ขนมไหว้พระจันทร์ วันไหว้พระจันทร์ เทพฉางเอ๋อ ไหว้พระจันทร์

ตำนานเทพจันทรา ฉางเอ๋อ และหลากหลายที่มาของ วันไหว้พระจันทร์

ซึ่ง วันไหว้พระจันทร์ จะมีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง คืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทิน จันทรคติ เป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่างงดงามที่สุดและเต็มดวงที่สุด

Home / ดูดวง / ตำนานเทพจันทรา ฉางเอ๋อ และหลากหลายที่มาของ วันไหว้พระจันทร์

ในทุกๆ ปี ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจะมีเทศกาล วันไหว้พระจันทร์ แต่เราเคยสงสัยกันไหมคะว่า ทำไมต้องไหว้ และ ไหว้แล้วดีกับเราอย่างไร

ตำนานเทพ ฉางเอ๋อ ที่มาของ วันไหว้พระจันทร์

วันไหว้พระจันทร์

มี ตำนานเล่าขานกันมามากมายหลากหลายบ้างก็ว่ามี ตำนานเทพฉางเอ๋อ เป็นเทพเจ้าแห่งพระจันทร์ หรือเรียกว่า”เทพจันทรา”ซึ่งในสมัยโบราณกาล ว่ากันว่ามีพระอาทิตย์บนท้องฟ้าถึง 10 ดวง แผดเผาจน แผ่นดินแห้งแล้งไปหมดน้ำทะเลก็เหือดแห้ง ทุกหนทุกแห่งลุกเป็นไฟ เดือดร้อนไปหมด ชาวบ้านทุกคนก็สิ้นหวัง ใช้ชีวิตแค่เอาตัวรอดไปวันๆหนึ่งเท่านั้น อยู่มาวันหนึ่ง มีวีรบุรุษผู้กล้า ที่ชื่อว่า “โฮ้วอี้” เป็นนักธนูที่เก่งกาจมาก มีฝีมือยิงธนูแม่นยำ ได้ขึ้นไปบนภูเขาคุนหลุน และใช้พละกำลังสุดฤทธิ์ดึงเกาทัณฑ์ยิงพระอาทิตย์ดับไปถึง 9 ดวง ซึ่งวีรกรรมนี้ทำให้ชาวบ้านได้รอดพ้นจากความทุกข์ความตาย จึงได้รับการเคารพยกย่องจากชาวบ้านและผู้กล้าต่างๆ ในแผ่นดิน และมีผู้คนหลากหลายและผู้กล้ามาเพื่อขอเป็นศิษย์ฝึกวิทยายุทธซึ่งหนึ่งในนั้นก็มีผู้ที่จิตใจชั่วร้ายชื่อว่า “เผิงเหมิง” รวมอยู่ด้วย

หลังจากนั้น “โฮ้วอี้” จึงได้แต่งงานกับหญิงสาวที่มีจิตใจงดงามอ่อนโยนอ่อนหวานมีใจเมตตากรุณา ชอบช่วยเหลือผู้อื่น มีนามว่า “ฉางเอ๋อ” ซึ่งชีวิตรักของทั้งคู่เป็นที่ยอมรับและที่ชื่นชอบของชาวบ้านเป็นอย่างมากถือว่าเป็นคู่กิ่งทองใบหยกเลยก็ว่าได้ วันหนึ่ง “พระแม่เจ้าชีหวาง” หมู่เทพมารดร หรือฮองเฮาแห่งสวรรค์ จึงได้เมตตาประทานยา วิเศษ 2 เม็ด ที่กินแล้วเป็นอมตะเหาะขึ้นสวรรค์เป็นเซียนได้ทันที ให้กับโฮ้วอี้ แต่เขาก็ลังเลใจที่จะกินจึงนำมามอบให้กับ”ฉางเอ๋อ”เก็บรักษาไว้

