เชื่อว่าเป็นความฝันของเหล่านิสิตจุฬาฯ หนุ่มสาวหลายคน กับการทำหน้าที่สำคัญ อย่าง การเป็น ‘ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว’ บนเสลียงในงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ สักครั้งหนึ่งในชีวิต และคงเป็นความภาคภูมิใจไม่น้อย แต่กว่าจะไปถึงจุดนั้น ต้องเริ่มต้นอย่างไร มีการคัดเลือกคุณสมบัติแบบไหน และต้องเตรียมตัวอย่างไรบ้าง จึงเป็นที่มาที่เราได้มาสัมภาษณ์ผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในปีนี้กัน
อัลบั้มภาพ 6 ภาพ
กว่าจะมาเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์
ก่อนอื่น มาทำความรู้จัก CU Coronet คือกลุ่มตัวแทนนิสิตและผู้อัญเชิญพระเกี้ยวแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประจำงานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ – ธรรมศาสตร์ ซึ่งครั้งนี้เป็นครั้งที่ 74 และเป็นนิสิตที่ได้รับการคัดเลือกมาเพื่อทำสามหน้าที่ในงาน คืออัญเชิญพระเกี้ยว อัญเชิญป้ายนามมหาวิทยาลัยและอัญเชิญพานพุ่ม
สำหรับผู้อัญเชิญพระเกี้ยวในปีนี้ คือ นางสาว ภาคินี สิริวรวิทย์ (เบส) คณะนิเทศศาสตร์ ชั้นปีที่ 1 และ นายศุภกิจ อรุณภัทรสกุล (เพียว) คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ชั้นปีที่ 4
มาสมัครคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ยังไง
เบส : ตั้งแต่อยู่ม.ปลาย ก็ทราบว่ามีโครงการ CU Coronet นี้อยู่ พอเบสได้เข้ามาในฐานะนิสิตจุฬาฯ ปีแรก ก็อยากจะลองทำกิจกรรมต่างๆ เลยมาสมัครที่ CU Coronet ค่ะ
เพียว : ผมเคยมีเพื่อนเป็น CU Coronet รุ่นก่อนหน้านี้ เลยทำให้รู้จักโครงการนี้ และรู้สึกว่าน่าสนใจ ก็เลยอยากลองหาอะไรทำที่เป็นชาแลนจ์สำหรับตัวเอง และออกมานอก comfort zone ของตัวเองครับ
การคัดเลือกยากไหม ต้องทำอะไรบ้าง
ตอบพร้อมกัน : ยากค่ะ/ครับ
เพียว : ปีนี้มีผู้สมัครเยอะมากๆ แต่ละคนมีความสามารถ และเอกลักษณ์เป็นของตัวเองสุดๆ
เบส : สำหรับโครงการ CU Coronet นี้เปิดโอกาสให้นิสิตจุฬาฯ ตั้งแต่ปี 1 จนถึงปี 4 ทุกคนสามารถมาสมัครได้ แค่เป็นนิสิตจุฬาฯ ก็สามารถสมัครได้ ทำให้ปีนี้มีคนมาสมัครเยอะมากๆ ค่ะ
หลังสมัครเข้าไปแล้วต้องทำอะไรบ้าง
เบส : ต้องมีการพัฒนาบุคลิกภาพหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการเทรนนิ่ง ออกกำลังกาย เพื่อให้เรามีความพร้อม ร่างกายแข็งแรง รวมถึงการพัฒนาบุคลิกภาพ เพื่อให้เรามีโพสเจอร์ที่สวยงาม
มีการเตรียมตัว เตรียมความพร้อมยังไง
เบส : จริงๆ แล้ว เป็นการเตรียมความพร้อมกับตัวเองเพื่อต่อสู้กับตัวเองมากกว่าค่ะ พอเราไปอยู่ตรงนั้นแล้ว เราไม่คิดว่าใครดีกว่าเรา แต่เราจะคิดว่าครั้งก่อนเราทำได้ดีกว่าครั้งนี้ไหม แล้วก็พัฒนาไปเรื่อยๆ แบบนี้มากกว่าค่ะ
เพียว : ผมว่า มันเหมือนเป็นการรีเฟคถึงตัวเองมากกว่าอ่ะครับ ว่าจริงๆ แล้วตัวเรา คิดเห็นต่อเรื่องต่างๆ อย่างไร สมมุติว่า เราคิดว่าเขาจะถามเราในคำถามนี้ และเราก็กลับมาตั้งคำถามกับตัวเองว่า แล้วจริงๆ ตัวตนของเรา เราคิดเห็นกับเรื่องนี้อย่างไง เหมือนเป็นการต่อสู้กับตัวเองเหมือนที่น้องเบสบอกมากกว่าครับ
คำถามที่เจอในการคัดเลือก รู้สึกอย่างไร
ตอบพร้อมกัน : ช็อกค่ะ/ครับ
เบส : มีคำถามหลายรูปแบบมากเลยค่ะ ต้องเจอคำถามเยอะมาก กว่าจะคัดเลือกมา แต่ขออุ๊ปส์! ไว้ให้น้องๆ ปีหน้ามาลองดูนะคะ
เพียว : แต่บอกไว้เลยว่า ตอนที่เปิดคำถามขึ้นมา พวกพี่ตื่นเต้นทุกรอบเลย ตั้งแต่รอบแรกจนถึงรอบสุดท้าย โดยคำถามจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ ในแต่ละรอบ เพื่อทดสอบทัศนะคติ และความคิดเห็นของเราต่อเรื่องนั้นๆ
ความรู้สึกหลังการตัดสิน
เพียว : ตื่นเต้นครับ
เบส : ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเลยค่ะ ตึกๆ ตึกๆ พอเราได้รับเกียรติให้มาดำรงตำแหน่งนี้นะคะ พวกเราสองคนขอสัญญาว่าจะทำหน้าที่นี้ให้เต็มที่ที่สุดค่ะ
คุณสมบัติของผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
เพียว : พวกเรารู้สึกว่า การมาเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยว มันไม่ได้มีคุณสมบัติใดที่เป็นคุณสมบัติพิเศษที่ทำให้เราได้รับคัดเลือกมา เพราะว่าจริงๆ แล้ว แค่ทุกๆ คนที่เป็นนิสิตจุฬาฯ ก็สามารถสมัครเข้ามาได้ และมีโอกาสได้รับคัดเลือกเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวทุกคนครับ อย่างผู้ชายก็จะมีพระเกี้ยวติดอยู่ที่เนคไท ส่วนผู้หญิงก็จะมีพระเกี้ยวติดอยู่ที่หน้าอก เหมือนเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงว่า ทุกๆ คนก็มีโอกาสเหมือนกัน แต่แค่ว่างานบอลฯ เราไม่สามารถที่จะนำนิสิตทุกคนขึ้นไปเป็นผู้อัญเชิญพระเกี้ยวได้ เลยจึงต้องมีการคัดเลือกครับ
ผู้อัญเชิญพระเกี้ยว ทำหน้าที่อะไรบ้าง
เบส : สำหรับหน้าที่ของผู้อัญเชิญพระเกี้ยว จะมีหน้าที่อารักขาพระเกี้ยวค่ะ ตั้งแต่ก่อนเข้าสนามบอลจนถึงจบงานเลยค่ะ
เพียว : พระเกี้ยวเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของกำลังใจ ไม่ว่าจะเป็นกำลังใจให้ฝั่งกองเชียร์จุฬาฯ นิสิตจุฬาฯ ที่มาชมงาน หรือว่าแม้กระทั่งนักฟุตบอล ซึ่งหลังจากจบงานบอลประเพณีฯ แล้ว พวกเราก็ยังมีการทำกิจกรรมเป็นกลุ่มอยู่ดี ไม่ว่าจะเป็นกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ต่างๆ ทั้งภายนอกและภายในมหาวิทยาลัย และก็ยังมีงานพิธีการต่างๆ ที่เราไปร่วมกันเป็นกลุ่ม CU Coronet เหมือนเดิมครับ
เป็นตัวแทนกิจกรรม กระทบกับการเรียนไหม / แบ่งเวลาเรียนยังไง
เบส : จริงๆ แล้วการที่เราทำกิจกรรม เบสคิดว่าเราแบ่งเวลาได้ค่ะ เพราะว่าการที่เราทำกิจกรรมเยอะๆ เราก็มีประสบการณ์มากขึ้นด้วยค่ะ และไม่สามารถหาในห้องเรียนได้ การแบ่งเวลาของเบส พอกลับบ้านไป เบสจะพยายามทบทวนเนื้อหาของแต่ละวัน และก็พยายามตั้งใจเรียนในห้องค่ะ จะได้ไม่มาหนักตอนท้าย
