ในทุกๆ ปี ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีเทศกาล วันไหว้พระจันทร์ แต่เราเคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมต้องไหว้ และ ไหว้แล้วดีกับเราอย่างไร
ตำนานเทพ ฉางเอ๋อ ที่มาของ วันไหว้พระจันทร์
![วันไหว้พระจันทร์](https://img-ha.mthcdn.com/qUR5zWmZhZcdCN2vkrK2oKvewhI=/mthai.com/app/uploads/2023/09/mid_autumn_chinese_festival_6601.jpg)
มี ตำนานเล่าขานกันมามากมายหลากหลายบ้างก็ว่ามี ตำนานเทพฉางเอ๋อ เป็นเทพเจ้าแห่งพระจันทร์ หรือเรียกว่า”เทพจันทรา”ซึ่งในสมัยโบราณกาล ว่ากันว่ามีพระอาทิตย์บนท้องฟ้าถึง 10 ดวง แผดเผาจน แผ่นดินแห้งแล้งไปหมดน้ำทะเลก็เหือดแห้ง ทุกหนทุกแห่งลุกเป็นไฟ เดือดร้อนไปหมด ชาวบ้านทุกคนก็สิ้นหวัง ใช้ชีวิตแค่เอาตัวรอดไปวันๆหนึ่งเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่ง มีวีรบุรุษผู้กล้า ที่ชื่อว่า “โฮ้วอี้” เป็นนักธนูที่เก่งกาจมาก มีฝีมือยิงธนูแม่นยำ ได้ขึ้นไปบนภูเขาคุนหลุน และใช้พละกำลังสุดฤทธิ์ดึงเกาทัณฑ์ยิงพระอาทิตย์ดับไปถึง 9 ดวง ซึ่งวีรกรรมนี้ทำให้ชาวบ้านได้รอดพ้นจากความทุกข์ความตาย จึงได้รับการเคารพยกย่องจากชาวบ้านและผู้กล้าต่างๆ ในแผ่นดิน และมีผู้คนหลากหลายและผู้กล้ามาเพื่อขอเป็นศิษย์ฝึกวิทยายุทธซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผู้ที่จิตใจชั่วร้ายชื่อว่า “เผิงเหมิง” รวมอยู่ด้วย
หลังจากนั้น “โฮ้วอี้” จึงได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มีจิตใจงดงามอ่อนโยนอ่อนหวานมีใจเมตตากรุณา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีนามว่า “ฉางเอ๋อ” ซึ่งชีวิตรักของทั้งคู่เป็นที่ยอมรับและที่ชื่นชอบของชาวบ้านเป็นอย่างมากถือว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยกเลยก็ว่าได้ วันหนึ่ง “พระแม่เจ้าชีหวาง” หมู่เทพมารดร หรือฮองเฮาแห่งสวรรค์ จึงได้เมตตาประทานยา วิเศษ 2 เม็ด ที่กินแล้วเป็นอมตะเหาะขึ้นสวรรค์เป็นเซียนได้ทันที ให้กับโฮ้วอี้ แต่เขาก็ลังเลใจที่จะกินจึงนำมามอบให้กับ”ฉางเอ๋อ”เก็บรักษาไว้
อยู่มาวันหนึ่ง โฮ้วอี้ได้พาเหล่าศิษย์ออกไปล่าสัตว์แต่” เผิงเหมิง”แกล้งป่วย จึงทำเป็นนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อสบโอกาสจึงเอากระบี่มาขู่”ฉางเอ๋อ”ให้มอบยาให้ แต่ฉางเอ๋อนางก็รู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเขา จึงฉวยจังหวะที่เผิงเหมิงไม่ระวัง นำยาออกมากินทั้ง 2 เม็ด กลืนเข้าไปจนหมดสิ้น ทันใดนั้นเอง ร่างของนางก็ลอยขึ้นเหนือแผ่นดินและเหาะออกจากหน้าต่าง เหินสู่แดนสวรรค์ไป แต่เนื่องจากฉางเอ๋อ ยังห่วงใย”โฮ้วอี้”อยู่จึงเหาะไปเป็นเซียนสถิตอยู่บนดวงจันทร์เนื่องจากพระจันทร์นั้นอยู่ใกล้โลกมนุษย์มากที่สุด
