วัน แชมเปียนชิพ ปักหลักจัดการแข่งขันที่ประเทศบ้านเกิดสิงคโปร์ โดยขนทัพนักกีฬาจากทั่วโลกตบเท้าขึ้นสังเวียนสุดยิ่งใหญ่ ขานรับนโยบายความร่วมมือจากภาครัฐบาลให้นำร่องจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติเป็นองค์กรแรก พร้อมการชิงชัยบัลลังก์แชมป์โลก ONE ถึง 4 รุ่นในกติกาการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) จึงนับเป็น “ศึกแห่งปี 2563” ของ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 30 ตุลาคมนี้ ภายใต้ชื่อศึกว่า ONE: INSIDE THE MATRIX
หากคุณเป็นแฟนพันธุ์แท้ผู้รักศิลปะการต่อสู้ นี่คือเรื่องสำคัญที่คุณจำเป็นต้องรู้เกี่ยวกับศึกนี้!
ศึก ONE: INSIDE THE MATRIX นับเป็นศึกลำดับที่ 118 ของ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งจะจัดขึ้นในวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคมนี้ ณ สิงคโปร์ อินดอว์ สเตเดียม ประเทศสิงคโปร์ โดยจะเริ่มแข่งขันตั้งแต่เวลา 19.30 น. (ตามเวลาประเทศไทย) และถ่ายทอดสดสู่ 150 ประเทศผ่านหลากหลายช่องทาง รวมถึงโทรทัศน์ท้องถิ่น
สำหรับผู้ชมที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย สามารถรับชมได้ทาง
• ONE Super App เวลา 19.30 น.
• YouTube ของ ONE Championship เวลา 19.30 น.
• AIS Play เวลา 19.30 น.
• ไทยรัฐทีวี ช่อง 32 เวลา 21.30 น.
คู่เอก “ออง ลา vs ไรเนียร์”
คู่เอกของรายการเป็นการชิงแชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต ระหว่างเจ้าผู้ครองบัลลังก์สองรุ่น “The Burmese Python” ออง ลา เอ็น ซาง วัย 35 ปี (MMA 26-10-0-1, ONE 11-1-0) ป้องกันตำแหน่งจากผู้ท้าชิง “The Dutch Knight” ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์ วัย 30 ปี (MMA 12-0-0, ONE 3-0-0)
นับจากฮีโร่เมียนมา “ออง ลา เอ็น ซาง” กระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นมิดเดิลเวต มาจาก “วิตาลี บิกแดช” ในเดือนมิถุนายน 2560 เขาก็คว้าชัยชนะต่อเนื่องอีก 6 ไฟต์แบบไม่ครบยก ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นการชิงเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เฮฟวีเวต กับ “อเล็กซานเดร มาชาโด” เมื่อกุมภาพันธ์ 2561 ไฟต์ล่าสุด ออง ลา เผชิญหน้าแชมป์โลก ONE รุ่นเฮฟวีเวต “The Truth” แบรนดอน เวรา ที่ลดรุ่นลงมาชิงเข็มขัดรุ่นไลฟ์เฮฟวีเวต เมื่อเดือนตุลาคม 2562 ซึ่ง ออง ลา ก็สามารถป้องกันบัลลังก์ของเขาไว้ได้ โดยน็อกราชันย์รุ่นใหญ่ในยกที่สอง
