ต่อ สิทธิชัย ผู้ก่อตั้ง Channel เด็กเซราะกราว ซึ่งเติบโตและเป็นที่รู้จักผ่านสื่อโซเชียลมากขึ้นเรื่อยๆ จุดเริ่มต้นมาจากการที่ต่อเป็นคนชอบถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอมาตั้งแต่เด็ก บวกกับให้ความสนใจกับด้านของมือถือ แล้วก็แอพตัดต่อ หรือว่าการถ่ายวิดีโออยู่แล้ว เลยค่อนข้างสนุกกับมัน ลองทำไปเรื่อยๆ ตัดๆ ลองตัดดู มันก็เลยออกมาได้
มือถือเครื่องเดียว ก้าวแรกของ “เด็กเซราะกราว”
“เบื้องต้นพื้นฐานเราเป็นคนชอบถ่ายวิดีโอ ตัดต่อวิดีโอ เล่นอะไรตั้งแต่เด็กๆ อยู่แล้ว ตั้งแต่มือถือเครื่องแรกๆ ที่เราได้มาประมาณช่วง ป.6 เราก็ชอบเอามันมาอัดเล่นกับน้องแถวบ้านอะไรอย่างงี้ จนเราอยู่ประมาณ ม.6 อ่ะครับ ช่วงนั้นเราก็มีโทรศัพท์อีกเครื่องนึงที่คุณภาพการตัดต่อวิดีโอก็ดีขึ้นละ แล้วก็อีกอย่างก็คือ มีน้องคนนึงซึ่งเป็นหลานข้างบ้าน ก็คือน้องมอมแมมที่ปัจจุบัน Cover เป็นพี่ลิซ่า น้องเขาเป็นคนที่มีอินเนอร์ มีจริตการแสดงออกที่โดดเด่นกว่าเด็กคนอื่น ที่ขึ้นกล้องกว่าเด็กคนอื่น เราก็อยากอัดลงเล่นให้เพื่อนใน Facebook ของเราเนี่ย แค่เพื่อนใน Facebook เลย ไม่ได้คิดไปไกลกว่านั้น ให้คนรอบๆ ตัวเราเห็น”
“แต่ปรากฎว่าพอเราอัดลงไป ตอนนั้นเป็นเพลงตัดพ้อที่มันเวอร์ชั่น Cover อีกรอบนึงแล้วเราไปเอาของเขามาทำ ก็คืออัดน้องลงไป แล้วก็มีน้องอีกคนนึงเป็นน้องสาวแท้ๆ ของเราบีตบ็อกซ์อยู่ด้านหลังแล้วเราก็อัดลงไป ปรากฎว่ามันดันมีเพจใหญ่ที่ตอนนั้นน่าจะเป็น Youlike คลิปเด็ด ที่เป็นเพจที่ดังมากๆ ในช่วงประมาณ 5 – 6 ปีที่แล้วอะครับ เขาเอาคลิปเราไปลง เราก็แบบ ช่วงนั้นก็ไม่ได้คิดหวงเรื่องลิขสิทธิ์ คิดแค่แบบ เออ…ดังก็ดี อะไรอย่างงี้ เพจดังเอาไปลงก็รู้สึกแฮปปี้”
“เราก็สร้างเพจขึ้นมาแล้วกัน ตอนนั้นก็สร้างแบบเร็วๆ ไม่ได้คิดอะไรมาก สร้างปุ๊บตั้งชื่อเลยว่า ‘เด็กเซราะกราว’ ก็คือ น้องเป็นเด็กตัวเล็กๆ ก็คือ เซราะกราวเป็นภาษาของคนที่แถวๆ บ้านเราพูดกัน ก็คือ ภาษากัมพูชา เราก็เลยคิดว่าเอาคำนี้แล้วกัน เพราะว่ามันเป็นภาษาพื้นบ้านของเราที่คนแถวๆ บ้านใช้กัน เซราะกราว แปลว่า บ้านนอก รวมกันเป็นเด็กบ้านนอกครับผม”
สร้างความปัง Cover BLACKPINK ล้านวิวใน 1 คืน!
“ด้วยความที่เราเป็นคนติดตามเกาหลี เป็นติ่งเกาหลีอยู่แล้ว BLACKPINK ออกมาเดบิวต์ปีนั้นพอดี แล้วเราก็อยากลองทำเพลงเกาหลีบ้าง บวกกับคนก็คงอยากเห็นผลงานใหม่ๆ ของเรา เราก็เลยเอาความชอบของเราที่ชอบติ่งเกาหลี เลยลองทำเพลง Playing With Fire เป็นเพลงของ BLACKPINK ที่ปล่อยมาใหม่ๆ เลยในตอนนั้นก็เลยลองทำดู แล้วก็ดึงน้องข้างบ้านอีกคนนึงมา เลยดึงน้องขึ้นมาให้มันครบ 4 คน แล้วก็ลองทำดู เพราะว่าเราก็ชอบอยู่แล้ว อินอยู่แล้ว กลายเป็นว่ามันดัง ดังตั้งแต่คลิปแรกคลิปนั้นเลย ก็คือยอดวิวคืนเดียว 1 ล้านวิวเลย”
ฝึกลองผิด ลองถูกด้วย “ตัวเอง”
“คือตอนเริ่มต้นตัดในมือถือก่อนครับ ใช้แอพ iMovie ใน iPhone นั่นแหละครับตัด ตัดเล่นๆ คือฟังก์ชั่นมันใช้งานง่ายอยู่แล้ว บวกกับแบบว่าเรารู้สึกว่าเรามีเซ้นส์ด้านการตัดต่อ แล้วก็ชอบฟังเพลง เราจะรู้จังหวะว่ามันควรลงยังไง แล้วก็เป็นคนที่ให้ความสนใจกับด้านของมือถือ แล้วก็แอพตัดต่อ หรือว่าการถ่ายวิดีโออยู่แล้ว เราเลยแบบว่าค่อนข้างสนุกกับมัน แล้วก็แบบหาๆ ทำไปเรื่อยๆ ตัดๆ ลองตัดดู มันก็เลยออกมาได้ จนสุดท้ายเหมือนพอเรามาเริ่มใช้โน้ตบุ๊คตัด ประมาณจะขึ้นปีหนึ่งอ่ะครับ เราก็เริ่มมาดูใน Youtube แล้วก็ลองใช้เอง ส่วนใหญ่ลองทำมั่วๆ เองไปก่อนครับ ตรงไหนไม่เข้าใจเราก็เปิด Youtube ดูว่ามันใช้ยังไง เน้นการเรียนรู้จาก Youtube แล้วก็ด้วยตัวเอง”
“ความยากในช่วงแรกๆ ผมมองว่า มันเป็นเรื่องของอายุของน้องๆ ด้วย เพราะว่าน้องเด็กมาก คือแน่นอนเราคุยกับเด็ก มันค่อนข้างพูดยาก ถ้าทำให้เขาเข้าใจในเรื่องของการแสดง การอยู่กับกล้องอะไรอย่างงี้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผมให้น้องถ่ายช่วงประมาณ 3 – 4 ปีก่อน เราถ่ายไปได้แป๊บนึง ถ่ายยังไม่จบท่อนร้อง น้องหันมามองหน้าผมอีกแล้ว แบบเราต้องคอยบอกว่า ‘มองกล้องตลอดนะ เดี๋ยวพี่บอกว่า คัท เดี๋ยวพี่บอกว่าพอ คอยหันมามองพี่’ น้องเล่นไปได้แป๊บนึงปึ๊บ เหมือนน้องจะลืมท่อน น้องก็แบบร้อง….น้องก็มองผม เหมือนมองแบบเราลืมท่อนอะไรอย่างงี้ นึกไม่ออกอะไรอย่างงี้ แต่ว่าพอปัจจุบัน คือ มันทำให้เขาเข้าใจมากขึ้น มันยิ่งโต อย่างปัจจุบันการแสดง คือ เราแทบจะไม่ต้องบอกแล้ว น้องเข้าใจในอินเนอร์ของพี่เจนนี่แล้ว พี่เจนนี่จะเป็นลุค จะคีพคาแรคเตอร์แบบนี้”
เด็กไทย มีความเก่ง แค่ต้องการ….คนผลักดัน
“คือถ้าเป็นเมื่อก่อน เมื่อก่อนเราไม่ได้คิดอะไรเลย เราแค่คิดว่าสนุกๆ ให้มันตอบสนองความต้องการของตัวเองเท่านั้นเอง แต่ว่าหลังๆ มาเราเปลี่ยนความคิดมากกว่าเดิม เพราะว่าเราอยากจะนำเสนอให้เห็นถึง เป็นเหมือนตัวแทนของเด็กต่างจังหวัดอย่างงี้ครับผม เพราะเรารู้สึกว่า สังคมเด็กในเมืองกับเด็กบ้านนอกมันต่างกัน การหล่อหลอมหลายๆ อย่างมันต่างกันมาก ไม่ใช่ว่าพ่อแม่เลี้ยงไม่ดี แต่เราต้องยอมรับว่ามันต่างกันจริงๆ อ่ะ”