คืนนั้นเมื่อโฮ้วอี้กลับจากล่าสัตว์ สาวใช้ก็ร้องไห้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดโฮ้วอี้จึงเจ็บแค้นและโศกเศร้ามากแต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเผิงเหมิงหนีไปไกลแล้วจึงได้แต่นั่งร้องไห้และแหงนหน้ามองฟ้าตะโกนเรียกชื่อภรรยา..” ฉางเอ๋อ”.. ทันใดนั้นเองเขาก็ได้สังเกตเห็นพระจันทร์ในคืนนี้มันสว่างสดใสกว่าทุกคืนและยังสังเกตเห็นเงาเคลื่อนไหวในดวงจันทร์ซึ่งรูปร่างเหมือนฉางเอ๋อภรรยารักของเขา หลังจากที่ เทพฉางเอ๋อ อยู่บนดวงจันทร์แล้ว โฮ้วอี้ก็ได้พยายามฝึกบำเพ็ญตนจนได้เป็นเทพบนสวรรค์และได้รับอนุญาตให้ได้สมหวังพบกับเทพฉางเอ๋อหรือ เทพจันทรา ปีละครั้งนับเป็นเรื่องราวความรักสิ่งที่เป็นอมตะและลึกซึ้งโดยแท้
เมื่อชาวบ้านได้ยินเรื่องราวของ"ฉางเอ๋อ"กลายเป็นเซียนบนดวงจันทร์ต่างก็พาจัดขนมเซ่นไหว้พร้อมจุดธูปกราบไหว้ ทำพิธีขอพรจากฉางเอ๋อผู้ซึ่งมีความอ่อนโยนเมตตาและนับถือในความรักของทั้งคู่ ให้คุ้มครองชีวิตและมีความสุขสงบในครอบครัว โดยเฉพาะ คนหนุ่มสาว จะนิยมขอให้สมหวังในเรื่องคู่รัก เพราะเทพฉางเอ๋อมีความรักแท้ที่ต้องมีการจากลา ทำให้เข้าใจความรู้สึก ในเรื่องของความรักและอยากให้ผู้คนได้สมหวังในเรื่องความรักจึงมีการขอพรจากดวงจันทร์ให้มีความสุขและความรักที่ดีราบรื่น และมีโอกาสสมหวังในที่สุด จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งประเพณี"เทศกาลวันไหว้พระจันทร์" จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งวันที่ฉางเอ๋อได้ ลอยขึ้นเป็นเซียน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำกลางเดือน 8 พอดี วันนั้นจึงเป็นวันที่ทุกคนจัดทำพิธีไหว้พระจันทร์นั่นเอง
นั่นคือที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์แต่ก็มีหลากหลายตำนานของ”เทพจันทราฉางเอ๋อ” แต่ตำนานนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด
ในบางตำนานก็เล่าขานกันเกี่ยวกับเทพปกรณัมจีนกล่าวถึงเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ที่ชื่อว่า “ฉางเอ๋อ” ซึ่งเป็นหญิงคนรักของ”โฮ้วอี้” นัก ยิงธนูแห่งสวรรค์ที่ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์ตกลงไปถึง 9 ดวงจัดทั้งหมด 10 ดวงเป็นการกระทำที่ฝืนบัญชาสวรรค์จึงโดนลงทัณฑ์ให้ไปใช้ชีวิตธรรมดาเฉกเช่นมนุษย์บนโลกกับฉางเอ๋อแล้วโฮ้วอี้ก็โดนคนสนิททรยศฆ่าตาย ส่วนฉางเอ๋อได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อมีชีวิตที่เป็นอมตะแล้วเหาะกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งตามลำพังด้วยความเศร้าสร้อย และในยุคของฮั่นเหวินตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ได้ทรงพระสุบิน (ฝัน) ว่าพระองค์ลอยขึ้นไปชมพระราชวังบนดวงจันทร์และได้พบกับ เทพธิดาฉางเอ๋อกำลังร่ายรำอย่างงดงาม ในพระสุบินนั้นพระองค์ทรงเพลิดเพลินเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่งจนเมื่อตื่นจากบรรทมและโปรดให้พระสุบินนั้นกลายเป็นความจริงจึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อ ที่พระองค์ได้พบเจอมาจนแพร่หลายไปสู่ราษฎรและเป็นประเพณีสืบมา โดยหญิงสาวชาวจีน จะสวดขอพรจากพระธิดาฉางเอ๋อเพื่อขอให้มีความเยาว์วัยและงดงามตลอดไป
ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลากหลายตำนานที่เกี่ยวกับพิธีไหว้พระจันทร์จะมีเรื่องเล่าพอสังเขปดังต่อไปนี้
ตำนานกระต่ายหยก
เป็นเรื่องเล่าที่มีกันว่ามีเทพเจ้า 3 องค์จำแลงกลายเป็นคนชรามาขออาหารกับ ลิง หมาจิ้งจอก และกระต่าย แต่มีเพียงกระต่ายที่สงสารคนชราแต่ไม่มีอาหารจะให้ กระต่ายจึงกระโดดเข้ากองไฟสละเนื้อตัวเองเป็นอาหาร เทพทั้ง 3 จึงชื่นชมความดีของกระต่ายมากจึงพาไปอยู่กับฉางเอ๋อบนดวงจันทร์และมอบหมาย ให้มีหน้าที่ตำยาวิเศษ บางครั้งเรามองขึ้นไปบนดวงจันทร์จึงเห็นเป็นรูปร่างเหมือนกระต่ายกำลังตำยา หรือที่ชาวไทยเรียกว่า กระต่ายตำข้าว อยู่นั่นเอง อันเป็นที่มาของความเชื่อว่ามีกระต่ายบนดวงจันทร์
ตำนานอู๋กัง
และยังมีตำนาน”อู๋กัง” ในดวงจันทร์อีกด้วยซึ่งว่ากันว่าอู๋กังเป็นคนขี้เกียจไม่มีวิชาความรู้ ฝันอยากเป็นเซียน พระเจ้าเลยลงโทษ ให้ไปโค่นต้นกุ่ยฮวาในดวงจันทร์ถ้าทำสำเร็จจะได้เป็นเซียน แต่ต้นกุยฮวานั้นสูงถึง 500 จ้างซึ่งสูงกว่า 5,000 ฟุตทำให้อู๋กังไม่สามารถทำได้สำเร็จจึงต้องอยู่บนดวงจันทร์
แต่ก็ยังมี หลายตำนานที่สำคัญอยู่อีกว่า ในสมัยพระเจ้าถังเก่าจู่ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังคือแม่ทัพหลี่จิ้ง ยกทัพไปปราบชนเผ่าซุงหนู และได้รับชัยชนะกลับมาในวันที่ 15 ค่ำกลางเดือน 8 ซึ่งเป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์พอดี ประชาชนต่างพากันยินดีและต้อนรับด้วยพิธีไหว้พระจันทร์ และได้มีพ่อค้าชาวทิเบต ซึ่งอยากผูกมิตรกับราชวงศ์ถังได้มาร่วมแสดงความยินดีและได้ทำขนมไหว้พระจันทร์มาถวายพระเจ้าถังเก่าจู่ พระองค์ได้จัดแบ่งขนมให้กับขุนนางและแม่ทัพต่างๆ แบ่งๆ กันไป จนกลายเป็นประเพณีว่าเมื่อไหร่ที่ขึ้น 15 ค่ำกลางเดือน 8 จะมีการทำขนมเพื่อใช้ในวันไหว้พระจันทร์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุขตามเจตนาของวันไหว้พระจันทร์ขอพรเรื่องความสุขความสงบร่มเย็นให้กับครอบครัว
ตำนานวันปลดแอกประชาชนชาวฮั่น
แต่ก็มีตำนานที่สำคัญมากอีก หนึ่งตำนานซึ่งเป็นที่มาของขนมไหว้พระจันทร์ในรูปแบบปัจจุบันนั่นเอง คือ ตำนานนัดก่อการโค่นล้มราชวงศ์หยวน ซึ่งเปลี่ยนตำนานแบ่งปันความสุข เป็นการปลดแอกประชาชน
![ขนมไหว้พระจันทร์](https://img-ha.mthcdn.com/-wN-ffPYG-quLooFbCs8JNE5_oQ=/mthai.com/app/uploads/2023/09/mooncakes_midautumn_day_china640-1.jpg)
ว่ากันว่าในประวัติศาสตร์จีนช่วงสมัยราชวงศ์หยวนที่สถาปนาโดย”กุบไลข่าน” หรือชาวมองโกล ซึ่งประชาชนชาวฮั่นได้ถูกกดขี่ข่มเหงจนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าจึงได้มีขบวนการ ” จูหยวนจาง” เป็นขบวนการใต้ดินที่ต้องการโค่นล้มชาวมองโกลได้นัดหมายกันปฏิบัติภารกิจโค่นล้มมองโกลในวันที่ 15 กลางเดือน 8 ซึ่งเป็นเทศกาลมอบขนมไหว้พระจันทร์กันเพื่อที่จะได้ตบตาชาวมองโกล โดยใช้ขนมไหว้พระจันทร์เป็นของขวัญพร้อมกับสอดแทรกจดหมายนัดแนะ แอบส่งสาสน์ บอกต่อๆ กัน ซึ่งในไส้ของขนม มีใจความว่า” คืนนี้ เมื่อถึงเวลายาม 3 ให้ทุกบ้านจัดการสังหารมองโกลให้หมด” จึงได้จงใจทำให้ขนม ออกมามีไส้ก้อนใหญ่ๆ ที่จะทำให้สามารถ ส่งจดหมายกันได้ จากนั้น” จูหยวนจาง” จึงตั้งตนเองเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์หมิง ชาวจีนจึงยึดวันเพ็ญเดือน 8 เป็น วันไหว้พระจันทร์ เพื่อเฉลิมฉลองความสุขแห่งการปลดแอกจากพวกมองโกล เป็นการรำลึกถึงวันที่นำมาซึ่งเอกราชของชาวฮั่นนั่นเอง
