Royal Enfield แบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก เติบโตจากการเริ่มต้นเล็ก ๆ ที่โรงงานเรดดิชย์ สหราชอาณาจักร ในปีค.ศ. 1901 (พ.ศ. 2444) สู่ตำนานมอเตอร์ไซค์คลาสสิกขนานแท้ ยึดรูปแบบการดีไซน์ที่เรียบง่ายจนเป็นเอกลักษณ์ ควบคู่กับมุ่งมั่นเอาชนะเส้นทางสุดหฤโหดของโลก เพื่อสร้างประสบการณ์ที่น่าจดจำและตำนานแห่งการขับขี่ มุ่งหมายให้มอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์เป็นแบรนด์ในตำนานที่สง่างามเหนือกาลเวลา
Royal Enfield เตรียมเฉลิมฉลอง 120 ปีแห่งเอกลักษณ์อันโดดเด่น ก้าวไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด และปรับตัวให้เข้ากับยุคสมัย เพื่อสานต่อประสบการณ์การขับขี่ที่แท้จริง การสร้างแรงบันดาลใจ การปลุกเร้าความกระตือรือร้นและการไขว้ขว้าการผจญภัย โดยจะจัดงานทั่วโลกตลอดปี 2021 (พ.ศ. 2564) เพื่อเฉลิมฉลองความยิ่งใหญ่ของตำนาน และความสำเร็จของการเดินทางของมอเตอร์ไซค์ ร่วมกับผู้ชื่นชอบรอยัล เอนฟิลด์ และสังคมนักขับขี่ของแบรนด์
รอยัล เอนฟิลด์ คือแบรนด์รถมอเตอร์ไซค์ที่มีสายการผลิตต่อเนื่องยาวนานที่สุดในโลก ที่แสดงให้เห็นถึงความคิดริเริ่ม การปรับตัว ความอดทน และการเป็นส่วนหนึ่งในทุกเจนเนอร์เรชัน ด้วยอุดมการณ์ ซึ่งต้องการให้แบรนด์มีความยืดหยุ่น ยึดโยงผู้คน และเข้าถึงได้
รอยัล เอนฟิลด์ ไม่ได้เป็นเพียงแบรนด์ที่เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิต ในตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา แต่เป็นเครื่องมือสำคัญในการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่อีกด้วย
สิทธัตถะ ลาล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอเคอร์ มอเตอร์ส ลิมิเต็ด บริษัทแม่ของรอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “120 ปี เป็นตำนานที่ยาวนานของแบรนด์ และเราภาคภูมิใจที่ได้ใช้เวลาอย่างคุ้มค่า รอยัล เอนฟิลด์เป็นมากกว่าแบรนด์มอเตอร์ไซค์ แต่เป็นสัญลักษณ์แห่งการก้าวข้ามยุคสมัย และการผจญภัย เราประสบความสำเร็จในการสร้างวัฒนธรรมการขับขี่ทั่วโลก ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราทุ่มเทรักษาแก่นแท้ของแบรนด์ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา ทำให้ยังสามารถคงความมีเอกลักษณ์ และความแตกต่างได้ เรายังได้ริเริ่มการขับขี่มอเตอร์ไซค์เพื่อการพักผ่อน ซึ่งทั้งเข้าถึงได้ ครอบคลุม และสนุกสนาน เป้าหมายของเราคือ การทำให้รอยัล เอนฟิลด์เป็นแบรนด์ระดับโลก และเราจะท้าทายตัวเองต่อไป เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์และประสบการณ์ที่จะทำให้ทุกความฝัน ไปได้ไกลกว่าเดิม ไปสู่ประสบการณ์ใหม่บนพรมแดนที่ยังไม่มีผู้ไปถึง”
Royal Enfield เป็นแบรนด์ที่รุ่มรวยด้วยมรดกทางวัฒนธรรมข้ามขอบเขตระหว่างประเทศ ได้ผ่านการทดสอบของกาลเวลาและช่วยสร้างประวัติศาสตร์และความทรงจำในการขับขี่รถมอเตอร์ไซค์มากมาย หนึ่งในตัวอย่างที่สำคัญคือ วินี่เฟร็ด เวลส์ ผู้หญิงที่เป็นตำนานรุ่นบุกเบิกแห่งวงการมอเตอร์ไซค์ของรอยัล เอนฟิลด์ ในปีค.ศ. 1950 (พ.ศ. 2493) เธอได้เดินทางด้วยรถมอเตอร์ไซค์รอยัล เอนฟิลด์ บุลเล็ต 350 ไป-กลับจากจากเพิร์ธ ถึงซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย รวมระยะทางกว่า 5,500 ไมล์ โดยใช้เวลาเพียง 22 วัน
