อิน ณรงค์ฤทธิ์ (กำลังอิน) จากเชฟชุมชนสู่ Tiktoker ชื่อดัง จุดเริ่มต้นคือการทำคลิปอาหารลงกลายเป็นว่าฟีดแบคดีก็เลยลงคลิปเรื่อยๆ ใส่ความเป็นตัวเองเข้าไปนั่นก็คือพูดภาษาใต้ คุณอินเล่าว่าจริงๆ แล้วพอเราเริ่มมีคนติดตามสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะทำมากที่สุด คือการทำให้ทุกคนเข้าถึงอาหารชุมชน เข้าถึงอาหารที่เขาอาจจะไม่ได้เห็น ไม่ได้ลอง ไม่ได้ชิม
ความฝัน กับ การเป็นเชฟ
“ประมาณตอน ม.2 คุณครูก็บอกว่าน้องอินต้องมีความฝันได้แล้วนะว่าโตขึ้นอยากจะเป็นอะไร เรารู้สึกว่างั้นเราต้องมีความฝันก็พยายามไปเสิร์ชหาสุดท้ายไปจบที่ทำไมอาหารมันรู้สึกน่าสนใจจังนะ ตอนนั้นรู้สึกอย่างนั้นเพราะเราอยู่กับแม่มาตั้งแต่เด็กซึ่งแม่อินเป็นแม่ครัว เป็นแม่ค้าขายก๋วยเตี๋ยว ขายอาหารตามสั่ง ซึ่งเราก็ชอบอยู่กับแม่พอเรามาดูคลิปทำอาหารเรารู้สึกว่าเราชอบมากๆ เลย ก็มาจบที่ว่าฉันจะเป็นเชฟนะ ความฝันตอนนั้นก็รู้สึกว่าเราอยากไปเป็นเชฟบนเรือสำราญหรือว่าไปเป็นเชฟบนโรงแรมอันนั้นคือความฝันแรก ตอนแรกของเราที่เราจะมาสายอาหาร”
กระโดดข้ามมาเป็น “เชฟชุมชน”
“จนก่อนจะเรียนจบก็มาเจอกับรุ่นพี่ที่รู้จัก เขาก็มาทาบทามว่า มาช่วยทำงานไหม? ซึ่งเราก็ถามว่าเขาทำอะไรเขาก็บอกว่า เขาเป็นกิจการเพื่อสังคม ทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน ซึ่ง ณ ตอนนั้นต้องบอกก่อนว่าด้วยความที่เราเป็นคนที่เรียนสายอาหารมาโดยตรง เราจะไม่มีความรู้เรื่องนี้เลยว่าไอ้กิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise มันคืออะไร เราไม่รู้เรื่องเลย เขาก็บอกว่า อ๋อ จริงๆ แล้วพอเขาทำการท่องเที่ยวโดยชุมชน อาหารคือสิ่งหนึ่งที่มันอยู่ในเส้นทางของการท่องเที่ยว หลักๆ เราก็ไปช่วยกันทำให้อาหารชุมชนมันดูมีมูลค่า ยกระดับเขา เพิ่มมูลค่าขึ้นได้ เราบอกน่าสนใจนะเพราะจริงๆ เราเป็นคนที่ชอบการสไตลิสต์ หรือออกแบบอาหารมากๆ ก็เลยตัดสินใจมาร่วมทีมด้วยครับ”
เชฟชุมชน กับ การพัฒนาอาหาร
“ทุกๆ ครั้งการทำงานกับชุมชนอินจะแยกออกเป็น 2 แบบครับ แบบแรกเราเข้าไปชุมชนเพื่อเอาอาหารชุมชนมาแต่งหน้าทาปากใหม่โดยที่เราไม่เปลี่ยนรสชาติชุมชนเลย คำว่าแต่งหน้าทาปากใหม่ ก็ง่ายๆ ครับ เอาอาหารชุมชนมาทำให้สวยขึ้น อันที่สอง คือการเอาอาหารชุมชนมาทำเป็น Inspired by ชุมชน คือเอาอาหาร เรื่องเล่าต่างๆ ภายในชุมชนมาคิดอาหารใหม่ มาออกแบบใหม่ นี่คือสองหลักการในการพัฒนาชุมชนครับ ประมาณนี้”
เสน่ห์ “ชุมชน” ที่น่าหลงใหล
“อย่างที่บอกว่ามันเคยเป็นความฝันว่าเราอยากทำงานกับชุมชนมาตั้งแต่เด็ก เราเคยทำแล้วเราแฮปปี้เพราะทุกครั้งที่ลงชุมชนเราเปรียบเสมือนว่า เราได้ครูใหม่อะครับ ชุมชนก็เป็นเหมือนครู ชุมชนก็แบ่งปันความรู้ให้อิน อินก็แบ่งปันความรู้ให้กัน อินบอกกับตัวเองเสมอว่าเราไม่ได้ลงเพื่อไปสอนเขา แต่เราลงไปร่วมด้วยช่วยกันอันนี้คือสิ่งที่เราโฟกัส ทุกชุมชนเขามีเสน่ห์มากแล้วก็หลายๆ ครั้งที่เราลงไปเรารู้สึกว่ามันมีเรื่องเซอร์ไพรส์อยู่ตลอดว่า แต่ละชุมชนจะมีวัตถุดิบที่บางอย่างมันเหมือนกันแต่รสชาติไม่เหมือนกัน บางอย่างไปฤดูนี้ได้กินอันนี้ ซึ่งเราว่าอันนี้มันเป็นความสนุกแล้วก็เป็นเสน่ห์ของชุมชนที่เรารู้สึกว่า แท้จริงแล้วในมุมของคนที่ทำงานชุมชนยังไม่มีใครนำเสนอในพาร์ทนี้ออกมาผ่านโซเชียลให้คนอื่นได้เห็นบ้าง”
โควิดเปลี่ยนชีวิต สู่ Tiktoker
“เพราะโควิดเลยครับ พอโควิดมันเกิดขึ้นกลายเป็นว่าทุกอย่างมันหยุด ชุมชนห้ามลงพื้นที่ ห้ามลงชุมชน ลงไปพัฒนาไม่ได้ อ่าว แล้วทำยังไงดี ปีที่แล้วคือ Tiktok มันบูมมากๆ เราก็โอเค งั้นเราก็อัดคลิปอาหารลงแล้วกัน ก็ลองทำคลิปอาหารลงครับแล้วกลายเป็นว่าฟีดแบคมันดี พอฟีดแบคมันดีแล้วเราลงทำเรื่อยๆ กลายเป็นว่าเรายังชอบอะ มันไม่เหมือนตอนเต้นที่เราทำแป๊บเดียวแล้วเรารู้สึกเบื่อแล้ว แต่อาหารเรายังชอบนะเรารู้สึกว่า เออว่ะ จริงๆ แล้วเราทำไมถึงไม่เอาความเป็นชุมชน ความเป็นคนที่เรารักในการทำอาหารมานำเสนอผ่านช่องทางอย่างงี้นะ งั้นเราจะนำเสนอความเป็นเรา คือเราเป็นคนใต้ คลิปแรกๆ เขินมากตอนพูด กลายเป็นว่าฟีดแบคมันดีมากๆ ยอดวิวเป็นล้านเลย เห้ย งั้นแสดงว่าเรามาถูกทางแล้ว หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ ปรับเรื่อยๆ จนวันนึงเราสามารถสร้างเงินได้จากการที่เราทำช่องตรงนี้ ก็เลยเริ่มกลายมาเป็น จะเริ่มเรียกตัวเองอีกอย่างว่า Tiktoker อะไรอย่างงี้”
เปลี่ยนออฟฟิศจากครัวชุมชน สู่ ครัวกำลังอิน
“จริงๆ แล้วพอเราเริ่มมีคนติดตามสิ่งหนึ่งที่เราอยากจะทำมากที่สุด คือการทำให้ทุกคนเข้าถึงอาหารชุมชน เข้าถึงอาหารที่เขาอาจจะมีโอกาสไม่ได้เห็น ไม่ได้ลอง ไม่ได้ชิม เราอยากเป็นสื่อกลางคนนึงที่ทำให้คนเหล่านี้ได้เห็น ได้รู้ว่า จริงๆ หนึ่งคือมันมีอาชีพนี้นะ สองคืออาหารนี้มันมีในภาคนี้ ในจังหวัดนี้ อยากให้คุณมาลอง อันที่คือสิ่งที่เราต้องการมากๆ อะไรอย่างงี้”
