ประโยคภาษาอังกฤษ ‘เวลาไม่สบาย’ ควรพูดยังไงดี?

เวลาเรารู้สึกไม่สบาย มีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน หรือจะเป็นอาการป่วยแบบต่างๆ คำศัพท์ภาษาอังกฤษเหล่านี้ทีนเอ็มไทยก็ได้แนะนำเพื่อนๆ กันไปแล้ว (รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย) คราวนี้เรามาดูกันต่อดีกว่าค่ะว่า เวลาเราไม่สบาย เราจะพูดภาษาอังกฤษอย่างไร? ประโยคภาษาอังกฤษ ‘เวลาไม่สบาย’ ควรพูดยังไงดี?…

Home / CAMPUS / ประโยคภาษาอังกฤษ ‘เวลาไม่สบาย’ ควรพูดยังไงดี?

เวลาเรารู้สึกไม่สบาย มีไข้ ปวดหัว ตัวร้อน หรือจะเป็นอาการป่วยแบบต่างๆ คำศัพท์ภาษาอังกฤษเหล่านี้ทีนเอ็มไทยก็ได้แนะนำเพื่อนๆ กันไปแล้ว (รวมคำศัพท์ภาษาอังกฤษ อาการป่วย) คราวนี้เรามาดูกันต่อดีกว่าค่ะว่า เวลาเราไม่สบาย เราจะพูดภาษาอังกฤษอย่างไร?

ประโยคภาษาอังกฤษ ‘เวลาไม่สบาย’
ควรพูดยังไงดี?

ประโยคภาษาอังกฤษ 'เวลาไม่สบาย' ควรพูดยังไงดี?

แบบที่ 1. กรณีรู้อยู่แล้วว่าเราเป็นโรคอะไร

ถ้าเราพอจะรู้คร่าวๆ ว่าตอนนี้เราป่วยเป็นอะไรอยู่ เราก็สามารถบอกคนอื่นๆได้โดยใช้โครงสร้าง

“I have ___ ชื่อโรค___.”

แปลว่า ฉันป่วยเป็นโรคอะไร มีโรคอะไรอยู่

เช่น  I have a cold. (ไอ แฮฟ อะ โคลดฺ) ฉันป่วยเป็นหวัด
I have a fever. (ไอ แฮฟ อะ ฟีเวอรฺ) ฉันมีไข้
I have the flu. (ไอ แฮฟ เดอะ ฟลู) ฉันป่วยเป็นไข้หวัด
I have a stomachache. ( ไอ แฮฟ อะ สตอมัคฺเอคฺ) ฉันปวดท้อง

สังเกตดูว่า ส่วนใหญ่ถ้าเป็นชื่อโรคสิ่งที่ห้ามลืมคือการเติม Article (a, an, the นั่นเอง) จะมีบ้างเหมือนกันที่ไม่ต้องเติม article เช่น I have food poisoning. (ไอ แฮฟ ฟู้ด พอยเซินนิง) ที่หมายถึงอาหารเป็นพิษ

แบบที่ 2. บอกความรู้สึกที่เป็นอยู่

“I feel ___”

หมายถึง ฉันรู้สึก…

เช่น I feel sick. ( ไอ ฟีล ซิคฺ) ฉันรู้สึกป่วยๆ
I feel dizzy. (ไอ ฟีล ดิซฺซี) ฉันรู้สึกเวียนหัว
I feel nauseous. (ไอ ฟีล นอเซียส) ฉันรู้สึกคลื่นไส้

ความรู้สึกแบบนี้มักตามหลังด้วย adjective บอกอาการต่างๆ ให้จำง่ายๆว่าเมื่อไหร่ที่รู้สึก ต้องตามด้วย adjective เสมอ

ประโยคภาษาอังกฤษ 'เวลาไม่สบาย' ควรพูดยังไงดี?
ประโยคภาษาอังกฤษ ‘เวลาไม่สบาย’ ควรพูดยังไงดี?

แบบที่ 3. กรณีบอกอาการที่เกิดขึ้นอยู่ตลอด

“I can’t stop ___V.ing___”

หมายถึง ฉันหยุดที่จะทำสิ่งนั้นๆไม่ได้

เช่น I can’t stop sneezing. (ไอ แค้นทฺ สตอป สนีซฺซิง) ฉันหยุดจามไม่ได้เลย
I can’t stop shivering. (ไอ แค้นทฺ สตอป ชิฟเวอริง) ฉันตัวสั่นไม่หยุดเลย
I can’t stop sweating. (ไอ แค้นทฺ สตอป สเวททิง) ฉันเหงื่อไหลไม่หยุดเลย

จะสังเกตว่าหลังจาก can’t stop เราจะเติม V.ing ตามหลังไป เป็นการบอกอาการว่านี่ฉันจามไม่หยุดเลยนะ ก็พอเดาๆ ได้ว่าน่าจะเป็นหวัดเมื่อดูจากอาการที่เราบอก

แบบที่ 4. กรณีอวัยวะได้รับการบาดเจ็บ

“My ___อวัยวะ__ hurts/hurt.

หมายถึง ส่วนใดส่วนหนึ่งของฉันเจ็บ หรือปวดอยู่

เช่น ปวดหลัง ก็บอกว่า My back hurts. (มาย แบ็ค เฮิรฺทสฺ)
ปวดเข่า ก็บอกว่า My knees hurt. (มาย นี เฮิรฺทสฺ)
ปวดขาทั้งสองข้างเลย My legs hurt. (มาย เลกฺส เฮิรฺท)

แค่เติมคำว่า hurt ที่หมายถึง เจ็บปวด เข้าไปคนฟังก็สามารถเข้าใจได้แล้วว่าส่วนไหนบนร่างกายเราที่เจ็บ หรือปวดอยู่ ที่ต้องระวังก็แค่ถ้าเจ็บแค่ข้างเดียวส่วนเดียว hurt ก็เติม –s เข้าไป แต่ถ้าเจ็บทั้งสองข้างก็พุดแค่ hurt อย่างเดียวพอ

ขอบคุณข้อมูล และติดตามภาษาอังกฤษอื่นๆ เพิ่มเติมได้ที่ www.dailyenglish.in.th