และอีก 2 ปีหลังจากนั้นวินี่เฟร็ดก็เริ่มการเดินทางครั้งใหม่พร้อมกับพ่อของเธอโดยขี่มอเตอร์ไซค์วนรอบประเทศออสเตรเลียที่มีระยะทางเกือบ 10,000 ไมล์กินเวลากว่า 65 วัน ด้วยสภาพอากาศที่ร้อนถึง 44 องศาเซลเซียส
สำหรับภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ Royal Enfield ไม่ถือเป็นแบรนด์น้องใหม่ นั่นเพราะได้มีตัวแทนจำหน่ายอยู่ในประเทศสิงคโปร์ตั้งแต่ก่อนและหลังสงครามโลกครั้งที่สองแล้ว ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษที่ 1950 โดยมีสิงคโปร์เป็นศูนย์กลางการกระจายสินค้าภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ทั้งหมด
ในปีค.ศ. 1947 (พ.ศ. 2490) ลูกค้าคนหนึ่งซึ่งเป็นนักขับขี่ผาดโผน ชื่อว่า ลาน เซน ฟุค ได้ซื้อรอยัล เอนฟิลด์ 350 ซีซี โมเดล จี จากตัวแทนจำหน่ายในสิงคโปร์ และได้ถ่ายทอดความประทับใจที่มีต่อมอเตอร์ไซค์คันนี้ว่า “ฉันไม่เคยขี่อะไรที่ดีไปกว่านี้เลย เครื่องยนต์แทบไม่มีการสั่นสะเทือนเมื่อขับด้วยความเร็วสูง มันมั่นคง และขับหักมุมได้ดี” สิ่งเหล่านี้คือคุณสมบัติที่สำคัญทั้งหมด หากคุณสนุกกับการขับรถปล่อยมือที่ความเร็ว 30 ไมล์ต่อชั่วโมง ขณะที่ยืนบนถังน้ำมัน
นายวิมัล ซุมบ์ลี หัวหน้าฝ่ายธุรกิจระหว่างประเทศ ประจำภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก รอยัล เอนฟิลด์ กล่าวว่า “นับเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจของรอยัล เอนฟิลด์ ที่ได้บรรลุความสำเร็จในเหตุการณ์สำคัญของการครบรอบ 120 ปีแห่งมรดกที่ไม่เสื่อมคลาย มีแบรนด์จำนวนไม่มากที่ผ่านการทดสอบแห่งการเวลาและได้ดื่มด่ำกับการเดินทางสุดพิเศษที่มีมานานกว่าศตวรรษ ถือเป็นช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจสำหรับเราทุกคน ตลอดจนผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับแบรนด์ เราโชคดีที่ได้รับการสนับสนุน ส่งเสริม และได้รับกำลังใจจากทั้งลูกค้า คู่ค้า และที่สำคัญที่สุดคือ ชุมชนนักขับขี่ของเรา ด้วยการเดินทางและการผจญภัยของพวกเขาจึงทำให้แบรนด์รอยัล เอนฟิลด์กลายเป็นตำนาน สำหรับปีนี้ ในภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก เราจะมีการจัดกิจกรรมที่น่าสนใจมากมายสำหรับชุมชนนักขับขี่ของเรา เพื่อเป็นการสรรเสริญแรงสนับสนุนของพวกเขาที่ทำให้เราก้าวไปสู่ความสำเร็จครั้งสำคัญครั้งนี้”
ตลอดระยะเวลา 120 ปี นับเป็นการเดินทางแห่งการปรับตัวที่ไม่มีวันสิ้นสุด Royal Enfield ยังคงยึดมั่นในหลักการสำคัญของการสร้างรถมอเตอร์ไซค์ที่เรียบง่าย เข้าถึงได้ และให้ผู้ขับขี่มีส่วนร่วมกับมอเตอร์ไซค์ เราขับขี่ผ่านสงครามโลกถึงสองครั้ง รอดจากการปิดตัวลงในปีค.ศ. 1967 (พ.ศ. 2509) และค.ศ. 1977 (พ.ศ. 2520) และปรากฏชัยชนะของการขับขี่ที่ผ่านบททดสอบความทนทานทั้งจากคนและเครื่องจักรทั้งในการขับขี่ในชีวิตประจำวัน ออกทริปทางไกล จนถึงวงการมอเตอร์สปอร์ต
ปัจจุบัน Royal Enfield ถือเป็นผู้นำในตลาดรถมอเตอร์ไซค์ขนาดกลาง (250-750 ซีซี) ซึ่งมุ่งมั่นที่จะเติบโตและขยายตลาดกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและหลากหลาย ตลอดจนเราได้สร้างชุมชนสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่มากกว่าสิบล้านคนทั่วโลก และยังคงเดินหน้าเพื่อส่งมอบเสน่ห์ของการขับขี่ในสไตล์ Pure Motorcycle เรียบง่าย แต่คุ้มค่าแก่ไบค์เกอร์ผู้มีความฝัน ทั้งในวันนี้ และในอนาคตต่อไป
ผู้สนใจรับชมประวัติศาสตร์ของแบรนด์ Royal Enfield ฉบับเต็ม สามารถรับชมเพิ่มเติมได้ที่ royalenfield.com