“คุณน้อง” วัยรุ่นไทยที่ตัดสินใจเดินทางมายังมหานครใหญ่ “สหรัฐอเมริกา” ซึ่งตอนนั้นอายุ 23 ปี พูดภาษาอังกฤษไม่เป็น อีกทั้งมีเงินติดตัวเพียง 70 ดอลลาร์เท่านั้น! เธอทำงานเป็นเด็กเสิร์ฟ, แม่ครัว จนเมื่อเวลาผ่านไปเธอเริ่มลงทุนทำธุรกิจ “ร้านข้าวมันไก่” ด้วยสองมือและแรงกายของเธอเอง จนตอนนี้กลายเป็นร้านอาหารไทยที่ดังในอเมริกา รวมถึงได้ขึ้นพูดบนเวที TEDx เวทีระดับโลกด้วย! แบบนี้ไม่ธรรมดา ตามทีนเอ็มไทยไปติดตามเรื่องราวของคุณน้องกันเลยค่ะ ^^ จากเด็กไทยพูดอังกฤษไม่เป็น กับเงินติดตัวไปอเมริกาเพียง 70 ดอลลาร์
จากเด็กไทยที่พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ สู่เจ้าของร้านข้าวมันไก่ ในอเมริกา
ตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรกเมื่อประมาณ 11 ปีก่อน
ย้อนกลับไปเมื่อประมาณ 11 ที่แล้ว “คุณน้อง” ตอนนั้นในวัย 23 ปี ก็ดูเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่ตัดสินใจเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก มายังเมืองพอร์ตแลนด์, อเมริกา เดินทางมาพร้อมกับแฟนหนุ่ม (แฟนเธอเรียนที่เมืองนี้) แต่แล้วทั้งคู่ก็เลิกกัน คุณน้องตัดสินใจจะอยู่ที่นี่ต่อ เธอเริ่มหางานทำ และได้งานในช่วง 3 สัปดาห์แรก ซึ่งตอนนั้นเธอพูดภาษาอังกฤษไม่เป็นซะด้วย แต่เธอได้เรียนรู้ภาษาจากการทำงานในร้านอาหารเนี่ยแหละ!
เก็บเกี่ยวประสบการณ์จากเป็นเด็กเสิร์ฟ จนเปิดร้านของตัวเอง
คุณน้องเป็นเด็กเสิร์ฟร้านอาหารบุฟเฟ่ต์ ต่อมาก็เริ่มทำงานในร้านอาหารไทยร้าน Pok Pok ปีกว่าๆ ทำให้เธอได้เรียนรู้วิธีการทำอาหาร รวมถึงการขายได้อย่างเป็นระบบ และตอนนั้นเองทำให้เธอเห็นโอกาส ช่องทางการทำธุรกิจ เธอทำงานเก็บเงิน และตัดสินใจว่าจะทำข้าวมันไก่ขาย ตอนแรกทางบ้านไม่มีใครเห็นด้วยเลย แต่เธอก็อยากจะลองทำดูสักครั้ง เธอจึงลงมือทำกับเงินทุนที่ไม่มากนัก! เริ่มตั้งแต่เฟ้นหาวัตถุดิบ ปรุงอาหาร แพคเกจ ทำทุกอย่างด้วยสองมือของเธอเอง รวมถึงใจที่มุ่งมั่น นอกจากนี้ประสบการณ์ในการทำงานร้านอาหาร ทำให้เธอได้รู้ว่า
“You give first and then you will receive”
(คุณให้ก่อน หลังจากนั้นคุณค่อยได้รับ)
“Respect your customers and never forget to smile”
(เคารพในตัวลูกค้า และอย่าลืมยิ้มให้พวกเขา ^^)
ทำไมต้องทำข้าวมันไก่ขาย?