อยู่มาวันหนึ่ง โฮ้วอี้ได้พาเหล่าศิษย์ออกไปล่าสัตว์แต่” เผิงเหมิง”แกล้งป่วย จึงทำเป็นนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน เมื่อสบโอกาสจึงเอากระบี่มาขู่”ฉางเอ๋อ”ให้มอบยาให้ แต่ฉางเอ๋อนางก็รู้ตัวว่าไม่ได้เป็นคู่ต่อสู้ของเขา จึงฉวยจังหวะที่เผิงเหมิงไม่ระวัง นำยาออกมากินทั้ง 2 เม็ด กลืนเข้าไปจนหมดสิ้น ทันใดนั้นเอง ร่างของนางก็ลอยขึ้นเหนือแผ่นดินและเหาะออกจากหน้าต่าง เหินสู่แดนสวรรค์ไป แต่เนื่องจากฉางเอ๋อ ยังห่วงใย”โฮ้วอี้”อยู่จึงเหาะไปเป็นเซียนสถิตอยู่บนดวงจันทร์เนื่องจากพระจันทร์นั้นอยู่ใกล้โลกมนุษย์มากที่สุด

คืนนั้นเมื่อโฮ้วอี้กลับจากล่าสัตว์ สาวใช้ก็ร้องไห้เล่าเหตุการณ์ให้ฟังทั้งหมดโฮ้วอี้จึงเจ็บแค้นและโศกเศร้ามากแต่ทำอะไรไม่ได้เนื่องจากเผิงเหมิงหนีไปไกลแล้วจึงได้แต่นั่งร้องไห้และแหงนหน้ามองฟ้าตะโกนเรียกชื่อภรรยา..” ฉางเอ๋อ”.. ทันใดนั้นเองเขาก็ได้สังเกตเห็นพระจันทร์ในคืนนี้มันสว่างสดใสกว่าทุกคืนและยังสังเกตเห็นเงาเคลื่อนไหวในดวงจันทร์ซึ่งรูปร่างเหมือนฉางเอ๋อภรรยารักของเขา หลังจากที่ เทพฉางเอ๋อ อยู่บนดวงจันทร์แล้ว โฮ้วอี้ก็ได้พยายามฝึกบำเพ็ญตนจนได้เป็นเทพบนสวรรค์และได้รับอนุญาตให้ได้สมหวังพบกับเทพฉางเอ๋อหรือ เทพจันทรา ปีละครั้งนับเป็นเรื่องราวความรักสิ่งที่เป็นอมตะและลึกซึ้งโดยแท้

  เมื่อชาวบ้านได้ยินเรื่องราวของ"ฉางเอ๋อ"กลายเป็นเซียนบนดวงจันทร์ต่างก็พาจัดขนมเซ่นไหว้พร้อมจุดธูปกราบไหว้ ทำพิธีขอพรจากฉางเอ๋อผู้ซึ่งมีความอ่อนโยนเมตตาและนับถือในความรักของทั้งคู่ ให้คุ้มครองชีวิตและมีความสุขสงบในครอบครัว โดยเฉพาะ คนหนุ่มสาว จะนิยมขอให้สมหวังในเรื่องคู่รัก เพราะเทพฉางเอ๋อมีความรักแท้ที่ต้องมีการจากลา ทำให้เข้าใจความรู้สึก ในเรื่องของความรักและอยากให้ผู้คนได้สมหวังในเรื่องความรักจึงมีการขอพรจากดวงจันทร์ให้มีความสุขและความรักที่ดีราบรื่น และมีโอกาสสมหวังในที่สุด จึงเป็นจุดเริ่มต้นแห่งประเพณี"เทศกาลวันไหว้พระจันทร์" จนมาถึงปัจจุบัน ซึ่งวันที่ฉางเอ๋อได้ ลอยขึ้นเป็นเซียน ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำกลางเดือน 8 พอดี วันนั้นจึงเป็นวันที่ทุกคนจัดทำพิธีไหว้พระจันทร์นั่นเอง

นั่นคือที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์แต่ก็มีหลากหลายตำนานของ”เทพจันทราฉางเอ๋อ” แต่ตำนานนี้เป็นที่นิยมมากที่สุด

