พระบรมสารีริกธาตุ เป็นปูชนียธาตุอันทรงคุณค่าสำหรับพุทธศาสนิกชน เพราะเป็นธาตุที่เกิดขึ้นมาจากการปฏิบัติธรรมของพระพุทธเจ้าจนกระทั่งได้บรรลุพระสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าเป็นสิ่งสำคัญในการโน้มน้าวดึงดูดจิตใจของผู้มีศรัทธาให้เกิดความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนา
ความเป็นมาของพระบรมสารีริกธาตุ
เหตุที่เกิดพระบรมสารีริกธาตุจำนวนมากขึ้นนั้น เกิดจากพุทธประสงค์ก่อนที่พระพุทธเจ้าจะเสด็จดับขันธปรินิพพาน ซึ่งพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบัน (พระสมณะโคดม) ทรงเล็งเห็นว่าพระองค์มีเวลาปฏิบัติพุทธกิจเพียง ๔๕ พรรษา นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับพระพุทธเจ้าองค์ก่อนๆ หมู่สัตว์ทั้งหลายเกิดมาไม่ทันสมัยพระองค์มีมากนัก หากได้อัฐิธาตุของพระองค์ไปอุปัฏฐากบูชาจะได้บุญกุศลมาก พระองค์จึงอธิษฐานให้พระบรมสารีริกธาตุของพระองค์แตกย่อยลงเป็น ๓ สัณฐาน รวม ๘ ทะนาน ให้กระจายไปทั่วทิศานุทิศ
การที่พระบรมสารีริกธาตุนั้น ประดิษฐานอยู่ในโลก ทำให้เราเชื่อมั่นว่าพระพุทธเจ้านั้นอยู่กับเราตลอดไป แม้ว่าพระองค์จะเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานไปนานแล้วก็ตาม พระบรมสารีริกธาตุจึงเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของพุทธศาสนิกชนและช่วยให้มีการสืบทอดอายุพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวตลอดมา
ความหมายและขนาดของพระบรมสารีริกธาตุ
พระบรมสารีริกธาตุ คือ พระอัฐิธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าจะแตกต่างจากอัฐิของพระอริยสาวกและบุคคลทั่วไปมี ๓ ขนาด คือ
๑. ขนาดเล็ก ประมาณเมล็ดพันธุ์ผักกาด มีสีดังดอกมะลิตูม
๒. ขนาดกลาง ประมาณเมล็ดข้าวสารหักครึ่ง มีสีดังแก้วมุกดา
๓. ขนาดใหญ่ ประมาณเมล็ดถั่วเขียวผ่าซีก มีสีดังทองอุไร
อนึ่งโครงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะจากสาธารณรัฐอินเดีย มาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในครั้งนี้ รัฐบาล โดยกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมกับรัฐบาลอินเดีย กระทรวงวัฒนธรรมอินเดีย สถานเอกอัครราชทูตอินเดียประจำประเทศไทย สถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ได้จัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์อันดีระหว่างสองประเทศ
สืบเนื่องมาจากโครงการธรรมยาตราพระบรมสารีริกธาตุจากมหานทีคงคาสู่ลุ่มน้ำโขงของอินเดีย โดยอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์กรุงนิวเดลี ซึ่งถูกขุดพบจากสถูปโบราณ เมืองปิปราห์วา ซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นที่ตั้งของเมืองกรุงกบิลพัสดุ์ในสมัยพุทธกาล มีหลักฐานเป็นจารึกอักษรพราหมีบนผอบ แปลว่า “ที่บรรจุพระสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้านี้ เป็นของสากยราชสุกิติ กับพระภาตา พร้อมทั้งพระภคินี พระโอรสและพระชายา สร้างขึ้นอุทิศถวาย”
ส่วนพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวก พระสารีบุตรและพระโมคคัลลานะ อัญเชิญมาจากสถูปเมืองสาญจี บรรจุในผอบซึ่งมีจารึกอักษรพราหมีว่า “สาริปุตส” แปลว่า (พระธาตุ) ของพระสารีบุตร และ “มหาโมคลานส” แปลว่า (พระธาตุ) ของพระมหาโมคคัลลานะ ซึ่งเป็นเครื่องยืนยันว่าเป็นพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุของพระอัครสาวกทั้งสอง นับเป็นครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุมาประดิษฐานให้ศาสนิกชนได้สักการะบูชา เพื่อความเป็นสิริมงคลอย่างสูงสุดในชีวิต
ตาราง อัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ
และพระอรหันตธาตุของพระสารีบุตร และพระโมคคัลลานะ
- กรุงเทพมหานคร
วันที่ 24 กุมภาพันธ์ -3 มีนาคม 2567ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง เวลา 09.00 -20.00 น. - จังหวัดเชียงใหม่
วันที่ 5-8 มีนาคม 2567 ณ หอคำหลวง อุทยานหลวงราชราชพฤกษ์ จังหวัดเชียงใหม่ เวลา 09.00 -20.00 น. - จังหวัดอุบลราชธานี
วันที่ 10-13 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาวนาราม จังหวัดอุบลราชธานี เวลา 09.00 -20.00 น. - จังหวัดกระบี่
วันที่ 15 -18 มีนาคม 2567 ณ วัดมหาธาตุวชิรมงคล จังหวัดกระบี่ เวลา 09.00 -20.00 น.
ภาพโดย ธนโชติ ธนวิกรานต์ และวิชาญโพธิ
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
วิธีอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ และความศักดิ์สิทธิ์
รัฐบาลปลื้มพลังศรัทธาพุทธศาสนิกชนสักการะพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุฯ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวง กว่า 1 ล้านคน
ไหว้พระธาตุประจำวันเกิด ครบทั้ง 8 วัน ณ พระธาตุพนม จ.นครพนม