ด้านผู้ท้าชิง “ไรเนียร์ เดอ ริดเดอร์” ชาวดัตช์ นักบราซิลเลียนยิวยิตสูและยูโดสายดำ ผู้ไม่เคยแพ้ใครในการแข่งขันศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน เขามีพลังบุกทะลวงอันโดดเด่นและอันตราย โดยสั่งสมชัยชนะ 3 ไฟต์รวดใน วัน แชมเปียนชิพ นับตั้งแต่ไฟต์เปิดตัว ด้วยการซับมิชชันนักสู้ดาวรุ่งชาวจีน “King Kong Worrior” ฟาน หรง ด้วยเวลาเพียง 75 วินาที จากนั้นน็อกเอาต์นักกีฬาบราซิลเลียนยิวยิตสูร่างยักษ์ “Giba” จิลแบร์โต กัลวาโอ และไฟต์ล่าสุดเขากำราบแชมป์โลกบราซิลเลียนยิวยิตสู 5 สมัย “Wolf” ลีอันโดร อาตาอิส ด้วยคะแนนอย่างเป็นเอกฉันท์ จึงส่งให้เขามีโอกาสขึ้นท้าชิงบัลลังก์กับฮีโร่ชาวเมียนมาในวันศุกร์ที่ 30 ตุลาคมนี้นั่นเอง
คู่รอง “คริสเตียน vs ยูรี”
คู่รองของรายการเป็นการชิงแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต ระหว่างแชมป์โลกหนุ่มเจ้าถิ่น “The Worrior” คริสเตียน ลี วัย 22 ปี (MMA & ONE 13-3-0) ป้องกันบัลลังก์จากผู้ท้าชิง “ยูรี ลาปิคัส” วัย 25 ปี (MMA 14-0-0, ONE 2-0-0)
หลังจากนักสู้หนุ่มชาวสิงคโปร์ “คริสเตียน ลี” ประสบความสำเร็จอย่างงดงามด้วยการน็อกเจ้าตำนานชาวญี่ปุ่น “Tobikan Judan” ชินยะ อาโอกิ ในเดือนพฤษภาคม 2562 ก็ส่งให้เขาก้าวขึ้นเป็นเจ้าบัลลังก์แชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวตแทนที่ ก่อนจะคว้าเข็มขัด ONE เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นไลต์เวต มาครอบครองเป็นเส้นที่สองในอีก 5 เดือนต่อมา ด้วยการกำราบ “Dagi” เซยิด กูเซน อาร์สลานาลิเอฟ ในรอบชิงชนะเลิศของการแข่งขัน ทั้งๆ ที่มาในฐานะนักสู้ขัดตาทัพ รู้ตัวล่วงหน้าเพียงไม่กี่วัน
ด้านผู้ท้าชิงสุดอันตราย “ยูรี ลาปิคัส” ชาวมอลโดวา ถีบตัวเองขึ้นมาอยู่ในอันดับหนึ่งของแรงกิง ONE รุ่นไลต์เวต อย่างรวดเร็ว ด้วยการน็อกนักสู้แถวหน้าของประเทศไทย “OneShin” ชนนภัทร วิรัชชัย ในยกที่สาม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ก่อนจะสร้างปรากฏการณ์ช็อกโลกด้วยการซับมิชชันอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต “Cobra” มารัต กาฟูรอฟ ด้วยเวลาเพียง 67 วินาที ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นการสานต่อสถิติไร้พ่ายอันน่าสะพรึงกลัวถึง 14-0
คู่รอง “มาร์ติน vs ธานฮ์”
อีกหนึ่งคู่รองของรายการเป็นการชิงแชมป์โลก ONE รุ่นเฟเธอร์เวต ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นศึกสายเลือดเวียดนาม โดยเจ้าบัลลังก์ชาวเวียดนาม-ออสเตรเลีย “The Situ-Asian” มาร์ติน เหงียน วัย 31 ปี (MMA 13-3-0, ONE 10-3-0) ขึ้นป้องกันตำแหน่งกับผู้ท้าชิงอันดับ 3 ของแรงกิง “ธานฮ์ เล” ชาวเวียดนาม-อเมริกัน วัย 35 ปี (MMA 11-2-0, ONE 3-0-0)
นับตั้งแต่ “มาร์ติน เหงียน” กระชากเข็มขัดแชมป์จาก “มารัต กาฟูรอฟ” ได้ในเดือนสิงหาคม 2560 ก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีใครโค่นเขาลงได้ โดยในเดือนพฤษภาคม 2561 เขาป้องกันตำแหน่งจากคู่ปรับเก่า “คริสเตียน ลี” และน็อกเอาต์อดีตเจ้าของเข็มขัด “Tungaa” นารันตุงกาลัก จาดัมบา ในเดือนเมษายน 2562 ก่อนจะย้ำความแกร่งเหนือผู้ท้าชิงอันดับ 2 ของแรงกิง “Moushigo” โคโยมิ มัตสึชิมา ในอีก 4 เดือนต่อมา