ในบางตำนานก็เล่าขานกันเกี่ยวกับเทพปกรณัมจีนกล่าวถึงเทพธิดาแห่งดวงจันทร์ ที่ชื่อว่า “ฉางเอ๋อ” ซึ่งเป็นหญิงคนรักของ”โฮ้วอี้” นัก ยิงธนูแห่งสวรรค์ที่ใช้ธนูยิงพระอาทิตย์ตกลงไปถึง 9 ดวงจัดทั้งหมด 10 ดวงเป็นการกระทำที่ฝืนบัญชาสวรรค์จึงโดนลงทัณฑ์ให้ไปใช้ชีวิตธรรมดาเฉกเช่นมนุษย์บนโลกกับฉางเอ๋อแล้วโฮ้วอี้ก็โดนคนสนิททรยศฆ่าตาย ส่วนฉางเอ๋อได้ดื่มน้ำอมฤตเพื่อมีชีวิตที่เป็นอมตะแล้วเหาะกลับไปยังดวงจันทร์อีกครั้งตามลำพังด้วยความเศร้าสร้อย และในยุคของฮั่นเหวินตี้แห่งราชวงศ์ฮั่น ได้ทรงพระสุบิน (ฝัน) ว่าพระองค์ลอยขึ้นไปชมพระราชวังบนดวงจันทร์และได้พบกับ เทพธิดาฉางเอ๋อกำลังร่ายรำอย่างงดงาม ในพระสุบินนั้นพระองค์ทรงเพลิดเพลินเกษมสำราญเป็นอย่างยิ่งจนเมื่อตื่นจากบรรทมและโปรดให้พระสุบินนั้นกลายเป็นความจริงจึงมีรับสั่งให้นางสนมแต่งตัวและร่ายรำเลียนแบบเทพธิดาฉางเอ๋อ ที่พระองค์ได้พบเจอมาจนแพร่หลายไปสู่ราษฎรและเป็นประเพณีสืบมา โดยหญิงสาวชาวจีน จะสวดขอพรจากพระธิดาฉางเอ๋อเพื่อขอให้มีความเยาว์วัยและงดงามตลอดไป

ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลากหลายตำนานที่เกี่ยวกับพิธีไหว้พระจันทร์จะมีเรื่องเล่าพอสังเขปดังต่อไปนี้

ตำนานกระต่ายหยก

เป็นเรื่องเล่าที่มีกันว่ามีเทพเจ้า 3 องค์จำแลงกลายเป็นคนชรามาขออาหารกับ ลิง หมาจิ้งจอก และกระต่าย แต่มีเพียงกระต่ายที่สงสารคนชราแต่ไม่มีอาหารจะให้ กระต่ายจึงกระโดดเข้ากองไฟสละเนื้อตัวเองเป็นอาหาร เทพทั้ง 3 จึงชื่นชมความดีของกระต่ายมากจึงพาไปอยู่กับฉางเอ๋อบนดวงจันทร์และมอบหมาย ให้มีหน้าที่ตำยาวิเศษ บางครั้งเรามองขึ้นไปบนดวงจันทร์จึงเห็นเป็นรูปร่างเหมือนกระต่ายกำลังตำยา หรือที่ชาวไทยเรียกว่า กระต่ายตำข้าว อยู่นั่นเอง อันเป็นที่มาของความเชื่อว่ามีกระต่ายบนดวงจันทร์

ตำนานอู๋กัง

และยังมีตำนาน”อู๋กัง” ในดวงจันทร์อีกด้วยซึ่งว่ากันว่าอู๋กังเป็นคนขี้เกียจไม่มีวิชาความรู้ ฝันอยากเป็นเซียน พระเจ้าเลยลงโทษ ให้ไปโค่นต้นกุ่ยฮวาในดวงจันทร์ถ้าทำสำเร็จจะได้เป็นเซียน แต่ต้นกุยฮวานั้นสูงถึง 500 จ้างซึ่งสูงกว่า 5,000 ฟุตทำให้อู๋กังไม่สามารถทำได้สำเร็จจึงต้องอยู่บนดวงจันทร์

