มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ก้าวสู่ปีที่ 60 ของการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย พร้อมขอบคุณคนไทยด้วยแคมเปญพิเศษ มอบเป็นของขวัญสุดเซอร์ไพรส์กับแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” แจกทองคำแท่ง 60 บาท จำนวน 6 รางวัล และรางวัลอื่น ๆ กว่า 1,200 รางวัล รวมมูลค่ากว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์ Mitsubishi รุ่นใดก็ได้ ตลอดปี 2564 ยิ่งซื้อเร็ว ยิ่งมีสิทธิ์มาก
อีกทั้งเดินหน้าดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม ด้วยการเปิดตัวมูลนิธิมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เพื่อแสดงพันธสัญญาของการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว กับโครงการแรก “ปลูกป่า 60 ไร่” ตั้งเป้าหมายอนาคตชัดร่วมสร้างสังคมไทยที่ยั่งยืน
จากจุดเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2504 ภายใต้การบริหารงานของบริษัท สิทธิผล มอเตอร์ จำกัด สู่การเข้าบริหารงานแบบเต็มรูปแบบ ภายใต้ชื่อใหม่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด ในปี พ.ศ. 2546 ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการพัฒนาและสร้างความสำเร็จในด้านต่าง ๆ อย่างต่อเนื่องจนปัจจุบัน เป็นที่มาของความภาคภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในช่วงเวลาดี ๆ ของคนไทย ผ่านการสร้างสรรค์สังคมไทยให้เติบโตทั้งด้านเศรษฐกิจผ่านการลงทุน การส่งออก และการจ้างงานในประเทศ ตลอดจนการพัฒนาศักยภาพของคนไทย รวมถึงการถ่ายทอดเทคโนโลยียานยนต์ระดับโลก ภายใต้นโยบายของการเป็นส่วนสำคัญในการสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมที่ดี เพื่อเป้าหมายของการเติบโตของสังคมที่ยั่งยืน ทั้งในวันนี้ และในอนาคต
มร. โมะริคาซุ ชกกิ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ผมและพนักงานทุกคนขอขอบคุณรัฐบาลไทย ผู้จำหน่าย พันธมิตรทางธุรกิจ และที่สำคัญลูกค้าคนไทย ที่เปิดโอกาสให้มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ร่วมเดินทางและเติบโตเคียงคู่กับประเทศไทยจนครบ 60 ปี ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เราได้รับการสนับสนุนจากลูกค้าคนไทยมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้เราได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของสังคมไทย ที่มุ่งมั่นผลักดันให้เกิดการพัฒนาและการเติบโตทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและสิ่งแวดล้อมของประเทศ”
“โดยอาศัยความเชี่ยวชาญและความชำนาญในฐานะผู้ผลิต ผู้ส่งออกและจำหน่ายรถยนต์คุณภาพมาตรฐานระดับโลกของเราใ ห้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทางธุรกิจและต่อสังคม ซึ่งถือเป็นเป้าหมายสำคัญของการดำเนินธุรกิจของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย บนแนวคิดที่ว่า ทุกช่วงเวลาดีๆ ของคนไทย คือที่สุดของความภูมิใจของเรา ปัจจุบัน เราได้ให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์นวัตกรรมและเทคโนโลยีใหม่ ๆ อีกทั้งช่วยยกระดับอุตสาหกรรมยานยนต์ ของประเทศ เพื่อให้ลูกค้าของเราทั้งในประเทศไทย และอีกกว่า 120 ประเทศทั่วโลกได้สัมผัสกับประสบการณ์การขับขี่ที่ดีจากรถยนต์คุณภาพเยี่ยม มั่นใจได้ในทุกการขับขี่ ภายใต้แนวคิด “Drive your Ambition” และจะยังคงมุ่งมั่นดำเนินงานในประเทศไทยต่อไปภายใต้ความร่วมมือที่ดีจากบริษัทพันธมิตรทางธุรกิจ และพนักงานของเรา เพื่อขับเคลื่อนสู่ความสำเร็จในอนาคต อย่างยั่งยืนต่อไป” มร.ชกกิ กล่าวเสริม
มิตซูบิชิ มอเตอร์ส เริ่มต้นการผลิตรถยนต์ในประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี พ.ศ. 2460 จวบจนปัจจุบันเป็นเวลา 104 ปี หลังจากนั้น ได้เข้ามาเริ่มต้นธุรกิจในประเทศไทยในปี พ.ศ. 2504 โดยวางรากฐานให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์นอกประเทศญี่ปุ่น เพื่อจำหน่ายภายในประเทศและส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ทั่วโลกตลอดระยะเวลา 60 ปี ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้สร้างปรากฏการณ์สำคัญให้เกิดขึ้นอย่างมากมาย จากในช่วงเริ่มต้น ที่ผลิตรถยนต์ได้เพียง 59 คันต่อปี จวบจนปัจจุบัน มีกำลังการผลิตสูงสุดถึง 424,000 คันต่อปี ถือเป็น ฐานการผลิตที่ใหญ่ที่สุดของ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส คอร์ปอเรชั่น
