ประเด็นน่าสนใจ
- การระบาดของโควิด-19 ในอินเดียยังคงพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง จำนวนยอดผู้ป่วยรายใหม่ยังคงทำสถิติสูงที่สุดเกือบทุกวัน
- เมื่อ 2 เดือนก่อน อินเดียมีผู้ป่วยรายใหม่เฉลี่ยราววันละ 1.1 หมื่นราย แต่ปัจจุบันมากกว่า 3.3 แสนรายต่อวัน
- หลายฝ่ายมองว่า รัฐบาลอินเดีย ไม่ใช้โอกาสของจำนวนผู้ป่วยที่ลดลงในการเตรียมพร้อมสำหรับคลื่นลูกใหม่
- การเดินนโยบาย รวมถึงการประชาสัมพันธ์ที่ผิดพลาดทำให้ประชาชนละเว้นมาตรการป้องกันโควิด-19 ที่จำเป็น
- มีการผ่อนคลายมากจนเกินไป ทำให้เกิดการรวมกลุ่มรวมตัวในกิจกรรมต่าง ๆ นำไปสู่การะระบาดที่เพิ่มมากขึ้น
- การแก้ไขหลังพบการระบาดในระลอกใหม่ ช้าเกินไป
- ชาวอินเดียจำนวนมาก มองว่า การระบาดครั้งนี้ ไม่ใช่คลื่นระลอกที่ 2 ของการระบาด แต่เป็น “สึนามิลูกแรก” ที่พัดถล่มระบบสาธารณสุขของอินเดีย
สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ในอินเดียกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และระบบสาธารณสุขของอินเดียกำลังอยู่ในจุดเสี่ยงอย่างมากในการที่ระบบจะล่มสลายลงในขณะนี้ ทั้งที่ในช่วงปลายปี 2563 สถานการณ์ของอินเดีย มีแนวโน้มที่ดี มีผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่อง และลดลงมาอยู่ในระดับวันละราว 1 หมื่นราย เท่านั้น แต่ในช่วงปลายต้นเดือนมี.ค. สถานการณ์กำลังเริ่มขยับเพิ่มสูงขึ้นอย่างชัดเจน และค่อยๆ เพิ่มจำนวนมากสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งพุ่งทะยานอย่างมากในช่วงปลายเดือน มี.ค. ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน ที่ล่าสุด พบผู้ป่วยเพิ่มอีกว่า 3.3 แสนราย ในรอบ 24 ชม.
ระยะเวลาเพียงแค่ 2 เดือน จากผู้ป่วยเฉลี่ย 1.1 หมื่นคนต่อวัน สู่ 3.3 แสนคนต่อวัน หรือเพิ่มขึ้น 30x เรามาย้อนดูกันว่า อินเดียมาถึงจุดนี้ได้อย่างไร
…
การระบาดระลอกแรก ( ม.ค. 63 – ม.ค. 64 / สะสม 10.7 ล้านราย)
อินเดีย รายงานการพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกของประเทศเมื่อวันที่ 30 ม.ค. 2563 หลังการพบผู้ป่วยนอกประเทศจีนรายแรกในไทยเกือบ 20 วัน จากนั้นอินเดียมีผู้ป่วยสะสม 1 พันรายแรกในช่วงปลายเดือน มี.ค. 2563 ก่อนที่จะเริ่มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
อินเดียพบผู้ป่วยรายใหม่เพิ่ม 1 หมื่นรายต่อวันเป็นครั้งแรกในเดือน มิ.ย. 2563 และเริ่มพุ่งในช่วงต้นเดือน ก.ค. 2563 จนกระทั่งต้องมีการประกาศล็อกดาวน์ – เคอร์ฟิวส์ ทั่วประเทศ พร้อมการรณรงค์ ให้มีการสวมหน้ากาก รักษาระยะห่าง ฯลฯ ทำให้สถานการณ์ค่อย ๆ ดีขึ้นเรื่อย ๆ ตั้งแต่เดือน ก.ย. 2563 และลดลงต่อเนื่อง ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนถึงช่วงปลายเดือน ม.ค. 2564 รวมระยะเวลา 7 เดือนเต็ม ๆ ที่อินเดียกลับมาสูงจุดที่มีการรายงานพบผู้ป่วยต่อวันราว 1 หมื่นคนต่อวันอีกครั้ง
รวมระลอกแรก ระยะเวลาราว 1 เศษ อินเดียมีผู้ป่วยสะสม 10.7 ล้านราย
ความกลัวที่ว่าอินเดียจะเกิดสึนามิโควิด-19 ถล่มนั้นไม่มีมูลความจริง ซึ่งไม่เพียงแค่นั้น อินเดีย ยังมีโครงสร้างพื้นฐานที่เพียงพอในการจัดการอีกด้วย
นายนเรนรา โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย กล่าวในงาน World Economic Forum เมื่อ 28 ม.ค. 2021
…
….