แต่ก็ยังมี หลายตำนานที่สำคัญอยู่อีกว่า ในสมัยพระเจ้าถังเก่าจู่ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ถังคือแม่ทัพหลี่จิ้ง ยกทัพไปปราบชนเผ่าซุงหนู และได้รับชัยชนะกลับมาในวันที่ 15 ค่ำกลางเดือน 8 ซึ่งเป็นเทศกาลวันไหว้พระจันทร์พอดี ประชาชนต่างพากันยินดีและต้อนรับด้วยพิธีไหว้พระจันทร์ และได้มีพ่อค้าชาวทิเบต ซึ่งอยากผูกมิตรกับราชวงศ์ถังได้มาร่วมแสดงความยินดีและได้ทำขนมไหว้พระจันทร์มาถวายพระเจ้าถังเก่าจู่ พระองค์ได้จัดแบ่งขนมให้กับขุนนางและแม่ทัพต่างๆ แบ่งๆ กันไป จนกลายเป็นประเพณีว่าเมื่อไหร่ที่ขึ้น 15 ค่ำกลางเดือน 8 จะมีการทำขนมเพื่อใช้ในวันไหว้พระจันทร์ เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุขตามเจตนาของวันไหว้พระจันทร์ขอพรเรื่องความสุขความสงบร่มเย็นให้กับครอบครัว

ตำนานวันปลดแอกประชาชนชาวฮั่น

แต่ก็มีตำนานที่สำคัญมากอีก หนึ่งตำนานซึ่งเป็นที่มาของขนมไหว้พระจันทร์ในรูปแบบปัจจุบันนั่นเอง คือ ตำนานนัดก่อการโค่นล้มราชวงศ์หยวน ซึ่งเปลี่ยนตำนานแบ่งปันความสุข เป็นการปลดแอกประชาชน

ขนมไหว้พระจันทร์

ว่ากันว่าในประวัติศาสตร์จีนช่วงสมัยราชวงศ์หยวนที่สถาปนาโดย”กุบไลข่าน” หรือชาวมองโกล ซึ่งประชาชนชาวฮั่นได้ถูกกดขี่ข่มเหงจนเดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้าจึงได้มีขบวนการ ” จูหยวนจาง” เป็นขบวนการใต้ดินที่ต้องการโค่นล้มชาวมองโกลได้นัดหมายกันปฏิบัติภารกิจโค่นล้มมองโกลในวันที่ 15 กลางเดือน 8 ซึ่งเป็นเทศกาลมอบขนมไหว้พระจันทร์กันเพื่อที่จะได้ตบตาชาวมองโกล โดยใช้ขนมไหว้พระจันทร์เป็นของขวัญพร้อมกับสอดแทรกจดหมายนัดแนะ แอบส่งสาสน์ บอกต่อๆ กัน ซึ่งในไส้ของขนม มีใจความว่า” คืนนี้ เมื่อถึงเวลายาม 3 ให้ทุกบ้านจัดการสังหารมองโกลให้หมด” จึงได้จงใจทำให้ขนม ออกมามีไส้ก้อนใหญ่ๆ ที่จะทำให้สามารถ ส่งจดหมายกันได้ จากนั้น” จูหยวนจาง” จึงตั้งตนเองเป็นปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์หมิง ชาวจีนจึงยึดวันเพ็ญเดือน 8 เป็น วันไหว้พระจันทร์ เพื่อเฉลิมฉลองความสุขแห่งการปลดแอกจากพวกมองโกล เป็นการรำลึกถึงวันที่นำมาซึ่งเอกราชของชาวฮั่นนั่นเอง

เป็นยังไงคะตำนานไหว้พระจันทร์ก็ไม่ได้มีใช่น้อยเลย ซึ่งทางเราก็ได้พยายามรวบรวมตำนานสำคัญให้ ได้รู้กันว่าพิธีไหว้พระจันทร์มีที่มาอย่างไร ไหว้เพื่ออะไรให้ทุกท่านได้รับทราบกันพอสังเขปแล้ว ซึ่งต่างถิ่นก็ต่างความเชื่อกันไป ขึ้นอยู่กับว่าใครจะชื่นชอบตำนานไหนก็ตามแต่ความรู้สึกกันเลยนะคะ

