เรื่อง : พิษณุพงษ์ จงสูงเนิน
ภาพ : อภิเชษฐ์ สุดสังข์
: วิรุฬห์ ฤทธิวรรณ
ลำดับภาพ : เพชรลัดดา เมืองอิสรา
ป้ากบ ยมรีย์ กลิ่นเงิน เจ้าของร้านข้าวเเกงซึ่งขายข้าวกล่องในราคาสิบบาท โดยมีหลากหลายเมนูให้เลือกสรรสำหรับลูกค้าทุกวัย เพราะรูปเเบบความสุขของการเป็นผู้ให้ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กหรือใหญ่ ผลลัพธ์ที่ได้ คือเรื่องราวดีๆ เสมอ
“บางคนยกมือไหว้บอกป้า ผมไม่มีตังค์จริงๆ นะ ผมตกงานอะ เเล้วลูกผมอยู่ที่บ้านสี่คน ผมขอป้าไปกินก่อนได้ไหมเเล้วเดี๋ยวผมหางานได้เเล้วผมมาให้ป้า ไม่ต้องลูกหนูเอาไปกินเลย กี่มื้อก็ได้กี่วันก็ได้ เเล้วถ้าหนูยืนได้หนูค่อยเอามาให้ป้า ตราบใดหนูยืนไม่ได้ไม่ต้องเอามาให้ป้า เพราะป้าเคยเป็นชีวิตเเบบหนูป้าเคยไม่มีตอนลูกเล็กๆ ไปซื้อข้าวไข่เจียวกล่องนึงขอยี่สิบ ไม่ได้หรอกเธอฉันขายกล่องสามสิบ ไข่ใบเดียวก็ได้นะขอยี่สิบบาทให้ลูกกิน ไม่ได้ๆ ขายอยู่ยืนพื้นสามสิบ ถ้าขายคุณยี่สิบ มันเป็นตัวอย่างที่ไม่ดี เรารู้สึกมันกินใจเรามาตั้งเเต่นั่น กับอีแค่ข้าว 5-6 กล่อง เเต่เหมือนลูกเขาได้กินเราก็สบายใจ”
อิ่มสุขทุกกล่อง ป้ากบข้าวกล่อง 10 บาท
“คือขายตามงานวัดเเล้วเด็กมันไปซื้อเเล้วมันกินเเค่ 2 คน อีก 3 คนมันนั่งมองมันไม่มีเงินซื้อ เลยเริ่มต้นขายข้าวกล่องสิบบาทเรื่อยมาจนงานวัดมันยุบเพราะมันเจอโควิด ป้าก็เลยเข้าตลาดนัดตั้งเเต่นั้นเลย ก็ขายราคาสิบบาทยืนพื้นมา 15 ปีเลย โดยไม่คิดขึ้นราคาเพราะด้วยเศรษฐกิจที่มันไม่ดี เเล้วลูกหลานเราเยอะลูกหลานเรากินด้วย เเล้วขายราคาอย่างนี้ทุกคนจับต้องได้ คนที่ไม่มีก็สามารถซื้อได้ อย่างเมื่อก่อนป้าก็ไม่มีนะป้าเข้ามาในตลาดถือตังค์มาห้าสิบ ได้ข้าวอย่างเดียวอย่างอื่นไม่ได้เลย เเต่มาร้านป้าได้ทุกอย่าง ไข่ดาว มีกะเพรา มีทุกอย่างเลยกินได้หมดในราคาเเค่สิบบาท”
ก่อนมาขายข้าวเเกง ป้ากบทำอะไรมาก่อน?
