ขอพรความกล้าหาญ พระขันธกุมาร เทพแห่งสงครามและการต่อสู้

ดูดวง | February 19, 2024February 20, 2024

กำเนิด พระขันธกุมาร ตำนานเทพแห่งสงครามและการต่อสู้

การกำเนิดของ พระขันธกุมาร นั้นก็เพื่อปราบอสูรที่ชื่อ ตาระกาสูร เป็นกษัตริย์อสูรแห่งแคว้นตรีปุระผู้มีตบะแรงกล้า สามารถบำเพ็ญฌานบารมีจนร้อนไปถึงพรหมโลก ทำให้จักรวาลสั่นสะเทือน กษัตริย์อสูรตนนี้ไม่เกรงพระบารมีของพระพรหม ทะนงตนคิดว่าตนเองเก่งกล้าสามารถไม่แพ้ใคร ทำให้พระพรหม ทนความร้อนไม่ไหว ต้องเสด็จมาประทานพรตามที่อสูรปรารถนา เหตุที่บอกว่าอสูรตาระกามีตบะแรงกล้านั้น เพราะได้ทำสมาธิอย่างเข้มงวดเป็นเวลายาวนานกว่า 100 ปีสวรรค์ ทำให้พรที่อสูรตนนี้ขอไว้กับพระพรหมคือขอให้มีชีวิตเป็นอมตะ แข็งแกร่งไม่มีผู้ใดในสามภพเทียบเทียมได้ และไม่มีใครสามารถสังหารเขาได้นอกเสียจากโอรสของพระศิวะ

เมื่อได้พรแล้ว เขาได้ยึดครองสวรรค์ปกครองโลกทั้ง 3 ภพ ครานั้น พระศิวะมหาเทพ ได้ทรงแบ่งน้ำเชื้อที่มีความร้อน เหมือนไฟแห่งการทำลายล้างออกมาหยดหนึ่งร่วงลงสู่พื้นดิน ด้วยความรีบร้อน พระอัคนี ได้รีบแปลงกายเป็นนกเขา กลืนเอาน้ำเชื้อนั้นเข้าไป ความร้อนแรงแห่งน้ำเชื้อนั้นทำให้พระอัคนีร้อนรนจนทนไม่ได้ พระศิวะแนะนำให้เอาน้ำเชื้อนั้นไปใส่ในครรภ์ของผู้หญิงแทน และต้องใส่ในครรภ์ของหญิงซึ่งได้อาบน้ำในวันแรกของเช้าตรู่ของเดือนมาฆะ

ในวันนั้น บรรดาภริยาของฤาษีได้มาอาบน้ำ ปรากฎว่า ภริยาทั้ง 6 คน ที่ลงอาบน้ำนั้นถูกน้ำเชื้อที่นกเขาคายไว้ ซึมแทรกเข้าไปตามรูขุมขน นางทั้งหกจึงร้อนรนทุกข์ทรมานมาก นางทั้งหกได้ถูกเหล่าฤาษีขับไล่ออกจากอาศรม จากนั้นจึงได้ตัดสินใจทำลายน้ำเชื้อที่เป็นตัวอ่อนทิ้งจึงอาศัยพลังแห่งโยคะที่เทือกเขาหิมาลัย เพื่อจะได้หลุดพ้นจากความทรมานและเหวี่ยงตัวอ่อนลงไปที่แม่น้ำคงคา เช่นเดียวกับ พระแม่คงคา ที่ได้เหวี่ยงเอาตัวอ่อนนี้ขึ้นไปที่พงหญ้า เสมือนการชุบตัวจากแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ ได้ปรากฎทารกน้อยขึ้นตนหนึ่งที่พงหญ้านั้น

พระพรหมทรงรู้ด้วยญาณว่า โอรสแห่งพระศิวะเทพได้ถือกำเนิดแล้ว จึงบัญชาให้พระฤาษีวิศวามิตรไปประกอบพิธีให้กับโอรสน้อยแห่งศิวะเทพ ทารกนี้พูดได้ตั้งแต่ยังแบเบาะว่า “ด้วยประสงค์ของพระศิวะเทพที่ส่งท่านมายังที่นี้ ขอให้ท่านฤาษีจงประกอบพิธีทางศาสนาเพื่อชำระร่างกายของข้า ให้บริสุทธิ์ตามกฎแห่งพระเวทที่วางไว้เถิด”

