BA.2 สายพันธุ์ย่อย BA.2 สายพันธุ์โอมิครอน โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน โอมิครอน

โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่ได้เร็ว แต่วัคซีนยังใช้ได้ ไม่พบว่ารุนแรงขึ้น

มาตรการป้องกันที่มีอยู่ยังคงเป็นแนวทางที่ป้องกันได้เช่นเดิม

Home / โควิด-19 / โอมิครอน สายพันธุ์ย่อย BA.2 แพร่ได้เร็ว แต่วัคซีนยังใช้ได้ ไม่พบว่ารุนแรงขึ้น

ประเด็นสำคัญ

  • มีรายงานการพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในสายพันธุ์ย่อย BA.2
  • ข้อมูลที่มีในขณะนี้ พบว่า BA.2 แพร่เชื้อได้ดีกว่า สายพันธุ์หลักคือ BA.1
  • ไม่กระทบกับประสิทธิภาพของวัคซีน และยังไม่พบว่า จะทำให้โรครุนแรงขึ้น
  • มาตรการป้องกันเดิม ยังคงใช้ได้

ตลอดหลายวันที่ผ่านมามีการกล่าวถึงโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในสายพันธุ์ย่อย BA.2 ที่ถูกระบุว่า มีความสามารถในการแพร่ได้เร็วกว่า สายพันธุ์โอมิครอน BA.1 ที่ระบาดอยู่ในหลายประเทศในขณะนี้ ซึ่งทำให้หลายคนวิตกกังวลกับรายงานอีกครั้ง ว่า จะทำให้เกิดการแพร่ได้เร็วขึ้น หรือลือกันต่อไปว่า จะมีความรุนแรงขึ้น ฯลฯ

โควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

สำหรับโควิด-19 ที่กำลังระบาดมีผู้ป่วยพุ่งสูงขึ้นทั่วโลกในขณะนี้ เป็นสายพันธุ์ย่อยประกอบไปด้วย BA.1, BA.1.1, BA.2และ BA.3. โดย BA.1 และ BA.1.1 นั้นถือเป็นสายพันธุ์ย่อยตัวแรกที่มีรายงานการค้นพบครั้งแรกเมื่อ 25 พฤศจิกายน 2564 และระบาดไปในหลายประเทศทั่วโลกในขณะนี้

สายพันธุ์ย่อย BA.2

สำหรับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในสายพันธุ์ย่อย BA.2 นั้น ยังไม่ชัดเจนว่า ต้นตอของเชื้อในสายพันธุ์ย่อย BA.2 นี้มาจากประเทศใด แต่มีรายงานการครั้งแรกจากการรายงานรหัสพันธุกรรมจากตัวอย่างที่เก็บได้ในประเทศฟิลิปปินส์ในช่วงเดือนพฤศจิกายน 2564 ก่อนที่จะมีรายงานเพิ่มเติมปลายเดือนธันวาคม 2564 ในประเทศอินเดีย และแอฟริกาใต้ ราว 1 เดือนหลังจากที่มีรายงานการพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน สายพันธุ์หลัก

โดยในขณะนี้ มีรายงานการพบโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน เฉพาะสายพันธุ์ย่อย BA.2 แล้วใน 57 ประเทศ และพบมากที่สุดในประเทศเดนมาร์ก อินเดีย สวีเดน

ซึ่งในระยะแรกของสายพันธุ์โอมิครอนที่มีการระบาดนั้น เป็นสายพันธุ์หลักคือ BA.1 ซึ่งทั้ง BA.1 ที่พบส่วนใหญ่ และ BA.2 มีการกลายพันธุ์ที่เหมือนกันใน 32 ตำแหน่ง และต่างประมาณ 20 ตำแหน่ง และในจุดต่างกันที่สำคัญใน BA.2 คือการที่เชื้อยังคงมี S gene อยู่ ในขณะที่ โอมิครอน สายพันธุ์ BA.1 และ BA.3 ไม่มี S protein ตัวนี้

แผนภูมิต้นไม้แสดง ตำแหน่งที่แตกต่างกันในสายพันธุ์ย่อย BA.2 และ BA.1
(ภาพ – https://doi.org/10.1002/jmv.27558)

ที่มาของคำว่า “สายพันธุ์ล่องหน”

สำหรับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 นี้ถูกเรียกว่า “สายพันธุ์ล่องหน” หรือ Stealth Variant เนื่องจากการที่มันยังคงมี S protein อยู่ และทำให้นักวิจัยแยกสับสนกับเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ที่ยังคงมี S gene อยู่ เช่นเดียวกัน และการที่นักวิทยาศาสตร์, นักวิจัย แยกมันได้ยากขึ้นนี้ เปรียบเสมือนการที่เชื้อ โอมิครอน BA.2 นี้ ซ่อนตัวอยู่นั่นเอง จึงเป็นที่มาของคำว่า “ล่องหน” หรือ Stealth

แต่ไม่ได้หมายความว่า “เชื้อนี้จะซ่อนตัวอยู่และตรวจไม่เจอ” ชุดตรวจ ATK หรือวิธีการตรวจหาเชื้อด้วยวิธี PCR ตามปรกติยังคง ตรวจพบเช่นเดิม เพียงแต่นักวิทยาศาสตร์ในห้องปฏิบัติการแยกสายพันธุ์ของมันได้ยากขึ้นเท่านั้น เพราะผลมันออกมาคล้ายสายพันธุ์เดลต้า

ดังนั้น ถึงจุดนี้ สิ่งที่เรา “ไม่ควรวิตกกังวล” เพราะการตรวจยังคงค้นพบได้เหมือนเดิม

การระบาดและความรุนแรง

จากรายงานของประเทศเดนมาร์ก พบว่า พบการติดเชื้อสายพันธุ์ BA.2 จำนวน 39% จากจำนวนตัวอย่าง 8,541 ราย เมื่อเทียบกับ BA.1 หรือโอมิครอน สายพันธุ์หลักที่มีการระบาดอยู่ในขณะนี้ พบเพียง 29% ซึึ่งจะเห็นได้ว่า BA.2 สามารถระบาดได้เร็วกว่า BA.1

ซึ่งพบว่า กลุ่มผู้ที่ได้รับวัคซีนครบแล้ว หรือได้รรับเข็มกระตุ้น มีจำนวนอัตราการระบาดของ BA.2 ต่ำกว่า BA.1 แต่ทั้ง BA.2 และ BA.1 นั้นพบการติดเชื้อในกลุ่มผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนสูงกว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้ว

ดังนั้นในข้อสรุปในขณะนี้คือ ผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วมีโอกาสในการติดเชื้อสายพันธุ์โอมิครอนน้อยกว่า ผู้ที่ไม่ได้ฉีดวัคซีน ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ย่อย BA.1 หรือ BA.2

แนวโน้มการระบาดของสายพันธุ์ Omicron BA.1 (เส้นสีเหลือง) , Omiconr BA.2 (เส้นสีแดง) และสายพันธุ์ Delta
(ภาพ – Twitter / Trevor Bedford)

ในขณะนี้เดียวกัน ยังคงไม่มีข้อบ่งชี้ใด ๆ ที่ระบุว่า เชื้อโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน ในสายพันธุ์ย่อย BA.2 จะมีความรุนแรงแตกต่างไปจากสายพันธุ์ดั้งเดิมอย่าง BA.1 แต่อย่างใด วัคซีนยังคงมีประสิทธิภาพเพียงพอในการป้องกันอาการป่วยรุนแรง และเสียชีวิตได้

ซึ่งรายงานของสหราชอาณาจักรก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือ พบว่า ในช่วง 27 ธ.ค. 64 – 11 ม.ค. 65 พบผู้ป่วยโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน BA.2 จำนวน 13.4% ในขณะที่โอมิครอนในสายพันธุ์อื่นอยู่ที่ 10.3%

ดังนั้นในหลายประเทศจึงคาดการณ์ว่า แม้อัตราการติดเชื้อในสายพันธุ์ BA.2 จะมากกว่าสายพันธุ์โอมิครอนเดิมที่ระบาดกันอยู่ แต่ก็ไม่น่าจะมีผลให้เกิดการระบาดเพิ่มสูงขึ้นเป็นระลอกใหม่แต่อย่างใด จากประสิทธิภาพของวัคซีนที่ครอบคลุมมากขึ้น

ในขณะที่ทางการอิสราเอลตั้งข้อสังเกตว่า เดนมาร์กไม่ได้มีการใช้มาตรการป้องกันอย่างเข้มข้นในช่วงที่ผ่านมา และได้มีการยกเลิกมาตรการป้องกันโควิด-19 ไปแล้ว ดังนั้นโอกาสที่เชื้อจะกลับมาติดสูงขึ้น-ง่ายขึ้นจึงอาจจะเป็นสาเหตุหนึ่งด้วยเช่นกัน


ข้อมูล

  • https://www.gavi.org/vaccineswork/stealth-omicron-everything-you-need-know-about-new-ba2-subvariant-coronavirus
  • https://www.gisaid.org/hcov19-variants/
  • https://www.gov.uk/government/news/covid-19-variants-identified-in-the-uk
  • https://en.ssi.dk/news/news/2022/ba2-more-transmissible-than-ba1-vaccinated-less-likely-to-infected-pass-on-infection
  • https://medrxiv.org/cgi/content/short/2022.01.28.22270044v1
  • https://twitter.com/WHO/status/1488516429393502212
  • https://www.sciencemediacentre.org/expert-reaction-to-ba-2-sub-lineage/
  • https://onlinelibrary.wiley.com/doi/full/10.1002/jmv.27558
  • https://twitter.com/trvrb