“ขายก๋วยเตี๋ยวถุงละสี่สิบถึงห้าสิบ เเล้วปรากฏว่ามันเข้ามา 5 คนเเล้วมันกินได้ 2 คนอีก 3 คนมันนั่งมอง เราก็ถามทำไมไม่กินล่ะลูก มันบอกผมไม่มีตังค์ ตั้งเเต่นั้นมันทำให้เราคิด ลูกหลานเราเหมือนกันเวลาไปโรงเรียนอย่างเงี้ยไม่มีตังค์ เเม่ค้าก็บอกว่าไม่เป็นไรลูกกินฟรี มันก็กลับมาเล่าให้เราฟังเราก็บอกเเม่ค้าคนนี้ใช้ได้เลย เราก็เลยอยากมีเเนวทางเเบบนี้ เราก็เริ่มตั้งเเต่จุดนี้เรื่อยมาเลย อย่างปัจจุบันนี้ป้าขายสิบบาทสรรเสริญใหญ่เลย ผมอยากได้ราคาเเบบนี้ผมขอบคุณป้ามากที่ป้าขายราคาเเบบนี้ บางคนมันมีแต่บางคนมันก็ไม่มี ป้าก็เลยเอาจุดนี้เป็นจุดเริ่มต้นเรื่อยมา เเต่เมื่อก่อนป้าได้กำไรกล่องนึงสามบาท เเต่เดี๋ยวนี้เหลือกล่องละบาทป้าก็ทำ เราไม่ได้อยากได้มากมายนะเพราะลูกหลานป้าก็กินได้ด้วย ถ้าเกิดครอบครัวป้าไปซื้อข้าวกล่อง กล่องละสี่สิบ ยืนเรียงขนาดนี้มื้อนึงห้าร้อย เเต่มาร้านป้ามื้อนึงร้อยเดียว ได้แล้ว 10 กล่องกินได้ทุกเมนู”
ทุกกล่องคัดสรรจากใจ เพื่อลูกค้าทุกวัยได้อิ่มท้อง
“เด็กจะกินไม่เผ็ดกินข้าวมันไก่ กินไข่ดาว ไส้กรอก เเต่คนเเรงงานจะกินกะเพรา คนวัยทำงานจะกินข้าวปลาเเกะ คนงานก่อสร้างจะกินผัดไท บะหมี่เกี๊ยว เด็กบางคน เเม่กะเพราเผ็ดหนูไม่อยากกิน โอเค ป้ามีไข่ดาวไส้กรอกลูก ป้ามีข้าวผัดกุ้งลูก เเม่ ผมอยากกินเผ็ดๆ ป้ามีกะเพรา ป้ามีหน่อไม้ผัดไก่ ป้ามีผัดฉ่า อย่างคนเเก่เนี่ยมาปุ๊บอยากกินเกี๊ยวหมูเด้ง ป้าก็มีเกี๊ยว คือเราเอาใจเขามาใส่ใจเรา เราก็เลยคิดสรรหาเมนูขึ้นมาทำใหม่ๆ เเปลกๆ ทุกวัน เเต่ตอนนี้ภาวะเศรษฐกิจมันไม่ดีนํ้ามันเเพง เเต่เราก็ยังขายราคานี้ เพราะว่าเราคิดว่าราคานี้ทุกคนจับต้องได้ไง เเต่ถ้าเกิดมันเเพงไปกว่านี้ คนที่มันไม่มีเนี่ยมันจะอยู่ลำบาก ป้าก็เลยยึดจุดนี้ขายสิบบาทเรื่อยมา จากเมื่อก่อนป้าได้กำไรวันนึงสองพันห้านะ เเต่เดี๋ยวนี้เหลือพันกว่าบาทป้าก็ไม่ซีเรียส เพราะป้าไม่ได้เป็นหนี้ใคร ป้าไม่ได้เดือดร้อน เอาไว้ให้ลูกหลานกินได้ด้วยมื้อนึงป้าก็ไม่ต้องซื้อกับข้าว ลูกหลานก็กินกันในนี้หมดเลย พวกเขากลับจากทำงานก็มาช่วยป้ากันหมด เพราะเราเป็นครอบครัวเราไม่ได้จ้างใครให้เสียเงิน”