ด้าน “ธานฮ์ เล” สร้างความประทับใจบนสังเวียนระดับโลกนับตั้งแต่ไฟต์เปิดตัว เริ่มจากการปิดฉาก “Maestro” ยูซูป ซาดูลาเอฟ ในยกที่ 2 เมื่อเดือนพฤษภาคม 2562 ก่อนจะโชว์ผลงานท็อปฟอร์มด้วยการน็อกเอาต์ อดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต “No Face” โกเทตสึ โบกุ และแชมป์ชูโต แปซิฟิก ริม “ริวโก ทากาฮาชิ” ตั้งแต่ยกแรก ในเดือนสิงหาคม 2562 และ เดือนมกราคม 2563 ตามลำดับ
คู่รอง “ซง vs ทิฟฟานี
คู่รองอีกคู่ของรายการ เป็นการป้องกันตำแหน่งแชมป์โลก ONE รุ่นสตรอว์เวตหญิง ของนักสู้หญิงแกร่งจากประเทศจีน “The Panda” ซง จิง หนาน วัย 32 ปี (MMA 17-2-0, ONE 5-1-0) กับผู้ท้าชิงอันดับหนึ่งของแรงกิง อดีตคู่ปรับเก่าที่คุ้นเคย “No Chill” ทิฟฟานี เตียว วัย 30 ปี (MMA 9-1-0, ONE 6-1-0)
ในเดือนมกราคมปี 2561 “ซง จิง หนาน” เปิดศึกชิงเข็มขัดแชมป์โลกเส้นนี้กับ “ทิฟฟานี เตียว” และปิดเกมด้วยชัยชนะแบบทีเคโอ.ในยกที่ 4 ก้าวขึ้นนั่งบัลลังก์นี้เป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ จากนั้นเธอป้องกันตำแหน่งจากผู้ท้าชิงหลายคน ได้แก่ “La Gladiadora” ลอรา บาลิน, “Marituba” ซามารา ซานโทส รวมถึงแชมป์โลก ONE รุ่นอะตอมเวตหญิง “Unstoppable” แองเจลา ลี ที่ขยับน้ำหนักขึ้นมาสู้ แต่ก็ต้องพ่ายไป
ด้านนักสู้เจ้าถิ่น “ทิฟฟานี เตียว” หลังพ่ายให้กับ “ซง จิง หนาน” ในการชิงแชมป์โลก ONE ครั้งแรก เธอก็กลับสู่สังเวียนเรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ด้วยการคว้าชัยชนะเหนือแชมป์โลกบราซิลเลียนยิวยิตสู 8 สมัยซึ่งรั้งอันดับ 2 ของแรงกิง “มิเชลล์ นิโคลินี” ก่อนจะเผด็จศึกนักสู้สายเลือดซามูไร “อายากะ มิอูระ” ซึ่งอยู่อันดับ 4 ของแรงกิง ในเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา
คู่ร่วมรายการ “เอดูอาร์ด vs อันโตนิโอ”
การปะทะกันระหว่างอดีตแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต “Landslide” เอดูอาร์ด โฟลายัง วัย 36 ปี นักสู้ผู้เป็นไอคอนของชาวฟิลิปปินส์ซึ่งจะกลับมาตะกายดาวบนเส้นทางสู่ความรุ่งโรจน์ เดินหน้ากู้ชื่อเสียงของตัวเอง ด้วยการเผชิญยอดนักสู้จากออสเตรเลีย “The Spartan” อันโตนิโอ คารูโซ วัย 29 ปี
ความรุ่งเรืองสูงสุดของ “เอดูอาร์ด โฟลายัง” คือการกระชากเข็มขัดแชมป์โลก ONE รุ่นไลต์เวต มาจากเจ้าตำนานชาวญี่ปุ่น “ชินยะ อาโอกิ” เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2559 ก่อนที่จะเสียเข็มขัดเส้นนี้ให้ “มาร์ติน เหงียน” ในอีกหนึ่งปีต่อมา และแม้ภายหลังจะคว้าเข็มขัดเส้นนี้มาครองได้อีกครั้งหลังจากที่ตำแหน่งแชมป์โลกว่างลง แต่สุดท้ายเขาก็ถูกอริเก่าอย่าง ชินยะ กระชากเข็มขัดไปในเดือนมีนาคม 2562 พร้อมต้องเผชิญกับช่วงขาลง โดยแพ้ 3 ใน 4 ไฟต์ภายในรอบ 10 เดือน