ยิ่งไปกว่านั้น มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย เป็นผู้ผลิตและส่งออกรถยนต์ที่ผลิตโดยฝีมือคนไทยเป็นรายแรก และสามารถสร้างยอดการส่งออกสะสม ครบ 4 ล้านคัน (ตั้งแต่ พ.ศ. 2531 – 2562) ไปจำหน่ายทั่วโลกกว่า 120 ประเทศ ในปี พ.ศ. 2562 ครองแชมป์อันดับหนึ่งด้านการส่งออกรถยนต์ในปีดังกล่าว ปัจจุบัน มีโรงงานผลิตรถยนต์ 3 แห่ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์ 1 แห่งสนามทดสอบรถยนต์แห่งแรกนอกประเทศญี่ปุ่น และสถาบันการศึกษาและฝึกอบรม (Education Academy) สำหรับพนักงานและ ผู้จำหน่ายรถยนต์มิตซูบิชิ ทั่วประเทศ และได้เริ่มดำเนินการก่อสร้างโรงพ่นสีรถยนต์แห่งใหม่ พร้อมปรับปรุงประสิทธิภาพของโรงงานเดิม ด้วยมูลค่าการลงทุนกว่า 7,000 ล้านบาท โดยทั้งนี้ กว่า 30 ปี ที่ผ่านมา มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้ลงทุนในประเทศไทยในด้านต่างๆ ไปแล้วกว่า 82,000 ล้านบาท และอีกหนึ่งความสำเร็จครั้งสำคัญของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย คือการผลิตรถยนต์ครบ 6 ล้านคัน ในประเทศไทย ในปี พ.ศ. 2564 นี้
“และเพื่อเป็นการสานต่อการดำเนินธุรกิจของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย บนพื้นฐานของการคำนึงถึงสังคม และสิ่งแวดล้อมควบคู่กันไป ในปีนี้เราได้มีการจัดตั้ง “มูลนิธิมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย” ในฐานะองค์กรที่ไม่แสวงหากำไร เพื่อการขับเคลื่อนและพัฒนาสังคมอย่างยั่งยืนใน 3 ด้านหลักสำคัญ ได้แก่ สิ่งแวดล้อม สุขภาพและ ชีวอนามัย และการศึกษาและจริยธรรม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงพันธสัญญาและความมุ่งมั่นของมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ในการดำเนินงานด้านกิจกรรมเพื่อสังคมอย่างเป็นรูปธรรมในระยะยาว พร้อมเปิดตัวโครงการแรก “ปลูกป่า 60 ไร่” ซึ่งเป็นความร่วมมือกันระหว่าง 3 หน่วยงาน ได้แก่ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย กรมป่าไม้ และ องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) หรือ อบก. โดยมิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย จะมอบเงินสนับสนุนให้แก่กรมป่าไม้สำหรับจัดหาต้นไม้ เพื่อนำไปปลูกในพื้นที่จังหวัดชลบุรีและบริเวณพื้นที่ใกล้เคียง รวม 60 ไร่ โดยจะจัดกิจกรรมให้พนักงานของบริษัทฯ และประชาชนในพื้นที่โดยรอบ ได้ร่วมกันปลูกต้นไม้เพื่อสร้างพื้นที่สีเขียวในชุมชม ถือเป็นการกระตุ้นจิตสำนึกเรื่องสิ่งแวดล้อมให้ทุกคนในสังคมอีกด้วย” มร.ชกกิ กล่าวเสริม
และในโอกาสครบรอบ 60 ปี มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ยังได้จัดกิจกรรมทางการตลาดต่างๆ เพื่อฉลองโอกาสสำคัญ และขอบคุณลูกค้าที่ให้ความไว้วางใจซื้อและใช้รถยนต์มิตซูบิชิ กับแคมเปญ “มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ในประเทศไทย ฉลอง 60 ปี แจก 60 ล้าน” มอบรางวัลใหญ่ ทองคำแท่งหนัก 60 บาท มูลค่า 1,638,000 บาท จำนวน 6 รางวัล พร้อมของรางวัลอื่นๆ อาทิ ทองคำแท่งหนัก 6 บาท จำนวน 60 รางวัล ทีวี SAMSUNG รุ่น QLED Smart 4K 65 นิ้ว จำนวน 400 รางวัล และ โทรศัพท์มือถือ iPhone 12 64GB จำนวน 800 รางวัล รวมมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 60 ล้านบาท สำหรับผู้ที่ซื้อรถยนต์มิตซูบิชิรุ่นใดก็ได้ ตั้งแต่วันนี้ – 31 ธันวาคม 2564 1 สิทธิ์/ 1 คัน จับรางวัลทุก ไตรมาส โดยสามารถรับสิทธิ์ลุ้นได้ในทุกครั้งที่มีการจับรางวัล จนกว่าจะได้รับรางวัลหรือจนกว่าจะสิ้นสุดแคมเปญ ยิ่งซื้อเร็ว ยิ่งมีสิทธิ์มาก
“นับจากนี้ มิตซูบิชิ มอเตอร์ส ประเทศไทย ได้วางแผนลงทุนเพิ่มเติมสำหรับปี พ.ศ. 2564 – 2569 อีกกว่า 36,000 ล้านบาท เพื่อขยายศักยภาพด้านการผลิตในประเทศเพิ่มเติม พร้อมการเปิดตัวผลิตภัณฑ์รถยนต์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องให้แก่อุตสาหกรรมยานยนต์ของประเทศ และจะยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจระยะกลาง โดยให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการด้านทรัพยากรในประเทศไทย การสร้างความแข็งแกร่งด้านการผลิตรถยนต์ เพิ่มยอดขายและส่วนแบ่งทางการตลาดในเมืองไทยให้มากขึ้น ด้วยความมุ่งมั่นในการดำเนินงานเพื่อความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า” มร. ชกกิ กล่าวสรุป