NEXTPEOPLE คนไม่หมดไฟ

อดีตนางแบบ หมูน่องทอง ผันตัวสู่ ผู้รับเหมาก่อสร้าง

มู่ พิมพ์ณัฐชยา จากอดีตนางแบบเธอผันตัวสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งศึกษา ลงมือทำเอง เชื่อมเอง บางอย่างดูเป็นงานที่หนัก..

Home / TELL / อดีตนางแบบ หมูน่องทอง ผันตัวสู่ ผู้รับเหมาก่อสร้าง

มู่ พิมพ์ณัฐชยา จากอดีตนางแบบเธอผันตัวสู่การเป็นผู้รับเหมาก่อสร้าง ทั้งศึกษา ลงมือทำเอง เชื่อมเอง บางอย่างดูเป็นงานที่หนักสำหรับผู้หญิงแต่เธอก็สามารถทำได้เพราะความที่ไม่ยอมแพ้ ไปติดตามเรื่องราวของหญิงแกร่งคนนี้ได้ในรายการ Next People คนไม่หมดไฟ

อดีตนางแบบ หมูน่องทอง

“ตอนนี้ปัจจุบันก็เป็นนักออกแบบตกแต่ง และก็ออกแบบโครงสร้างบ้าน ตกแต่งร้าน ทำอาชีพรับเหมาค่ะ ก่อนหน้านี้เดินแฟชั่นโชว์แล้วก็ถ่ายหนังสืออะไรงี้ค่ะ ถ่ายละคร ก็คืออยู่ในแวดวงของวงการบันเทิงค่ะ เป็นนักเรียนปกติเลยค่ะ แล้วเหมือนเราจนไม่มีเงินเราก็อยากหารายได้ และก็มีคนเขาชวน ตอนนั้นกันตนากำลังดัง เขาเพิ่งจะเปิดใหม่ๆ อะไรอย่างงี้ ก็มีคนชวนไปแคสติ้งเป็นตัวประกอบ แล้วพอพี่เขาเห็นก็บอกว่า ชวนไปประกวดนางแบบที่บ้านมนังคศิลา ก็เลยไปกับเขาด้วย ไปแล้วก็ได้รองมาค่ะ แล้วหลังจากนั้นก็มีงานมาตลอดเลยค่ะ แต่ว่าสายตรงช่วงนั้นก็คือพี่ถ่ายละครมาดามยี่หุบ ถ่ายละครส่วนมาก ไม่ได้เดินแบบนะคะ ก็จะมาเดินช่วงหลังๆ ค่ะ”

“ส่วนมากพี่จะรับงานแฟชั่น คือ ICC จะเป็นงานห้างอะค่ะ คือเดินในห้างแฟชั่นแบบ The Mall และก็พวก Fashion Week อะไรงี้ค่ะ งานของพี่ตือ Emporium จะเดินประมาณนั้น ก็ตอนนั้นน่าจะเป็นห้องเสื้อของสิงคโปร์ เสื้อผ้าอันนี้มันจะดังมาก คือต้องแคสติ้งถึงจะได้เดินค่ะ เป็นงานที่แบบมีแต่คนอยากเดินอะไรอย่างงี้ แล้วต้องไปแคสติ้งประมาณ 60-70 คนอะค่ะ แล้วเขาใช้คนไทยแค่ 4 คน นอกนั้นเป็นฝรั่ง แล้วพี่ได้เดิน พี่ก็แบบ…โอ้โหปลื้ม”

ผันชีวิตบน Catwalk สู่สาวก่อสร้าง

“เป็นช่วงที่แบบพี่อายุมาก เหมือนมันก็มีรุ่นน้องขึ้นมาแทนเยอะไปหมด พี่ก็คงตามรุ่นน้องต่อๆ ไปยาก พี่ก็เลยคิดว่าเราทำงานออฟฟิศดีกว่า หลังจากนั้นก็ทำงานได้ประมาณแค่เดือนเดียว แล้วก็มีปัญหากับเจ้านายเพราะว่าเป็นนางแบบมันก็อีโก้สูง เอาแต่ใจตัวเอง พอมาทำงานอยู่กับออฟฟิศเราจะรู้สึกว่ามันไม่ใช่ way เรา เราก็เลยคิดว่าออกจากงานดีกว่า พี่ก็มาขายพวกงานไม้ค่ะ งานกล่องไม้ งานป้ายไม้เล็กๆ ก็เอามาทำ เสร็จแล้วกล่องเล็กๆ มันก็ขายไม่ค่อยได้ราคา เราก็เลยคิดว่าเราอยากได้โต๊ะ อยากทำเป็นโต๊ะดีกว่า แล้วก็มีอยู่บ้านนึงพี่เขาทำขาย เราก็ไปขอซื้อเขา เขาก็แอบไม่ยอมขายไรงี้ เราก็เลยบอกเอาอย่างงี้ก็ได้  ไม่ขายก็ได้ สอนได้ไหมอยากทำ เขาก็ไม่ยอมสอน ก็ไปตื๊ออยู่ประมาณเดือนสองเดือน ไปทุกวัน จนแบบเขาก็ออกมาเจอ เขาก็บอกว่าเขาจะสอนให้ก็ได้ แต่เขาบอกงานมันยาก เพราะว่ามันต้องใช้เลื่อยวงเดือน มันต้องใช้แม็กยิง คือผู้หญิงทำไม่ได้หรอก เขาก็สอนแล้วก็ทำได้ พอทำได้เสร็จเอามาทำเองแล้วก็เอามาขายที่ร้าน ก็คือทำโต๊ะญี่ปุ่นเล็กๆ งานพี่มันจะเป็นงาน paint มันไม่ค่อยมีคนทำ หลังจากนั้นก็มีคนจ้างทำ เอาไปทำร้านอาหาร หลังจากขายได้แบบ 10 ชุด 20 ชุด มันก็เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนเปิดโรงงาน แล้วก็เปิดร้านขายค่ะ”