การไหว้พระจันทร์จะเริ่มต้นในตอนหัวค่ำซึ่งพระจันทร์จะเริ่มปรากฏบนท้องฟ้า และถึงแม้ปีไหนหรือสถานที่แห่งนั้นไม่สามารถมองเห็นพระจันทร์ได้ แต่ชาวไทยเชื้อสายจีนก็มีประเพณีการไหว้พระจันทร์ในค่ำคืนเช่นเดิมชาวจีนบางบ้าน ซึ่งอาจจะไหว้พระจันทร์ที่ลานหน้าบ้าน บนดาดฟ้า โดยมีการตั้งโต๊ะทำซุ้มต้นอ้อย มีธูปเทียน กระดาษเงิน กระดาษทอง ที่พับเป็นเงินตราจีน โคมไฟ และของเซ่นไหว้ วันไหว้พระจันทร์ จะมีขนมไหว้พระจันทร์ ที่เป็นลักษณะทรงกลมคล้ายขนมเค้กทำจากแป้งนวดแล้วกดใส่แป้นพิมพ์ที่มีลวดลายต่างๆ จากนั้นก็นำไปอบและเคลือบผิวหน้าด้วยน้ำเชื่อมหรือไข่ ภายในบรรจุด้วยไส้ต่างๆ ส่วนใหญ่จะเป็นธัญพืชเช่น ทุเรียน เมล็ดบัว แมคคาเดเมีย พุทราจีน เป็นต้น แต่ต่อมาก็มีการดัดแปลงใส่พวกเนื้อสัตว์เข้าไป หลายๆ อย่าง เช่น กุนเชียง ไข่เค็มหมูแฮม หมูหยอง ได้ตามความชอบของแต่ละคน

      ซึ่ง วันไหว้พระจันทร์ จะมีขึ้นในกลางฤดูใบไม้ร่วง คืนวันเพ็ญเดือน 8 ตามปฏิทิน จันทรคติ เป็นวันที่พระจันทร์ส่องสว่างงดงามที่สุดและเต็มดวงที่สุด ชาวจีนทุกๆ ครัวเรือน ต่างซื้อขนมไหว้พระจันทร์มาไหว้พระจันทร์พร้อมทั้งชมจันทร์ เป็นสื่อกลางของการคิดถึงซึ่งกันและกัน เมื่อครอบครัวจากบ้านเกิดไปไกล ต่างคนต่างมีภาระหน้าที่ ห่างไกลครอบครัว ก็สามารถแหงนมองดวงจันทร์ส่งความรู้สึกที่ดีให้แก่กันและกันได้ และยังถือว่าเป็นวันรวมญาติ พี่น้องมิตรสหายต่างๆ มารวมตัวกันเพื่อเฉลิมฉลองและแบ่งปันความสุขให้แก่กันและกันได้ มาร่วมล้อมวงกินข้าวพูดคุยกัน โดยมีขนมอร่อยๆ บรรยากาศดีๆ ของพระจันทร์เต็มดวงอันงดงาม ถือเป็นอีกหนึ่งวันที่สามารถ ช่วยชำระล้างความทุกข์ ความเศร้าหมองกันไปได้บ้าง พักจากความวุ่นวายในชีวิตอันเร่งรีบกันนะคะ  ขอให้ทุกท่านมีความสุขในเทศกาลวันไหว้พระจันทร์ มาร่วมแบ่งปันความสุขกันและขอให้โชคดีค่ะ

บทความโดย หมอแน๊ต see you tarot

อ.คฑา แนะเคล็ดลับขั้นตอนและของไหว้ในคืน วันไหว้พระจันทร์

29 กันยายน วันไหว้พระจันทร์ 2566 ต้องเตรียมอะไรไหว้อย่างไร

วันไหว้พระจันทร์ 2566 วิธีไหว้เรียกทรัพย์ เสริมเสน่ห์