ระลอกที่ 2 ( 1 มี.ค. 64 – 23 เม.ย. 64 / สะสม 16.3 ล้านราย)
การระบาดในระลอกที่ 2 ของอินเดีย เริ่มมีแนวโน้มของผู้ป่วยเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นเดือน มี.ค.2564 และเพิ่มสูงขึ้นในช่วงปลายเดือน ก่อนพุ่งทะยานอย่างมากในช่วงต้นเดือนเม.ย. 2564 และจนถึงในขณะนี้ ยังไม่มีแนวโน้มว่า จะชะลอตัวลงแต่อย่างใด
ระลอกที่ 2 นี้ กินระยะเวลาไม่ถึง 2 เดือน อินเดียมีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นกว่า 5 ล้านราย เมื่อเทียบกับในระลอกแรกใช้เวลาเกือบ 9 เดือน กว่าผู้ป่วยจะเพิ่มขึ้น 5 ล้านราย
ซึ่งในช่วงปลายเดือน ม.ค. – ก.พ. 2564 สถานการณ์ของอินเดีย มีแนวโน้มที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นการที่ผู้ป่วยรายใหม่ลดลงอย่างต่อเนื่องเป็นเวลาหลายเดือนติดต่อกัน การมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้งานและเริ่มแคมเปญการฉีดวัคซีนแล้ว เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา?
…
มกราคม 2564 – แสงสว่างแห่งปีใหม่
เปิดปี 2564 ด้วยสถานการณ์ที่ดี จากจำนวนผู้ป่วยโควิด-19 ที่ลดลงต่อเนื่องนานกว่า 3 เดือน พร้อมทั้งการมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ออกมาใช้งาน โดยสถาบันเซรุ่มแห่งอินเดียได้ประกาศว่าจะส่งมอบวัคซีนป้องกันโควิด-19 จำนวน 100 ล้านโดสให้กับรัฐบาลอินเดีย พร้อมทั้งการผ่านการอนุมัติให้ฉีดวัคซีนให้กับประชาชนชาวอินเดียได้
หลังจากมีการทดสอบระบบการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนแล้ว นายนราเธน โมดี นายกรัฐมนตรีของอินเดีย ได้ประกาศกำหนดการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดในโลก ในวันที่ 20 ม.ค. 2564
แต่ช่วงกลางเดือน มีเหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่สร้างความกังวลมากเนื่องจากในวันที่ 14 ม.ค. เป็นวันแรกของพิธีอาบน้ำชำระล้างบาปมหากุมภะเมลา ที่มีผู้เข้าร่วมพิธีเป็นจำนวนมาก ที่เมืองหะริดวาร์ (Hridwar) ในรัฐอุตตรขัณฑ์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดผ่านไปได้ด้วยดี ทำให้ในช่วงปลายเดือน ม.ค. 64 อินเดียประกาศยกเลิกคำสั่งห้ามต่าง ๆ ก่อนหน้านี้ เช่น การห้ามใช้สระว่ายน้ำ การเปิดโรงภาพยนตร์-โรงละคร ให้สามารถเข้าใช้บริการได้มากกว่า 50% ของความจุ ให้มีการจัดแสดง-นิทรรศการต่าง ๆ ได้ตามปรกติ
นอกจากนี้ อินเดีย ยังแบ่งปันวัคซีนให้กับ 3 ประเทศ คือ เมียนมา, มอริเชียส และเซเชลส์ โดยเฉพาะเมียนมา ที่ได้รับวัคซีนจำนวน 1.5 ล้านโดสในล็อตนี้
…
กุมภาพันธ์ 2564 – ช่วงเวลาดี ๆ
ถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในรอบหลายเดือนที่ผ่านมาของอินเดีย เนื่องจากมีวัคซีนฉีดให้กับประชาชนมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่าจะคิดเป็นอัตราส่วนไม่กี่เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับจำนวนประชากรราว 1,400 ล้านคน ของอินเดีย
อัตราการติดเชื้อลดต่ำลงต่อเนื่อง และวันที่ 9 ก.พ. เป็นครั้งแรกที่อินเดียพบผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ ต่ำกว่า 1 หมื่นรายต่อวัน และค่าเฉลี่ยในการพบผู้ป่วยรายใหม่ของอินเดีย ในช่วงกลางเดือน ก.พ. อยู่ที่ราว 1.1 หมื่นรายต่อวันเท่านั้น
ซึ่งในช่วงต้นเดือน มีการประชุม ของกลุ่มชาวเกษตรกรเพื่อต่อต้านกฎหมายใหม่ด้านการเกษตร บริเวณรอยต่อของกรุงนิวเดลีกับรัฐหรยาณา และหลายฝ่ายต่างเป็นกังวลถึงการระบาดที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีก จากการชุมนุมและไม่ได้มีมาตรการป้องกันทีดีพอ
…
แต่ในช่วงปลายเดือน ก.พ. อัตราการพบผู้ป่วยเริ่มเพิ่มสูงขึ้นไปอยู่ที่เฉลี่ยราว 1.3 หมื่นรายต่อวันอีกครั้ง โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกของอินเดีย เช่นในรัฐมหาราษฏระ ที่พบผู้ป่วยราวครึ่งหนึ่งของจำนวนผู้ป่วยรายใหม่ต่อวันทั่วประเทศอินเดีย
ซึ่งมีหลายฝ่ายตั้งข้อสังเกตถึงความเหมาะสมของ รัฐมนตรีกระทรวงสาธารณสุขฯ ของอินเดียไปร่วมงานแห่งหนึ่งที่เป็นการอ้างว่า เป็นยาที่สามารถรักษาโควิด-19 ได้ ซึ่งมีการอ้างว่า ได้รับการรับรองจากองค์การอนามัยโลก แต่ในภายหลังองค์การอนามัยโลกปฏิเสธไม่ทราบเรื่อง
…
ซึ่งจากสถานการณ์หลาย ๆ อย่างในช่วงเดือน มกราคม – กุมภาพันธ์ ที่มีแนวโน้มดีขึ้น การพบผู้ป่วยยังคงลดลง แม้ผ่านเทศกาล-งานกิจกรรมใหญ่ ๆ มาได้ รวมถึงกระแสของการมีวัคซีน และยา เกิดขึ้น ทำให้ชาวอินเดียจำนวนไม่น้อย รู้สึกว่า
“อินเดียกำลังผ่านพ้นวิกฤติไปแล้ว”
มีการผ่อนคลายมาตรการต่าง ๆ มากขึ้น เช่นการเปิดอนุญาตให้มีการแข่งขันคริกเก็ต และเปิดให้มีผู้เข้าชมจำนวนมาก และไม่มีมาตรการป้องกันที่เข้มงวด ผู้คนละเลยในการป้องกัน เพราะคิดว่า โควิด-19 กำลังจบแล้ว
แต่ในความเป็นจริงแล้ว เจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุข หรือผู้ที่เกี่ยวข้องต่างกลับมองว่า นี่เป็นเพียงคลื่นใต้น้ำที่กำลังจะดันขึ้นโผล่พ้นน้ำเหมือนกับคลื่นสึนามิ ที่จะมองไม่เห็นจนกว่าคลื่นจะซัดฝั่งและสร้างความเสียหาย
นอกจากนี้ ยังคงมีการประกาศกำหนดการเลือกตั้งในช่วงเดือนมีนาคม โดยเป็นการเลือกตั้งใหญ่ทั้งประเทศ ทำให้การเคลื่อนไหวของการหาเสียงเริ่มเกิดขึ้นในช่วงปลายเดือน ก.พ. 2564 ซึ่งมีการเคลื่อนไหว – รวมตัวของคนมากขึ้น ท่ามกลางความหละหลวมที่พบมากขึ้น เช่นการไม่สวมหน้ากาก การละเลยการรักษาระยะห่าง
