากรถยนต์ที่ผลิตในปัจจุบัน ทั้ง Fusion, Escape และ Explorer รวมถึงรถบางรุ่นในยุโรป จนสามารถกระจายความรู้และเทคโนโลยีสู่โรงงานท้องถิ่นอื่น ๆ ตามลำดับต่อไป
เครดิตข้อมูลจาก carexpert.com.au และ ford.com