“ป้าลงทุนวันละห้าพันป้าจะขายได้วันละหกพันห้า ทุกวันก็จะหมดทุกวัน ป้าเป็นคนที่โชคดีอย่างนึงคือได้ยี่ปั๊วะที่ใจดี อย่างร้านไข่ตอนนี้ไข่อยู่ใบละสามบาท เเต่เขากดให้ป้าไม่ถึงสองบาทเลย ป้าไปทีไรสั่งเขาปุ๊บโอนตังค์เข้าบัญชีปั๊บเขาก็ล็อกให้ป้าเลยวันละสิบเเผงสิบเเผง อย่างหมูเหมือนกันตอนนี้หมูราคาสองร้อย เขาก็จะส่งป้าอยู่ร้อยกว่าบาทเพราะเราซื้อกันมา 15 ปี ซื้อกันมาตั้งเเต่ลูกเขายังเล็กๆ จนลูกเขากลับมาขายให้เรามันก็เลยเหมือนความโชคดีของเรา เขาก็บอกอย่าไปคิดป้ากบเยอะนะ ลูกบอกโอเคเเม่เเค่นั้น เราก็คือเหมือนเราได้ในความใจดีของเขา”
ได้เป็นผู้ให้อิ่มใจเสมอ
“หนึ่งเราได้ให้ลูกหลานกิน สองเราได้ความสุข เราชอบอะในสิ่งที่เราทำเเบบนี้ คือเอาใจเขามาใส่ใจเราถ้าเราเป็นเขาเเล้วครอบครัวใหญ่เเบบนี้ ถ้าเราเจอข้าวกล่องกล่องละสี่สิบเนี่ยเราตายเลย เเต่ว่าถ้ามีร้านเเบบนี้สักร้านนึงในตลาด ในพื้นที่ที่ป้าอยู่เนี่ย โอเคป้าว่ามันใช่เลยนะ ป้าลำบากไหมต้องทำอย่างงี้ ป้าสนุกป้าชอบ เวลาเห็นเขาซื้อกันอย่างงี้ป้ารู้สึกป้ามีความสุข เเล้วกำไรเราได้ถึงเเม้เราจะได้น้อยนิด เเต่ถ้าเกิดเราเเก่เเล้วเราไปทำงานอะค่าเเรงสามสี่ร้อยอย่างงี้อะไม่ได้ เเต่อย่างงี้พันครึ่งพันป้าก็เอาเเละ ถามว่าเมื่อก่อนกำไรมันจับต้องได้ เเต่เดี๋ยวนี้มันพยุงตัวเพราะของมันเเพง ป้าไม่ซีเรียส ถือว่าช่วยกันไปช่วยสังคมอะลูก”
“อยากจะฝากบอกหลายๆ คนนะที่กำลังเดือดร้อนหรือคิดว่าภาวะเศรษฐกิจเเบบนี้มันเเย่ ข้าวยากหมากเเพง ป้ากบอยากจะบอกว่าสู้นะลูก เราลองนึกว่าเราพอทำอะไรได้ เราทำเเล้วเราสู้เพื่อครอบครัวเเล้วสักวันนึงหนูก็จะเป็นเหมือนป้า เมื่อก่อนป้าเคยล้มนะเเต่ปัจจุบันนี้ป้าก็ยึดติดกับสิบบาท ป้าไม่ได้กำไรมากมาย เพราะป้าคิดว่าถ้ากำไรมากมายเเล้วมานั่งมองคนซื้อหรือเขานั่งมองกินอย่างงี้ ป้าคิดว่ามันไม่เหมาะสม เเต่ถ้าหนูคิดทำอะไรที่มันได้กำไรเล็กๆ น้อยๆ หรือเริ่มต้นจากเล็กๆ ไปหาใหญ่ๆ ป้าเชื่อว่าหนูไปได้ถึงจุดสุดยอดเลยลูก”