…
มีนาคม 2564 – คลื่นใต้น้ำกำลังก่อตัว
ในสัปดาห์แรกของเดือนมีนาคม สถานการณ์โควิด-19 ในอินเดียเริ่มกลับมาขยับตัวเพิ่มสูงขึ้นอีกครั้ง แต่ประชาชนชาวอินเดียไม่ได้ตระหนักในสิ่งที่เกิดขึ้น เมื่อ รมต. สาธารณสุขฯ ของอินเดียออกมากล่าวว่า
เรากำลังอยู่ในตอนจบของการระบาดของโควิด-19 ในอินเดีย
Dr Harsh Vardhan.
หลังจากคำพูดดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกมา ผู้เกี่ยวข้องกับงานด้านสาธารณสุขต่าง ๆ ก็ได้ออกมาสวนกระแสทันทีว่า เป็นความผิดพลาดในการประกาศชัยชนะในการระบาด ไม่ควรลดการ์ดตก เพราะการระบาดยังคงสามารถเกิดขึ้น
แต่การเมืองและการเลือกตั้งในอินเดีย ยังคงเกิดขึ้น ทำให้มีการรวมตัวกันอย่างมากในการหาเสียงต่าง ๆ หลายฝ่ายต่างเร่งหาเสียงผ่านการปราศรัย หลายครั้งที่ถ้อยคำปราศรัยกล่าวถึงชัยชนะของอินเดียต่อโควิด-19
หลายครั้งที่มีการกล่าวถึงความสามารถในการผลิต-ส่งออกเวชภัณฑ์ของอินเดีย ไม่ว่าจะเป็น อินเดียมีวัคซีนมากพอ และสามารถส่งออกไปช่วยเหลือประเทศอื่นได้, อินเดียคือแหล่งผลิตยาอันดับหนึ่งของโลก, อินเดียคือ World medical hub ฯลฯ พร้อมทั้งมีการจัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 ไปยังหลายประเทศ, มีการส่งออก “ออกซิเจน” ไปยังประเทศอื่นมีเพิ่มมากขึ้น
…
ทำให้ประชาชนชาวอินเดียไม่ได้รักษามาตรการการป้องกันโควิด-19 เหมือนเช่นเคย ประชาชนไม่สวมหน้ากากมากขึ้น กิจกรรมที่แออัด การรวมตัวต่าง ๆ กลับมาเป็นปรกติอีกครั้ง เพราะทุกคนเชื่อว่า โควิด-19 ผ่านไปแล้ว และอินเดียมียา-วัคซีน เพียงพอที่จะรักษา
ซึ่งภายใต้บรรยากาศที่ประชาชนจำนวนมากกำลังผ่อนคลาย แต่ยอดผู้ป่วยโควิด-19 ในรัฐมหาราษฏระ ปัญจาบ กรณาฏกะ คุชราต และมัธยประเทศ กำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนทำให้ต้องเริ่มมีการพิจารณามาตรการที่เข้มงวดอีกครั้ง
นอกจากนี้ ยังมีรายงานการพบการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิด-19 ที่มีชื่อว่า B.1.617 ซึ่งเป็นเชื้อกลายพันธุ์ Double Mutant ตัวแรกของอินเดีย และตัวแรกของโลกอีกด้วย ร่วมกับการระบาดของเชื้อสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่สามารถแพร่กระจายได้เร็วขึ้นกว่าเดิม
…
แต่งานเทศกาลต่าง ๆ กิจกรรมการรวมกลุ่มรวมตัวยังคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนในช่วงปลายเดือนมี.ค. รัฐบาลอินเดียเริ่มกลับมาเข้มข้นมาตรการป้องกันโควิด-19 อีกครั้ง โดยหลายรัฐได้มีคำสั่งห้ามการเฉลิมฉลองเทศกาลโฮลี (Holi) หรือเทศกาลสาดสี ซึ่งมีกำหนดจัดขึ้นในวันที่ 28-29 มี.ค.