คุณน้องบอกว่า เพราะว่าเป็นอาหารจานเดียวที่ทานง่ายและเหมาะกับลักษณะการเป็นรถร้าน เธอไม่ได้ไปเรียนทำกับข้าวที่ไหน แต่ใช้วิธีค่อยๆ หัดทำเอง และเลือกของให้ดีๆ มาปรุง ข้าวมันไก่ปกติห่อละ 6 เหรียญ มาพร้อมน้ำซุปใสและน้ำจิ้ม สามารถเพิ่มเนื้อไก่ได้ในราคาอีก 2 เหรียญ หรือหากหิวมากก็สั่งแบบพิเศษ ห่อใหญ่ ราคา 10 เหรียญเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกและคุ้ม เพราะแซนวิชในย่านนั้นก็ราคา 8 เหรียญแล้ว
คุณน้องเริ่มเปิดร้านเล็กๆ ตั้งขายอยู่แถว Food Cart ร้านอาหารที่ขายบนรถประยุกต์ ตั้งอยู่ตามที่จอดรถทั่วเมือง พอร์ตแลนด์ โอเรกอน (Portland, Oregon) ร้านของเธอมีลูกค้าต่อคิวเป็นจำนวนมาก ไม่ใช่แค่รสชาติที่อร่อย แต่คุณน้องยังใส่ใจกับแพคเกจด้วย รวมถึงการบริการที่อบอุ่น น่ารักสไตล์เธอ รวมถึงได้เรียนรู้ภาษาอังกฤษได้ดีทีเดียว ^^
ร้าน “น้องข้าวมันไก่” ได้รับความนิยมจากทั้งชาวต่างชาติและคนไทย
ร้าน “น้องข้าวมันไก่” นั้นได้รับความนิยมจากบรรดาชาวต่างชาติและคนไทยที่อยู่ที่นั่นเป็นจำนวนมาก บางคนซื้อไปฝากเพื่อนๆ ข้ามเมืองก็ยังมี รวมถึงสื่อท้องถิ่นอย่าง The Oregonian หนังสือพิมพ์รายวันของโอเรกอน ก็ยังเขียนชมคุณน้องเลย และหลังจากนั้นก็มีสื่อจากอีกหลายๆ ที่มาทำข่าว จนทำให้ชื่อเสียงนั้นแพร่ไปยังอีกหลายๆ เมือง ทำให้ “ร้านน้องข้าวมันไก่” มีชื่อเสียงและขายดีจนถึงปัจจุบัน ตอนนี้ร้านน้องข้าวมันไก่มีทั้งแบบ Food Cart และเปิดเป็นร้านอาหารแล้ว รวมถึงทำน้ำจิ้มข้าวมันไก่แบบขวด ส่งขายตาม Super Market ต่างๆตามเมืองอีกด้วย ^^
มีโอกาสขึ้นไปพูดบนเวที TEDx เวทีระดับโลก
คุณน้อง เคยไปแข่งขันในรายการ chopped ทางช่อง foodnetwork (คว้ารางวัลชนะเลิศ), เว็บไซต์รีวิวร้านอาหาร Yelp.com (คล้ายๆกับ wongnai ของไทย) รีวิวให้คะแนนข้าวมันไก่ ranking 4.5/5 ดาว เลยทีเดียว
และที่เด็ดสุด! คุณน้องได้ขึ้นไปพูดบนเวที TEDx เวทีระดับโลก ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเห็นคนไทยบนเวทีนั้น .. หลายคนอาจจะเคยเห็นการให้สัมภาษณ์เรื่องราว ที่มาที่ไปของร้านข้าวมันไก่ของเธอ แต่บนเวทีนั้น คุณน้องได้บอกเล่าถึงจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ชีวิตส่วนตัวของเธอ ให้หลายๆ คนทั่วโลกได้เข้าใจอีกด้วย
บนเวที TEDx เวทีระดับโลก คุณน้องได้บอกเล่าถึงเรื่องราวชีวิตส่วนตัวว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพรียบพร้อม มีปัญหาครอบครัวด้วย คุณแม่เป็นแม่ครัวร้านอาหาร คุณพ่อติดเหล้าอย่างหนักแล้วก็ตกงาน เขาทำร้ายร่างกายและจิตใจคนในครอบครัวเสมอ
ครั้งหนึ่งเธอเห็นเด็กเล็กวัย 5 ขวบเล่นกับพ่ออย่าสนุกสนาน เธอรู้สึกอดอิจฉาครอบครัวนี้ไม่ได้ เธออยากมีชีวิตครอบครัวที่อบอุ่นแบบนั้นบ้าง คุณน้องเคยขอพรทุกคืน เธออยากไปไกลๆ จากที่ที่เธอโตขึ้นมา และเธอก็ตัดสินใจฝ่าฟันอุปสรรค เดินทางกว่าค่อนโลกมายังอเมริกา โดยเธอพูดติดตลกว่า ตอนที่มาอเมริกานั้นเธอพูดภาษาอังกฤษไม่เป็น แต่เธอคิดว่าเธอพูดได้นะ แต่ทำไมดูเหมือนว่าไม่มีใครเข้าใจที่เธอพูดสักคน >,< .. ติดตามชมในคลิปด้านล่างต่อได้เลยค่ะ
ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดไหน อย่าลืมเชื่อในตัวเอง
โดยคุณน้องทิ้งท้ายว่า “ไม่ว่าสถานการณ์จะแย่ขนาดไหน อย่าลืมเชื่อในตัวเอง ต้องเชื่อว่าตัวเองนั้นทำได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ ทำมัน เมื่อวันหนึ่งที่โอกาสมาถึง ทำมันมากกว่าที่คนอื่นคาดไว้ คุณจะตะลึงในผลลัพธ์ของมัน”
เรียบเรียงเขียน teen.mthai.com (ข้อมูลเมื่อ May 20, 2015 )
ขอบคุณข้อมูล www.advancedbizmagazine.com, ohhappybear.com, advancedbizmagazine.com, ขอบคุณภาพ www.pinterest.com, http://khaomangai.com/,behindthefoodcarts.com, www.oregonlive.com, www.portlandmercury.com