ด้านคู่แข่ง “อันโตนิโอ คารูโซ” มีดีกรีเป็นแชมป์แพนแปซิฟิก บราซิลเลียนยิวยิตสู เจ้าของสถิติปิดเกมก่อนครบยก 71% เขาเพิ่งมาเปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ ได้เพียงไฟต์เดียว โดยพ่ายให้กับคู่ปรับรายเดียวกันกับ เอดูอาร์ด นั่นคือ “ปีเตอร์ บุยสต์” ซึ่งรั้งอันดับ 3 ของแรงกิงรุ่นไลต์เวต โดยเขาต้องการที่จะใช้ เอดูอาร์ด เป็นเครื่องพิสูจน์ความสามารถของเขาบนสังเวียนระดับโลกแห่งนี้
คู่ร่วมรายการ “ริตู vs นู”
ปิดท้ายด้วยศึกของนักสู้หญิงดาวรุ่ง ผู้เป็นซูเปอร์สตาร์แห่งวงการมวยปล้ำของอินเดีย “The Indian Tigress” ริตู โฟกาต วัย 26 ปี จะกลับมาขึ้นสังเวียนอีกครั้งเพื่อสานต่อสถิติไร้พ่ายอย่างไร้ที่ติในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสาน รุ่นอะตอมเวต กับแชมป์โลกคุนแขมร์สุดอันตราย “นู สเรย์ โปว” วัย 25 ปี
“ริตู โฟกาต” เปิดตัวในกีฬาการต่อสู้แบบผสมผสานครั้งแรกบนสังเวียน วัน แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนพฤศจิกายน 2562 ด้วยการปิดเกมโหดคู่แข่งสาว “นัม ฮี คิม” ตั้งแต่ยกแรก ก่อนที่จะเก็บชัยชนะในไฟต์ที่สองเหนือ “หวู เฉี่ยว เฉิน” ในอีก 3 เดือนต่อมา
ด้าน “นู สเรย์ โปว” เปิดตัวใน วัน แชมเปียนชิพ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2562 โดยสร้างความบอบช้ำให้นักสู้สาวลูกครึ่งไทย-ญี่ปุ่น “ริกะ อิชิเกะ” จากนั้นสามเดือนต่อมาเธอพ่ายให้กับฮีโร่สาวชาวอินโดนีเซีย เจ้าของแชมป์วูซูระดับประเทศ “พริสซิลลา เฮอร์ตาติ ลุมบัน กาโอล์” ศึกนี้ นู ซ้อมป้องกันเกมภาคพื้นของ ริตู มาอย่างเต็มที่ เพื่อพิสูจน์ว่าเธอคู่ควรที่จะยืนอยู่บนสังเวียนระดับโลกแห่งนี้
เปิดให้เข้าชมในสนาม 250 ที่นั่ง
รัฐบาลสิงคโปร์ตัดสินใจอย่างเป็นทางการให้ วัน แชมเปียนชิพ เปิดให้แฟนๆ เข้ารับชมศึก ONE: INSIDE THE MATRIX ภายในสนามแข่งขัน สิงคโปร์ อินดอว์ สเตเดียม จำนวน 250 ที่นั่ง ภายใต้มาตรฐานป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสตามมาตรฐานระดับโลก ถือเป็นองค์กรกีฬาแห่งแรกที่ได้รับการอนุญาตจัดการแข่งขันระดับนานาชาติในประเทศสิงคโปร์ อีกทั้งยังอนุญาตให้เปิดสนามอีกด้วย
สำหรับบัตรเข้าชมได้เปิดจำหน่ายล่วงหน้าหนึ่งสัปดาห์ ตั้งแต่วันศุกร์ที่ 23 ตุลาคมเป็นต้นมา โดยจำหน่ายในราคา 148 ดอลลาร์สิงคโปร์ (ราว 3,400 บาท) ซึ่งจะมาพร้อมกับผังที่นั่ง และสินค้าที่ระลึกจากแบรนด์ วัน แชมเปียนชิพ มูลค่ากว่า 60 ดอลลาร์สิงคโปร์ (กว่า 1,300 บาท) และผู้โชคดี 5 ท่านจากการซื้อบัตรเข้าชม จะได้รับรางวัล JBL Reflect Flow True Wireless Sports Earphones มูลค่ากว่า 230 ดอลลาร์สิงคโปร์ (กว่า 5,200 บาท) ด้วย