มีการประกาศห้ามรวมกลุ่ม รวมตัว และจำกัดจำนวนผู้เข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ เช่นงานแต่งงานอีกครั้ง
…
แต่เหมือนมาตรการต่าง ๆ จะมาช้าไป เมื่อยอดผู้ป่วยในช่วงสัปดาห์สุดท้ายของเดือนมีนาคม เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ
…
เมษายน 2564 – เมื่อสึนามิแห่งโควิด-19 ซัดฝั่ง
สถานการณ์ในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 2564 ยอดผู้ป่วยโควิด-19 รายใหม่ในแต่ละวันเริ่มเพิ่มสูงขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรัฐมหาราษฏระทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ที่มีผู้ป่วยราวครึ่งหนึ่งของทั้งประเทศ และในช่วงวันที่ 4 เม.ย. อินเดียพบผู้ป่วยโควิด-19 เพิ่ม 1 แสนราย เป็นครั้งแรกในประเทศ สูงที่สุดนับตั้งแต่มีการระบาดของโควิด-19 ในอินเดีย
รัฐบาลอินเดียพยายามออกประกาศต่าง ๆ เพื่อควบคุมการระบาด แต่สิ่งที่เกิดขึ้นช้าเกินไป โดยเฉพาะในช่วงต้นเดือนที่มีการจัดงาน เทศกาลกุมภเมลา ท่ามกลางคำเตือนของนาย นเรนทรา โมดี นายกรัฐมนตรีอินเดีย แต่ดูเหมือนคำเตือนเหล่านั้นไม่ได้มาพร้อมกับมาตรการที่เข้มงวด ทำให้ยังคงมีผู้เข้าร่วมงานดังกล่าวเป็นจำนวนมาก และส่วนใหญ่ละเลยมาตรการป้องกันโควิด-19
ซึ่งรัฐบาลอินเดีย พยายามมุ่งเป้าในการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 อย่างมาก แต่ด้วยจำนวนประชากรที่มากกว่า 1,400 ล้านคน ทำให้แม้ว่าอินเดียจะสามารถฉีดวัคซีนได้วันละกว่า 3 ล้านโดส แต่ก็ไม่ทันกับการแพร่ระบาดของโควิด-19
ทำให้สถิติผู้ป่วยโควิด-19 ในอินเดีย “ทำสถิติสูงที่สุด” เกือบทุกวันต่อเนื่องตั้งแต่ต้นเดือน จนถึงปัจจุบัน ( 25 เม.ย.) ท่ามกลางสถานการณ์ที่ระบบสาธารณสุขใกล้ล่มสลาย แม้ว่ารัฐบาลอินเดีย พยายามเร่งในการสร้างโรงพยาบาลสนาม แต่จำนวนผู้ป่วยมากกว่า วันละ 1 แสน ไม่มีทางที่อินเดียจะสามารถสร้างได้ทันอย่างอย่างแน่นอน
…
ในอุโมงค์ที่มืดสนิทและยังไม่เห็นปลายทาง