ข้างฝ่ายพระอัคนีที่เคยอุ้มน้ำเชื้อไว้ เมื่อสมัยจำแลงกายเป็นนกเขานั้น ได้เดินทางมายังที่แห่งนี้ด้วย และมอบคฑาศักดิ์สิทธิ์ถวายให้กับพระองค์ ทันทีที่ได้รับอาวุธ พระขันธกุมารก็เหาะขึ้นไปบนยอดเขาแห่งหนึ่ง เพื่อพิสูจน์พลังอำนาจแห่งตน ด้วยการใช้คฑานั้นฟาด จนภูเขาถล่มทลายลงในพริบตา ทันทีที่ยอดเขานั้นแยกออก ได้ปรากฎปิศาจ 10 โกฏิตนออกมาก แต่ก็ถูกพระองค์สังหารจนสิ้น พระขันธกุมารมีอิทธิฤทธิ์มหาศาล พละกำลังที่พระองค์ใช้ปราบอสูรนั้นเปรียบดั่งพละกำลังของพระศิวะและพระแม่ทุรคารวมกัน

ต่อมา นางกฤตติกา (กลุ่มดาวทั้ง 6 ดวง) ได้ลงมาอาบน้ำ เห็นกุมารน้อยนอนอยู่ที่กอหญ้า ก็บังเกิดความรักใคร่ นำเอากุมารไปเลี้ยงดูในดินแดนของนางทั้งหก และเพื่อไม่ให้เกิดความน้อยเนื้อต่ำใจในหมู่แม่นมทั้งหลาย พระกุมารจึงได้แยกร่างออกเป็น 6 พระองค์ ท่านมี 6 พระเศียร 6 พระพักตร์และมี 12 พระกร ส่วนผิวพรรณนั้นงดงามราวกับดวงจันทร์ในคืนวันเพ็ญ แต่รูปร่างสง่างามดุจพระสุริยะเทพ (บางตำนานบอกว่ามี 6 พระพักตร์ในร่างเดียว)

ทั้งนี้แต่ละพระพักตร์เป็นตัวแทนถึง 1.ความฉลาด 2.พละกำลัง 3.ความร่ำรวย 4.ชื่อเสียง 5.ความเที่ยงธรรม และ 6.พลังแห่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าใครได้กราบไหว้และบูชาพระขันธกุมาร จะได้รับพรทั้ง 6 ประการที่กล่าวมานี้ ทำให้พระองค์เป็นที่เคารพนับถืออย่างมากของชาวอินเดียตอนใต้โดยเฉพาะพวกทมิฬ และด้วยเหตุที่เป็นลูกที่รักยิ่งของนางการัตตี พระองค์จึงได้ชื่อว่า พระการัตตีเกยะ และเนื่องจากพระองค์คือเทพแห่งสงครามและการต่อสู้ ผู้บูชาพระขันธกุมารจะได้รับกำลังใจในการต่อกรกับปัญหาต่างๆ รวมถึงการได้รับความยุติธรรม พ้นจากการถูกเอาเปรียบกลั่นแกล้ง

พระองค์ยึดมั่นในเกียรติยศศักดิ์ศรียิ่งกว่าสิ่งใด ด้วยพระองค์จะประทานพรความกล้าหาญ ความเป็นผู้นำผู้อื่น ความมีศักดิ์ศรีเท่าเทียม และยังประทานกำลังกาย กำลังใจในการกระทำการต่างๆ ให้ลุล่วง พระองค์ไม่โปรดความอ่อนแอ ขี้ขลาด ลังเลใจ รวมถึงความอิจฉาริษยา

พระขันธกุมารคือตัวแทนแห่งความองอาจ คล่องแคล่วว่องไว ความยุติธรรมและการเรียกร้องความถูกต้อง พระองค์มีสัตว์พาหนะคือ นกยูงปรวาณี

พระขันธกุมารที่วัดถ้ำบาตู กัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย รูปปั้นบุคคลที่สูงที่สุดในโลก นับเป็นองค์เทพที่ได้รับการนับถืออย่างมากที่สุดองค์หนึ่งในมาเลเซีย โดยเฉพาะช่วงเทศกาล ไทปูซัม ซึ่งเป็นการเฉลิมฉลองระลึกถึงวันเกิดของพระขันธกุมาร โดยจะจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ในทุกปี และมีผู้คนจากทั่วโลกมาร่วมในเทศกาลนี้อย่างหนาแน่นในทุกๆ ปี