เพียว : คิดคล้ายๆ น้องเบสเลยครับ จริงๆ แล้วการทำกิจกรรม ไม่ได้มีผลกระทบกับการเรีบนของเรามาก ถ้าเรารู้จักแบ่งเวลา เหมือนเป็นการเรียงลำดับความสำคัญว่า โอเคตอนนี้เป็นตอนซ้อม เราก็ควรโฟกัสที่กิจกรรม แต่ว่านอกเวลานั้น เราก็มีเวลาอ่านหนังสือหรือทำการบ้านของเราได้ เพราะฉะนั้นผมรู้สึกว่า มันไม่ได้กระทบการเรียนขนาดนั้น ถ้าเราแบ่งเวลาถูกต้องครับ
การฝึกซ้อม การเตรียมตัว อัญเชิญพระเกี้ยวในวันจริง ต้องทำอะไรบ้าง
เบส : ที่จริงพวกเรา CU Coronet ทั้ง 14 คนก็ซ้อมพร้อมกันเลยค่ะ มีการเทรนนิ่ง เพื่อเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับงานบอลฯ ที่จะมาถึง
เพียว : และก็อาจจะมีการพัฒนาบุคลิกภาพเล็กๆ น้อยๆ เหมือนที่น้องเบสบอกว่า เพื่อให้โพสเจอร์ของพวกเราดูดี เวลาที่ออกไปสู่สนามครับ
มีอะไรที่ยากจนต้องฝึกเป็นพิเศษสำหรับเรา
เบส : ของเบสเป็นการออกกำลังกายค่ะ (หัวเราะ) เพราะจริงๆ แล้วเบสไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลย แต่การได้มาออกกำลังกายในครั้งนี้จะช่วยพัฒนาตัวเองค่ะ
เพียว : เรื่องการออกกำลังกายเหมือนกันครับ เพราะไม่ค่อยได้ออกกำลังในรูปแบบ ซิทอัพ วิดพื้น แต่พอมาเข้าโครงการ เลยจะต้องทำให้ร่างกายแข็งแรง ก็อาจจะยากสักหน่อยในช่วงแรก แต่หลังจากนั้นก็เริ่มปรับตัวกันได้ครับ
ประสบการณ์ ความประทับใจที่ได้จากการคัดเลือกผู้อัญเชิญพระเกี้ยว
เบส : สำหรับเบส เหมือนได้ครอบครัวใหม่เลยค่ะ โดยก่อนที่เบสจะสมัคร เบสเคยได้ยินว่า CU Coronet เราอยู่กันเป็นครอบครัวนะ ตอนนั้นก็ยังมองภาพไม่ออกว่า มันจะเป็นยังไง พี่จะรักเรา หรือเราจะรักพี่ยังไง แต่พอเบสได้เข้ามาถึงตรงนี้แล้ว เบสรู้สึกได้ถึงความเป็นครอบครัว CU Coronet เลยตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ เพราะไม่ว่าพี่ๆ รุ่นเก่าๆ หรือรุ่นไหนๆ ก็ดูแลพวกเราอย่างเต็มที่ เบสก็ได้ซึบซับถึงความเป็นครอบครัวตรงนี้และก็ประทับใจมากๆ ค่ะ
เพียว : คิดคล้ายๆ น้องเบสเลยครับ ว่าความประทับใจ คือการได้ครอบครัวมาเพิ่มอีกครอบครัวนึง ตั้งแต่โมเมนท์แรกที่เราก้าวเข้าไปในฐานะผู้สมัคร ยังไม่ได้รับคัดเลือก ก็รู้สึกถึงความอบอุ่นและการต้อนรับจากทุกคนอย่างดี ทำให้เราประทับใจครับ
รุ่นพี่ฝากถึงรุ่นน้องที่อยากเข้าร่วมเป็นตัวแทนนิสิตแบบนี้บ้าง
เพียว : จริงๆ แค่ทุกคนรู้จักตัวเอง ว่าเราเป็นใคร และมีความซื่อสัตย์กับตัวเอง สามารถเป็นตัวของตัวเอง และพัฒนาตัวเองได้ ผมว่าแค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ กับการที่ใครคนใดคนนึงสามารถที่จะกล้าออกมาทำกิจกรรมต่างๆ
เบส : สำหรับกิจกรรมของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยนะคะ มีหลากหลายมากมายเลยที่เหมาะกับนิสิตทุกคน ไม่ว่าจะเป็นการแสดงออก การทำกิจกรรม การทำเบื้องหน้าหรือเบื้องหลังค่ะ เบสก็อยากจะให้ทุกคนได้ลองเลือกทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาศักยภาพในแบบที่ตัวเองถนัดค่ะ
ทั้งนี้ งานฟุตบอลประเพณีจุฬาฯ-ธรรมศาสตร์ ครั้งที่ 74 จะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2563 ที่สนามศุภชลาศัย