สถานการณ์ของอินเดียในขณะนี้ ถึงจุดที่ไม่สามารถจะย้อนกลับได้อีกแล้ว และยังไม่สามารถเป็นจุดจบที่จะเกิดขึ้นได้ว่า จำนวนยอดผู้ป่วยจะลดลงเมื่อไหร่ และยอดผู้เสียชีวิตจะเป็นจำนวนเท่าไหร่ เนื่องจากสถานการณ์ของรายงานยอดผู้ป่วยรายใหม่ต่อวัน ยังคงทำลายสถิติของโลกอย่างต่อเนื่องเกือบทุกวัน
ในขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ โดยหลายฝ่ายมองว่า ยังมียอดผู้เสียชีวิตอีกจำนวนมากที่ไม่ได้ถูกรายงาน เนื่องจากเสียชีวิตก่อนที่จะได้รับการรักษา และญาติของผู้เสียชีวิตได้นำร่างไปดำเนินการเผาหรือฝัง ก่อนที่จะมีการตรวจยืนยันการเสียชีวิต
…
หลายฝ่ายได้สรุปบทเรียนจากสิ่งที่เกิดขึ้นในอินเดียในขณะนี้ ว่า
- จากยอดผู้ป่วยที่ลดลงในช่วง ม.ค. รัฐบาลอินเดียไม่ได้ใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้นในการเตรียมพร้อมรองรับปัญหา หากเกิดการระบาดในระลอกที่ 2
- การใช้เกมทางการเมืองในการหาเสียง การสร้างกระแสต่าง ๆ จนทำให้เกิดการละเลยต่อมาตรการป้องกันการระบาดของโควิด-19
- ความมั่นใจในความเป็น “Medical Hub” จนไม่ได้เตรียมสำรองยา ออกซิเจน ฯลฯ
- เมื่อเกิดการระบาดในระลอกใหม่ มาตรการต่าง ๆ มาช้าเกินไป ไม่ว่าจะเป็นการล็อกดาวน์ การสั่งห้ามการรวมกลุ่ม การห้ามการเดินทาง หรือแม้แต่การประกาศเคอร์ฟิวส์
ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องทางด้านสาธารณสุขต่างกล่าวกันว่า การระบาดในระลอกที่ 2 นี้ ไม่ใช่สิ่งที่เกิดความคาดหมาย ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้ และอินเดียไม่ได้ฉวยโอกาสนั้นในการเตรียมรับมือการระบาดในระลอกที่ 2 ไม่ได้แก้ปัญหาเรื่องการจัดการเตียง – ทรัพยากรต่าง ๆ ที่พบในการระบาดระลอกแรก
ยอดผู้ป่วยสะสมตั้งแต่รายแรก – รายที่ 5 ล้านแรกของอินเดีย ใช้เวลา 9 เดือน ยอด 5 ล้านถัดมาใช้เวลาราว 4 เดือน แต่ในรอบนี้ ใช้เวลาไม่ถึง 2 เดือน กับผู้ป่วย 5 ล้านคนล่าสุด
ณ วันนี้ ยังไม่มีใครบอกได้ว่า อินเดียจะสิ้นสุดการระบาดในระลอกที่ 2 เมื่อไหร่ นักวิชาการต่าง ๆ ในอินเดียคาดว่า อินเดียจะเข้าสู่จุดพีคของการระบาดในครั้งนี้คือช่วงกลางเดือน พ.ค. ที่จะถึงนี้ ที่ยอดผู้ป่วยกว่า 3.3 – 3.5 ล้านคน และนั่น ยังไม่มีใครกล้ารู้ว่าตัวเลขของยอดผู้เสียชีวิตที่จะเกิดขึ้นนั้น จะเป็นเท่าไหร่กันแน่