เป็นยังไงคะตำนานไหว้พระจันทร์ก็ไม่ได้มีใช่น้อยเลย ซึ่งทางเราก็ได้พยายามรวบรวมตำนานสำคัญให้ ได้รู้กันว่าพิธีไหว้พระจันทร์มีที่มาอย่างไร ไหว้เพื่ออะไรให้ทุกท่านได้รับทราบกันพอสังเขปแล้ว ซึ่งต่างถิ่นก็ต่างความเชื่อกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชื่นชอบตำนานไหนก็ตามแต่ความรู้สึกกันเลยนะคะ
การไหว้พระจันทร์จะเริ่มต้นในตอนหัวค่ำซึ่งพระจันทร์จะเริ่มปรากฏบนท้องฟ้า และถึงแม้ปีไหนหรือสถานที่แห่งนั้นไม่สามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนก็มีประเพณีการไหว้พระจันทร์ในค่ำคืนเช่นเดิมชาวจีนบางบ้าน ซึ่งอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน บนดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงิน กระดาษทอง ที่พับเป็นเงินตราจีน โคมไฟ และของเซ่นไหว้ วันไหว้พระจันทร์ จะมีขนมไหว้พระจันทร์ ที่เป็นลักษณะทรงกลมคล้ายขนมเค้กทำจากแป้งนวดแล้วกดใส่แป้นพิมพ์ที่มีลวดลายต่างๆ จากนั้นก็นำไปอบและเคลือบผิวหน้าด้วยน้ำเชื่อมหรือไข่ ภายในบรรจุด้วยไส้ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นธัญพืชเช่น ทุเรียน เมล็ดบัว แมคคาเดเมีย พุทราจีน เป็นต้น แต่ต่อมาก็มีการดัดแปลงใส่พวกเนื้อสัตว์เข้าไป หลายๆ อย่าง เช่น กุนเชียง ไข่เค็มหมูแฮม หมูหยอง ได้ตามความชอบของแต่ละคน
ซึ่ง วันไหว้พระจันทร์ จะมีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง คืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทิน จันทรคติ เป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่างงดงามที่สุดและเต็มดวงที่สุด ชาวจีนทุกๆ ครัวเรือน ต่างซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์พร้อมทั้งชมจันทร์ เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน เมื่อครอบครัวจากบ้านเกิดไปไกล ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ ห่างไกลครอบครัว ก็สามารถแหงนมองดวงจันทร์ส่งความรู้สึกที่ดีให้แก่กันและกันได้ และยังถือว่าเป็นวันรวมญาติ พี่น้องมิตรสหายต่างๆ มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกันได้ มาร่วมล้อมวงกินข้าวพูดคุยกัน โดยมีขนมอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ ของพระจันทร์เต็มดวงอันงดงาม ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่สามารถ ช่วยชำระล้างความทุกข์ ความเศร้าหมองกันไปได้บ้าง พักจากความวุ่นวายในชีวิตอันเร่งรีบกันนะคะ ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ มาร่วมแบ่งปันความสุขกันและขอให้โชคดีค่ะ
บทความโดย หมอแน๊ต see you tarot
อ.คฑา แนะเคล็ดลับขั้นตอนและของไหว้ในคืน วันไหว้พระจันทร์