“ช่างเชื่อม” ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ได้ง่าย

“เราก็ให้ลูกน้องมาช่วยทำ ก็จ้างเขามาทำ แต่ว่าดีเทลของงานออกแบบมันไม่ใช่งานที่ตัดๆ ตามจอยต์  คือมันอยู่ในหัวสมองเรา แต่เราบอกเขาไม่ได้อะ แล้วช่างสมัยเก่าเขาไม่ฟัง เขาคิดว่าอันนี้มันต้องเป็นแบบนี้นะ เราก็เลยต้องทำเอง คือไม่ตัดใช่ไหม ตัดเองก็ได้ ตัดเลยและก็ทำเลย ไม่เชื่อมใช่ไหม เชื่อมเองก็ได้ แล้วก็มันมีลูกน้องบางคนที่แบบ เออ สอนพี่เชื่อมหน่อยดิ มันก็บอกทำยากๆ ไรงี้ แต่เราก็แค่มาคิดว่า อ่าว เขายังทำได้เลยอะ เขาก็ไม่ได้เห็นใช้อะไรเลย มันก็แค่ใช้มือก็ทำได้แล้ว เราก็เลยลองทำดู เราก็ทำได้ แต่อาจจะไม่ได้ดีเท่ากับช่างอะไรงี้ แต่ว่าพี่ก็คือทำเองมาตลอด แต่ปกติเราก็ใช้ช่างอยู่แล้ว นอกจากว่าเราไปแตะให้เขาดู ว่าเออเชื่อมตรงนี้นะ เดี๋ยวก็ให้ลูกน้องมาเชื่อมแข็งอะไรแบบนี้อะค่ะ”

“คือจริงๆ เราอยู่ในวงการบันเทิงเนาะ เราก็มีคนคอยอุ้มชู้ รองเท้าเราก็ไม่ต้องใส่เอง จะไปไหนก็มีแต่คนแบบ คนเป็นการ์ดให้ มีคนคอยป้องกันเรา เดินไปซ้ายไปขวาเหมือนเราเป็นนางฟ้าเลย แต่ว่าพอมาอยู่ในวงการก่อสร้างมันก็ผิดกันเป็นหน้ามือเป็นหลังมือ แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่มีใครไม่ให้เกียรตินะคะ เขาให้เกียรติในฐานะที่เราเป็นเจ้าของงาน แต่ว่า คำว่ากรรมกรเนาะ มันคือพี่นั้นล่ะ เพราะว่าเราไม่สามารถที่จะหลบแดดได้ ไม่ใช่ว่าลูกน้องอยู่กลางแดด แล้วเราอยู่ในร่ม คือพี่เป็นคนที่ดูทุก way ในการทำงาน ถ้าลูกน้องอยู่กลางแดด เราก็จะอยู่กลางแดด”

อดีต คือ สิ่งที่ต้องทิ้งไว้

“เอาจริงๆ ก็คงเสียดายนะเพราะว่า อาชีพนั้นมันเงินเยอะ รายได้ค่อนข้างสูง แต่ว่าเราก็ต้องรู้ตัวเราเอง เพราะว่าอายุมากขึ้นเรื่อยๆ เด็กรุ่นใหม่มันก็แทนขึ้นมาเรื่อยๆ มันไม่ใช่อาชีพที่จะอยู่ได้ยาวนานคงทน มันเป็นอาชีพที่สุดท้ายแล้วมันก็ต้องดับสูญ พอสรีระเราไม่ได้ หุ่นเราไม่ได้ ทุกอย่าง ความเป็นนางแบบ มันพึ่งร่างกายสรีระอะไรอย่างงี้ ร่างกายเราตอนนี้มันไม่สามารถแล้ว ก็ต้องยอมรับ เราก็ต้องไปหางานอื่นที่มันเหมาะสม แต่ทีนี้งานอะไรที่มันเหมาะสมแค่นั้นเอง มันเป็นชะตาของชีวิตมากกว่า เพราะว่าพี่ก็ไม่ได้คิดว่าจะมา way นี้นะ ก็อาจจะอยากเปิดร้านสวยๆ ทำเล็บขายเสื้อผ้าอะไรอย่างงี้ แต่ว่ามันมาอย่างนี้ แสดงว่าดวงเรามันทางด้านนี้”