ช่วง Green Season มองไปทางไหนธรรมชาติก็เป็นสีเขียว ดูแล้วสดชื่นสบายตาสบายใจ อย่างนาข้าวก็เหมือนกัน ยิ่งหลังฝนตกใหม่ๆ ต้นข้าวยิ่งชุ่มฉ่ำ หอมกลิ่นไอดินเคล้ากลิ่นฝน ซึ่งในเมืองไทยก็มี ที่เที่ยว วิวทุ่งนา เยอะมาก ให้ได้เช็คอินโพสรูปลงโซเชียล แต่บางแห่งหลายคนอาจจะยังไม่ค่อยรู้จัก … จะมีที่ไหนบ้างนั้น แพ็คกระเป๋าแล้วตามเราไปเที่ยวเลย
กรีนซีซั่นนี้ต้องไป 8 ที่เที่ยว
วิวทุ่งนา ที่ไม่ค่อยมีใครรู้จัก
1. นาเฮียใช้ สุพรรณบุรี
นาเฮียใช้ หรือชื่อเต็มๆ ว่า ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ชมนาข้าวเขียวชอุ่ม พร้อมๆ กับเรียนรู้วิถีเกษตรกร ตั้งแต่การปลูกข้าว รู้จักข้าวพันธุ์ต่างๆ ศัตรูของข้าว ชมแปลงสาธิต ยุ้งฉางข้าว รวมถึงโรงปลูกเห็ด โรงเลี้ยงไก่ และบ้านทรงไทยที่จัดแสดงวิถีชีวิตแท้ๆ ของชาวนาภาคกลาง ก่อนจะแวะร้านกาแฟ สั่งเครื่องดื่มเย็นๆ แก้ร้อน ทอดสายตามองต้นข้าวที่ไหวเอนไปตามแรงลม
…
2. ภูกระเหรี่ยง จ.นครนายก
ไปเดินเล่น ถ่ายรูป สูดอากาศสดชื่น พร้อมนั่งห้อยขาจิบเครื่องดื่มเย็นๆ บนสะพานไม้ไผ่พราวภูฟ้า ที่ทอดยาวไปตามท้องนา ภายในบ้านไม้เก่าแก่สองชั้น ภูกะเหรี่ยง ต่อด้วยท่องเที่ยววิถีธรรมชาติ เดินชมศูนย์การเรียนรู้วิถีชุมชนแบบพอเพียง แล้วยังมีสวนผลไม้ สัตว์เลี้ยง บ่อปลา บรรยากาศร่มรื่นด้วยต้นไม้เขียวขจีรายล้อม
…
3. สะพานทุ่งนามุ้ย จ.นครนายก
สะพานทุ่งนามุ้ย เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาวคดเคี้ยวเป็นรูปตัวเอส พาดผ่านบนท้องนาของลุงอ๊อด เจ้าของไร่ ยาวกว่า 150 เมตร โอบล้อมด้วยทิวเขาน้อยใหญ่ลดหลั่นกันไป นักท่องเที่ยวสามารถนำจักรยานมาปั่นเที่ยวชิลๆ ได้ ไม่เก็บค่าเข้าชม แต่สามารถให้ได้ตามกำลังทรัพย์
…
4. วัดถ้ำเสือ & มีนาคาเฟ่ จ.กาญจนบุรี
แวะสักการะ หลวงพ่อชินประทานพร องค์พระุพุทธรูปปางประทานพรขนาดใหญ่ที่สุดในจ.กาญจนบุรี ที่วัดถ้ำเสือ และชมความวิจิตรงดงามของพระเจดีย์เกศแก้วมหาปราสาท บวกกับอุโบสถอัฏมุขทรงไทย ซึ่งด้านบนนี้สามารถมองเห็นวิวทุ่งนาสีเขียวสดกว้างไกลสุดสายตา
ขอบคุณรูปภาพจาก : มีนา cafe’ , Kanchanaburi
อีกทั้งยังมีร้าน มีนาคาเฟ่ ตั้งอยู่ด้านหลังวัดถ้ำเสือ มีอาหารและเครื่องดื่มบริการ ไฮไลท์ก็คือสะพานไม้ให้เดินเล่นถ่ายรูปไปถึงกลางทุ่งนา รวมถึงกระท่อมน้อย และเปลนอน สามารถสั่งชา กาแฟ เบเกอร์รี่ มานั่งกินดื่ม พร้อมๆ กับเอนกายนอนชมทัศนีภาพ บอกเลยว่าชิลล์ขนาดนี้ถ้าไม่มาเสียดายแย่
…
5. สะพาน 100 ปี จ.นครราชสีมา
อันซีนอินโคราช นาทีนี้ขอยกให้ สะพานไม้ 100 ปี ที่หมู่บ้านโคกกระชาย อ.ครบุรี สะพานไม้เก่าแก่ยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทอดผ่านทุ่งนาของชาวบ้านหลายร้อยไร่ สัมผัสกลิ่นไอดินจางๆ ความสดชื่น และบรรยากาศเงียบสงบ อีกทั้งช่วงเย็นสะพานนี้ยังเป็นจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของโคราชอีกด้วย
…
6. วัดม่วง จ.อ่างทอง
วัดม่วง จ.อ่างทอง อีกหนึ่ง ที่เที่ยว วิวทุ่งนา ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่สุดในโลก นั่นคือ พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือพระใหญ่ ตั้งเด่นสง่าอยู่กลางท้องทุ่งนา ได้ไปทำบุญไหว้พระ แถมได้ชื่นชมธรรมชาติสวยๆ บอกคำเดียวว่าห้ามพลาดเด็ดขาด
…
7. สะพานบุญ วัดพระธาตุสันดอน ลำปาง
สะพานบุญวัดพระธาตุสันดอน หรือขัวแตะ แลนด์มาร์คใหม่ล่าสุดแห่งเมืองลำปาง เป็นสะพานไม้ไผ่ที่ทอดยาว 360 เมตร ผ่านทุ่งนาเขียวขจี เชื่อมต่อกับบันไดนาคของวัดพระธาตุสันดอน โดยเกิดจากความร่วมแรงร่วมใจของชาวบ้าน เพื่อให้สะดวกต่อการเดินไปนมัสการพระบรมธาตุ (ส่วนตับ)
…
8. ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
ปิดท้ายกันที่ทุ่งเสลี่ยม จังหวัดสุโขทัย อำเภอเล็กๆ แสนเงียบสงบ ที่ธรรมชาติยังคงบริสุทธิ์ เพราะน้อยคนนักจะมาเที่ยว โอบล้อมด้วยแนวสันเขา ทุ่งนาสีเขียว และปรากฏการณ์ทะเลหมอกหลังฝนตก อากาศเย็นสบาย เหมาะมาใช้ชีวิตสโลไลฟ์สักสองสามวันในช่วงกรีนซีซั่นนี้ สำหรับสถานที่เที่ยวที่ห้ามพลาดก็คือ วัดทุ่งเสลี่ยม กราบไหว้หลวงพ่อศิลา พระคู่บ้านคู่เมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล