จบลงไปแล้วกับกีฬาระดับโลกอย่าง โตเกียวโอลิมปิด 2020 ซึ่งแม้ว่า จะจัดขึ้นท่ามกลางการระบาดของโควิด-19 ในหลายประเทศทั่วโลก แต่ควันหลงจากการแข่งขันในครั้งนี้ ยังคงไม่จางหายไป
เมื่อนักวิ่งชื่อดังอย่าง Allyson Felix ได้เหรียญทองในผลัด 4×400 ม. หญิง และเหรียญทองแดง 400 ม.หญิง แม้เรื่องราวจะดูธรรมดา แต่หากบอกว่า เธอคือ ผู้ที่ถูกแบรนด์รองเท้าอย่าง Nike ไม่ต่อสัญญา หลังจากที่เธอตั้งครรภ์ และในวันนี้ ที่เธอคือผู้ปฏิเสธ ไม่ต่อสัญญากับ Nike และสร้างแบรนด์รองเท้าของเธอเอง ซึ่งในขณะนี้ แรงกระเพื่อมที่เกิดขึ้นหลังจากเธอได้รับเหรียญทองในโอลิมปิก ที่โตเกียวในครั้งนี้ กำลังสั่นสะเทือนวงการ และไม่ต้องแปลกใจที่เมื่อปี 2020 นิตยสาร Time ยกให้เธอเป็นหนึ่งใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในปี 2020
ที่มาที่ไป
เฟลิกซ์ เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2528 ที่แคลิฟอร์เนีย, สหรัฐอเมริกา โดยมีพี่ชาย เวส เฟลิกซ์ เป็นนักวิ่งระยะสั้น และเธอเองก็ค้นพบพรสวรรค์ของเธอในช่วงที่เรียนอยู่ เกรด 9 หลังจากการออกวิ่งครั้งแรกเพียง 10 สัปดาห์ เท่านั้น เฟลิกซ์ จบการแข่งขัน 200 เมตร หญิง ด้วยอันดับที่ 7 ในการแข่งขัน ซึ่งจากการแข่งขันครั้งนั้น เหมือนกับการปลดล็อกความสามารถของเธอ เฟลิกซ์ สามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันนี้ถึง 5 สมัย
ในปี 2001 ในรายการ Debrecan World Youth Championships ได้รับโอกาสเป็นตัวแทนทีมชาติ ลงสนามในระดับนานาชาติครั้งแรก ในการแข่งขับวิ่ง 100 ม. หญิง และแน่นอนว่า เธอคว้าเหรียญทอง 100 ม. หญิงมาครอง ด้วยเวลา 11.57 วินาที
หลังจากนั้น เฟลิกซ์ ก็ได้ลงแข่งขันในรายการต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง และเธอก็คว้าเหรียญรางวัลมาคล้องคอได้อย่างต่อเนื่องเช่นกัน
ช่วงชีวิตที่รุ่งโรจน์
ในช่วงปี 2005 เฟลิกซ์ คว้าเหรียญทองในการวิ่ง 200 ม. หญิงชิงแชมป์โลกที่เมืองเฮลซิงกิ ซึ่งครั้งนั้น ทำให้เธอเป็นนักวิ่งที่อายุน้อยที่สุดในโลก ที่ได้รับเหรียญนี้ ด้วยเวลา 21.81 วินาที จากผลงานที่เป็นที่น่าจับตามอง ทำให้ในปี 2008 เฟลิกซ์ได้ลงสนามโอลิมปิกครั้งแรก ในการแข่งขัน 200 เมตรหญิง ที่กรุงปักกิ่ง ถึงแม้ว่าจะจบลงด้วยเหรียญเงินก็ตาม
ซึ่งต่อมา เฟลิกซ์ก็ยังคงเดินหน้าคว้ารางวัลต่าง ๆ ได้อย่างต่อเนื่องในการแข่งขันวิ่งระยะ 200 และ 400 ม. แต่ในช่วงปี 2013 เฟลิกซ์พลาดในการแข่งขันชิงแชมป์โลก ที่กรุงมอสโก ด้วยอาการบาดเจ็บที่เอ็นร้อยหวาย และถูกหามออกจากสนามในระหว่างการแข่งขันอีกด้วย
จากการบาดเจ็บดังกล่าว ทำให้เธอต้องพักการวิ่งไปถึง 9 เดือน ก่อนที่จะกลับมาซ้อมและเริ่มลงแข่งขันได้อีกครั้ง ซึ่งสถานการณ์ก็กลับมาดีขึ้น เฟลิกซ์ยังคงลงสนามและคว้าเหรียญได้มาได้เป็นระยะ ๆ ในช่วงปี 2014 – 2015
แต่แล้วในช่วงปี 2016 เฟลิกซ์ ประสบอุบัติเหตุในการออกกำลังกายในยิมส่งผลให้ข้อเท้าขวาบิด และเส้นเอ็นฉีกขาด จนแทบจะเดินไม่ได้ จึงต้องถอนตัวจากการแข่งขัน ทำให้ต้องพัก และแม้ว่า ได้โอกาสกลับมาแข่งขันอีกครั้ง แต่ดูเหมือนว่า ความพร้อมจะยังคงไม่เต็มร้อย ทำให้กลับมาฝึกฝนต่อ และผลการฝึกซ้อมของเฟลิกซ์ ก็ได้ผล ในการแข่งขันโอลิมปิก 2016 ที่กรุงริโอ เดอจาเนโร เฟลิกซ์ สามารถคว้า 6 เหรียญทอง และ 3 เหรียญเงิน
ในปีถัดมา เฟลิกซ์ ยังสามารถคว้าได้อีก 3 เหรียญในการแข่งขันวิ่งชิงแชมป์โลก ที่กรุงลอนดอน
…
นักกีฬาเมื่อแต่งงาน มีลูก และอายุมากขึ้น ย่อมสร้างผลงานได้ยาก
…
ชีวิตที่ผกผัน
เฟลิกซ์ ได้ออกมาให้ข้อมูลว่า สัญญาของเธอ ที่ทำร่วมกับ Nike ตลอดระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมา ไม่ได้มีการต่อสัญญา เนื่องจากความเห็นไม่ตรงกัน โดยเฟลิกซ์ระบุว่า Nike ไม่สนับสนุนให้เธอมีลูกกับแฟนหนุ่ม ซึ่งเป็นนักวิ่งด้วยกัน และต้องการให้เธอกลับสู่ลู่วิ่งอีกครั้ง
ซึ่งเฟลิกซ์เอง ได้ลดตารางงานในช่วงปี 2018 และได้ระบุว่า ในปี 2018 นี้ จะมีความเปลี่ยนแปลง และเป้าหมายอีกครั้งของเธอคือ 2020 นั่นเอง
หลังจากที่ชีวิตขึ้นถึงจุดสูงสุดที่ผ่านมา เฟลิกซ์ ก็เผชิญปัญหาที่เกิดขึ้น หลังจากที่ Nike ถอนตัวออกไปแล้ว ในช่วงปี 2018 เฟลิกซ์ตั้งครรภ์ และในช่วงปลายปี เธอประสบปัญหาครรภ์เป็นพิษ ทำให้ต้องทำการผ่าคลอดก่อนกำหนดถึง 2 เดือน ซึ่งลูกสาวของเธอ ต้องเข้าหน่วยอภิบาลทารกแรกเกิดภาวะวิกฤต หรือ NICU อยู่ถึง29 วัน
ส่วนเฟลิกซ์ หลังจากที่ผ่าคลอดแล้ว เธอก็ไม่สามารถกลับมาซ้อมวิ่งได้อย่างที่ต้องการในช่วงเวลาหลายเดือน ซึ่งสถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ถือเป็นการวิกฤติที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกันในช่วงปี 2018 อย่างหนักหน่วง
กลับคืนสู่ลู่วิ่งอีกครั้ง
จนกระทั่งในกลางปี 2019 เฟลิกซ์ได้กลับคืนสู่ลู่วิ่งอีกครั้ง แม้ว่าจะยังทำผลงานได้ไม่ดีนัก โดยจบอันดับที่ 6 ในการวิ่ง 400 เมตรหญิง ในรายการ USA Track and Field Outdoor Championships
ซึ่งจากการกลับมาในครั้งนี้ แม้ว่าผลงานจะไม่เปรี้ยงปร้างเหมือนก่อนหน้า ก็ตามแต่ด้วยความมุ่งมั่น ของเธอ ทำให้แบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Athlita ของ Gap ให้ความสนใจและตกลงเซ็นต์สัญญากัน
และเมื่อทุกอย่างเริ่มเข้าที่ ในการแข่งขัน World Championships ปี 2019 ที่กรุงโดฮา ประเทศกาตาร์ เธอก็คว้าเหรียญทองติดมือกลับบ้านอีกครั้ง และในครั้งนี้ ในการแข่งขัน
โตเกียว โอลิมปิก 2020
หลังจากที่หลายสิ่งหลายอย่างเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง เฟลิกซ์ มุ่งหน้าซ้อมอย่างเต็มที่เพื่อลุยการแข่งขัน โตเกียวโอลิมปิก 2020 เฟลิกซ์ ประกาศว่า เธอจะลงสนามแข่งโดย “ไม่มีสปอนเซอร์” แม้จะมีข้อมูลไม่ยืนยันอ้างว่า Nike พยายามจะติดต่อ แต่เฟลิกซ์ปฏิเสธในการเจรจา
ซึ่งในช่วงเดือน มิ.ย. 63 ที่ผ่านมา เฟลิกซ์ก็ประกาศเปิดตัวรองเท้าในแบรนด์ของเธอเอง “Saysh” และเธอก็ใส่ลงวิ่งในการแข่งขันในครั้งนี้ด้วย
โดยเธอได้รับเหรีญทอง จากการวิ่งผลัด 4×400 ม. หญิง และเหรียญทองแดงจากการวิ่ง 400 ม. หญิง ซึ่งนั่นทำให้หลายคนต่างกลับมาพูดถึงเรื่องนี้อย่างมาก เพราะถือเป็นหนึ่งในการหักล้างความเชื่อในวงการอย่างมาก ในการกลับมาของนักวิ่งอย่าง เฟลิกซ์ ในฐานะคุณแม่ลูกหนึ่งในวัย 35 ปี
นอกจากนั้น ยังทำให้รองเท้าในแบรนด์ Saysh ของเธอกลายเป็นที่สนใจอย่างมาก ซึ่งแบรนด์รองเท้าของเธอได้รับเงินทุนสนับสนุนจากนักลงทุกกว่า 3 ล้านเหรียญ สำหรับเป็นทุนในการขยายกิจการของเธอในครั้งนี้
สู่ตำนานบทใหม่
ซึ่งจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นถือว่า เธอเป็นหนึ่งในผู้ที่กลับมายืนอยู่ในตำแหน่งนักวิ่งผู้ประสบความสำเร็จอีกครั้ง และสร้างแรงกระเพื่อมในวงการวิ่งได้อย่างมากมาย ทั้งการเปิดประเด็นในเรื่องของปัญหาที่นักกีฬาหญิงมักจะได้รับผลกระทบเมื่อต้องมีลูก และยิ่งอายุสูงขึ้นก็จะมองว่า ความสามารถในการแข่งขันลดลง
ท่ามกลางวิกฤติที่เกิดขึ้นในความเป็นแม่ และนักกีฬา เฟลิกซ์ ได้พิสูจน์แล้วว่า พลังของการวิ่งของเธอ ไม่หยุดนิ่ง และสามารถคว้าเหรียญทองในการแข่งขันโตเกียว โอลิมปิกมาได้ ทำให้เธอกลายเป็นตำนานบทใหม่ของนักกรีฑาสหรัฐฯ ที่คว้าเหรียญโอลิมปิกมาครองได้มากที่สุด ถึง 11 เหรียญ แซงหน้า คาร์ล ลูอิส นักวิ่งทีมชายของสหรัฐฯ ที่เคยทำไว้ 10 เหรียญ ด้วยกัน