กราบหลวงพ่อม่วง วัดพร้าว วัดโบราณ สุพรรณบุรี

ประวัติวัด
วัดพร้าว วัดโบราณ สุพรรณบุรี ตั้งอยู่ติดกับประตูน้ำโพธิ์พระยา สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานชัดเจน สันนิษฐานว่าสร้างราว พ.ศ. 2240 วัดพร้าวมีชื่อเรียกอยู่ 3 ชื่อ ชื่อแรก “วัดโพพระ” ซึ่งตั้งตามที่อยู่ในท้องถิ่นมาตั้งเป็นชื่อของวัด คงเพื่อประสงค์ให้ประชาชนชาวโพพระ ได้ช่วยกันทำนุบำรุงให้สมกับเป็นวัดของชาวโพพระ ชื่อที่ 2 ต่อมาเรียกกันว่า “วัดแก้วพร้าว” เป็นยุคสมัยที่หลวงพ่อแก้วเป็นเจ้าอาวาส ชื่อที่ 3 เรียกว่า “วัดพร้าว” จนถึงปัจจุบัน ด้วยสมัยนั้นมีต้นมะพร้าวปลูกอยู่รอบสระหอไตร จำนวนมาก และประกอบกัน เรียกว่าวัดพร้าว ซึ่งเรียกง่ายจำง่าย
โดยภายในวัดมีวิหารลักษณะเด่นเลียนแบบสถาปัตยกรรมพม่าซึ่งเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาท และมีวัตถุโบราณอย่าง ใบเสมาหินทรายแดงอยุธยา พระพุทธรูปอู่ทองตอนปลาย และหอไตรกลางน้ำ เป็นต้น

ปัจจุบันเป็นโบราณสถาน หมายเลขทะเบียน 0006338 ของกรมศิลปากรที่ขึ้นทะเบียนตามพระราชบัญญัติโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุและพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2548

HILIGHT ของวัด
- พระวิหารคู่ มีมณฑปขนาดเล็กสถาปัตยกรรมทรงแบบพม่าประดิษฐานรอยพระพุทธบาท
- พระมณฑปหลังใหญ่สูงจากฐานถึงยอด 15 วา ทรงบน 5 ชั้น
- หลวงพ่อม่วง อดีตเจ้าอาวาส พระอุปัชฌาย์แห่งวัดพร้าวในช่วง พ.ศ. 2330 – 2372
- เสาอัดใบลานของเก่ามีแห่งเดียวในประเทศไทย
- วังค้างคาว เป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวแม่ไก่ เพาะพันธุ์ลูกหลานจำนวนหลายแสน
- วังมัจฉา ตั้งอยู่หน้าวัดด้านตะวันออก มีปลานานาชนิดจำนวนมาก เป็นจุดนิยมมาให้อาหารปลากันที่นี่

สิ่งสำคัญภายในวัด
อุโบสถ
อุโบสถหลังเก่าสันนิษฐานว่าสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา ต่อมาชำรุดทรุดโทรม สมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาสจึงรื้อและดำเนินการสร้างใหม่ในพื้นที่เดิมเมื่อ พ.ศ. 2454 กระทั่งแล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2457 โดยปรับขนาดให้ใหญ่กว่าเดิม ส่วนใบเสมานั้นยังคงเป็นของเดิม มีลักษณะเป็นใบเสมาคู่ ทำจากวัสดุหินทรายแดง รูปแบบศิลปกรรมและอายุสมัยกรุงศรีอยุธยา

มณฑป
มณฑป รูปแบบสถาปัตยกรรมทรงไทยโบราณ (ลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมพม่า) จำนวน 2 หลัง สร้างสมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาส ปัจจุบันกรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว
- มณฑปหลังเล็ก สร้างเมื่อ พ.ศ. 2448 ภายในประดิษฐาน พระจุฬามณีเจดีย์ พระพุทธรูปปางต่างๆ องค์ปางปาลิไลยก์ ชาวบ้านนิยมเรียกว่า “หลวงพ่อวัดป่า” หรือ “หลวงพ่อโต” สร้างจำลองจากพระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ (หลวงพ่อโต) ที่วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร จังหวัดสุพรรณบุรี และยังมีรอยพระพุทธบาทจำลองหนึ่งรอย แกะสลักจากหิน เมื่อ พ.ศ. 2448
- มณฑปหลังใหญ่ เริ่มสร้างเมื่อ พ.ศ. 2466 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2472 โดยพระอาจารย์เซ้ง อินฺทโชโต (ภายหลังได้รับพระราชทานสมณศักดิ์ที่ พระครูสังฆภาณโสภณ) ภายในประดิษฐาน พระจุฬามณีเจดีย์ พระพุทธรูปปางต่างๆ และรอยพระพุทธบาทจำลองสี่รอย แกะสลักจากหิน เมื่อ พ.ศ. 2448

ศาลาบูรพาจารย์
ศาลาบูรพาจารย์ ลักษณะอาคารไม้ ทรงไทย เป็นสถานที่ประดิษฐานปูชนียวัตถุต่างๆ ได้แก่
- พระพุทธรูปทรงเครื่อง ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ ปางประจำวันต่างๆ
- พระแม่ธรณีบีบมวยผม ศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์
- รูปเหมือนอดีตเจ้าอาวาส ได้แก่ พระอุปัชฌาย์ม่วง พระครูปลื้ม พระครูสังฆภาณโสภณ (เซ้ง อินฺทโชโต) พระครูสังฆรักษ์ เชื้อ สุวณฺโณ
- รอยพระพุทธบาทจำลอง

หอไตรกลางสระน้ำ
หอไตรกลางสระน้ำ สร้างราว พ.ศ. 2446 สมัยพระครูปลื้มเป็นเจ้าอาวาส ในอดีตเป็นสถานที่เก็บรักษาพระไตรปิฎก คำภีร์และตำราต่างๆ ส่วนสาเหตุที่ต้องสร้างอยู่กลางสระน้ำเนื่องจากเป็นภูมิปัญญาในการเก็บรักษา เพื่อป้องกันมด ปลวก หนูที่จะกัดทำลาย ปัจจุบันหอไตรนี้ไม่ได้ใช้งาน กรมศิลปากรขึ้นทะเบียนโบราณสถานแล้ว
เทศกาล และงานประจำปี
เทศกาลสำคัญของวัดที่ชาวบ้านในพื้นที่มักตั้งตารอคอย คือ งานปิดทองไหว้พระ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์และรอยพระพุทธบาท วันขึ้น 8 ค่ำ และวันขึ้น 9 ค่ำ เดือน 12 ของทุกปี










ที่อยู่ : 179 หมู่ที่ 1 ตำบลโพธิ์พระยา อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรี
Google map : https://maps.app.goo.gl/eNX2bD6ZrP1Eiafh6
เวลาทำการ : 08.00 น. – 17.00 น.
เนื้อหาอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง
กราบหลวงพ่อสามโบสถ์ ขอพรคุณแม่บุญเรือน โตงบุญเติม วัดปู่บัว
กราบพระสิงห์สามสานชนะมาร พระไม้ไผ่สาน วัดหน่อพุทธางกูร สุพรรณบุรี
กราบพระนอนปางถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมัยอู่ทอง วัดพระนอน สุพรรณบุรี