“มันยากที่จะแบบว่าเห็นเด็กต่างจังหวัดที่โชว์ความสามารถด้านของการอะไรแบบนี้ การแสดงออกที่มันแปลกแหวกแนว ที่มันดูสร้างสรรค์อะไรแบบนี้ แต่ว่าเมื่อมีสื่อเราก็เลยอยากจะโชว์จุดนี้ออกมา เหมือนเป็นเสียงที่เรารู้สึกว่าเรามีพื้นที่แล้ว เราก็ใช้เสียงตรงนี้โชว์ไปเลย ว่าแบบเด็กต่างจังหวัดเขาไม่ได้แบบไม่มีความสามารถนะ เพียงแต่ว่าเขาขาดการผลักดัน ขาดการสนับสนุน ผู้ใหญ่หรือคนที่รู้ในช่องทางสื่ออะไรอย่างงี้ดันเขา ในเมื่อเรารู้ เรามีช่องทาง เราก็อยากจะใช้ตรงนี้โชว์ออกมาให้เห็นว่าเด็กต่างจังหวัดทำได้นะ”
“เราก็พยายามหยิบเด็กคนอื่นๆ มาแสดงด้วยในคลิปหลังๆ อย่าง Squid Game อะไรอย่างงี้ เราก็หยิบคุณพ่อ คุณยายมาเล่นหมดเลย แล้วก็รวมถึงน้องๆ หลานๆ ของครอบครัว แล้วก็เด็กไกลๆ บ้านที่รู้จักกันเราก็หยิบมาเล่นหมด แล้วก็เด็กผ่านไปผ่านมาแถวบ้าน คลิปก่อนๆ Kill This Love เราก็จับมาเป็น Back up จับมาใช้หมด เราไม่ได้ว่าใช้แค่เด็กของเรา เราใช้น้องๆ ทุกคนที่กล้าแสดง หรือว่าเรามองเห็นแล้วว่ามีของอ่ะ แล้วก็ไม่ใช่มองว่าเป็นแค่เรื่องของเด็กต่างจังหวัด แต่เราอยากจะให้เห็นว่าแบบ เด็กไทยมันไปได้ไกลกว่าที่ทุกคนมองนะ”
“เรามองว่าถ้าผู้ใหญ่ หรือทางภาครัฐอะไรก็แล้วแต่หันมาให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ เราว่ามันเป็นเรื่องที่ไม่ยากเพราะว่ามีเด็กไทยอีกเยอะที่เก่งแล้วก็พร้อมที่จะไปทางด้านนี้ คือปัจจุบันพื้นที่สื่อทำให้เห็นมากขึ้นว่าเด็กไทยเก่งมากๆ แต่สุดท้ายมันก็ยังขาดในด้านของการสนับสนุนของผู้ใหญ่หรือภาครัฐอยู่ดี เราก็เลยคิดว่าในเมื่อเรามีเสียงตรงนี้ เราก็ใช้เพจของเรานี่แหละได้ชูในจุดของการให้เห็นเด็กต่างจังหวัด เด็กไทยอะไรต่างๆ อยากให้คนเห็นว่า อยากให้เขาให้ความสำคัญด้านนี้กับเด็กสักที”
อดีต และ ปัจจุบัน ของ เด็กเซราะกราว
“ถ้าถามว่าเมื่อก่อนกับปัจจุบันเด็กเซราะกราวพัฒนาไปยังไงนะครับ ผมมองว่ามันก็พัฒนาไปในด้านของการแสดงที่ดีขึ้น อินเนอร์อย่างงี้ที่น้องเข้าใจมากขึ้นเมื่อก่อนก็คือสายตาลอกแลก หรือว่ามีความแสดงที่ดูแข็ง หรือว่าดูไม่ค่อยลื่นไหลอย่างงี้ ปัจจุบันแน่นอนน้องโตขึ้น น้องเข้าใจมากขึ้น แล้วก็เติบโตในเรื่องของผลงานด้านตัดต่อ กราฟิกนะครับผม อย่างเช่น ผลงานล่าสุด Savage ก็คือแบบการแยกร่าง คือที่ใช้ฟีลแบบ กราฟิก CG อะไรที่มากขึ้น”
วาดฝัน ของ ต่อ สิทธิชัย
“คือถ้าเป็นไปได้ในอนาคต ผมอยากจะมี Production house เป็นของตัวเอง เป็นบริษัทเพลงอะไรอย่างงี้ เราอยากให้น้องเป็นศิลปินมีเพลงของตัวเองเลยด้วยซ้ำ แต่ว่าเรายังไม่พร้อมในจุดนั้น ก็คือเรายังต้องการคนที่เขาเก่งด้านนี้มาช่วยซัพพอร์ต ถ้าในอนาคตเรามีฐานของงบประมาณมากๆ เราก็อยากจะจ้างคนที่เขาทำเพลงให้เราเลย ในอนาคตเราก็มองหาว่าเราอยากได้คนเพิ่มเหมือนกัน ทั้งนักแสดง เพิ่มทีมเด็กผู้ชายเข้ามา เป็นโคฟวง BTS EXO อะไรอย่างงี้ อยากจะผลักๆ ไปให้มันเป็นองค์กรที่เป็นเหมือน ชูความสามารถของเด็ก ของพวกเราให้ได้มากที่สุดว่าเรามาจากจุดไหน แบบว่าเรามาได้ถึงขนาดนี้อะไรอย่างงี้ และอีกอย่างก็คือเราอยากให้คนเห็นให้ได้ว่า เราเป็นผลงานที่มีคุณภาพแล้วก็เป็นเหมือนแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นด้วยประมาณนี้ครับผม”