ONE Championship ONE: A NEW TOMORROW แสงมณี เสถียรมวยไทย

แสงมณี เสถียรมวยไทย : เบื้องหลังฉายา “ขวัญใจนักเรียน” สมัยยังเป็นดาวรุ่ง

แสงมณี เสถียรมวยไทย อาจเป็นที่รู้จักกับฉายา “ทารกเงินล้าน” แต่ในสมัยที่เขายังหนุ่มกว่านี้ก็เคยมีอีกฉายาหนึ่งด้วยว่า “ไอดอลขวัญใจนักเรียน” ด้วยความที่เขารูปร่างหน้าตาดี, ขี้เล่น และเป็นคนเอางานเอาการ นักมวยไทยรูปหล่อ พ่อไม่รวย แต่มีเงินเก็บ 7 หลักตั้งแต่อายุ 10…

Home / SPORT / แสงมณี เสถียรมวยไทย : เบื้องหลังฉายา “ขวัญใจนักเรียน” สมัยยังเป็นดาวรุ่ง

แสงมณี เสถียรมวยไทย อาจเป็นที่รู้จักกับฉายา “ทารกเงินล้าน” แต่ในสมัยที่เขายังหนุ่มกว่านี้ก็เคยมีอีกฉายาหนึ่งด้วยว่า “ไอดอลขวัญใจนักเรียน” ด้วยความที่เขารูปร่างหน้าตาดี, ขี้เล่น และเป็นคนเอางานเอาการ

นักมวยไทยรูปหล่อ พ่อไม่รวย แต่มีเงินเก็บ 7 หลักตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จนได้รับฉายา “ทารกเงินล้าน” หรือที่ฝรั่งเรียกว่า “The Million Dollar Baby” แสงมณี เสถียรมวยไทย เขาตัดสินใจสวมนวมชกมวยไทยตั้งแต่วัยเพียง 6 ขวบ เพื่อจะช่วยแบ่งเบาภาระครอบครัว และคิดจะพลิกชีวิตที่ยากจนให้ลืมตาอ้าปาก ก่อนที่สิ่งมหัศจรรย์จะเกิดขึ้นเมื่อเขาประสบความสำเร็จอย่างเหลือเชื่อ มีเงินเก็บหลักล้านตั้งแต่อายุยังน้อย

นักชกหนุ่มจากขอนแก่น ปัจจุบันวัย 22 ปี กำลังจะก้าวสู่เวทีนักสู้ที่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี ในฐานะตัวแทนประเทศไทยเพื่อแข่งขันในรายการ วัน แชมเปียนชิพ เป็นครั้งที่สองในศึก ONE: A NEW TOMORROW วันศุกร์ที่ 10 มกราคมนี้

โดยจะเผชิญหน้ากับนักชกรุ่นพี่วัย 32 ปีจากแดนอาทิตย์อุทัย เคนตะ ยามาดะ ซึ่งเจ้าตัวเชื่อว่าด้วยประสบการณ์คว้าชัยชนะมาแล้วกว่า 180 ไฟต์ และกวาดความสำเร็จมาเกือบทุกเวทีในประเทศไทย จะทำให้เขาประกาศศักดาได้อย่างสมศักดิ์ศรีนักมวยไทยแถวหน้าของประเทศ

ย้อนกลับไปในอดีตสมัยเขาเริ่มชกมวยใหม่ๆ การขึ้นสังเวียนในเมืองกรุง ถือเป็นความใฝ่ฝันของนักชกหนุ่มจากอำเภอมัญจาคีรีผู้นี้ เพราะเวทีมวยมาตรฐานของประเทศไทยเปรียบได้กับสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งนักมวยไทยทุกคนจะต้องก้าวผ่านและเก็บความสำเร็จมาให้ได้

สมัยที่เขาอายุ 14 ปี แสงมณี โชว์ฝีมือบนเวทีผืนผ้าใบของสนามมวยเวทีลุมพินีอันเลื่องชื่อเป็นครั้งแรก ด้วยค่าตัวต่ำสุด แต่ก็ยังมากกว่าที่เขาชกในภาคอีสานเกือบเท่าตัว

ยิ่งชกยิ่งชำนาญเวที ค่าตัว แสงมณี ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น บวกกับฝีไม้ลายมือและสไตล์การชกซึ่งเป็นที่ถูกอกถูกใจของบรรดาแฟนมวยในสนาม ทำให้เขากลายเป็นหนึ่งในนักชกขวัญใจของคนในวงการ กวาดมาทั้งชื่อเสียง รางวัล และเงินทอง เกินกว่าที่เขาเคยจินตนาการเอาไว้ตั้งแต่ทีแรก

หนึ่งปีให้หลังจากการเปิดตัวบนเวทีเมืองกรุง แสงมณี คว้าแชมป์สนามมวยเวทีลุมพินี รุ่น 105 ปอนด์ มาครอง พร้อมกับขึ้นแท่นยอดมวยของสมาคมผู้สื่อข่าวกีฬาแห่งประเทศไทย อันเป็นรางวัลเกียรติยศที่ยิ่งใหญ่ระดับประเทศ เมื่อปี 2555

มองผิวเผินดูเหมือนชีวิตนักมวยของ แสงมณี ก็ราบรื่นดี แต่เจ้าตัวยอมรับว่ากว่าจะผ่านอุปสรรคต่างๆ มาได้นั้นมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับชีวิตเด็กหนุ่มวัยรุ่นตอนต้นอย่างเขาในตอนนั้น

“ทุกอย่างมันไม่ง่ายนะครับ ทั้งเรื่องการฝึกซ้อม การลดน้ำหนัก การเรียนหนังสือ ต้องแบ่งเวลาและมีความรับชอบสูงมาก” แสงมณี กล่าว

“ระเบียบวินัยคือสิ่งสำคัญที่สุด และจุดที่ยากที่สุดสำหรับผมในตอนนั้น ก็คือการจัดสรรเวลาระหว่างการทำงานกับการเรียน”

สำหรับบางคนแค่เรียนอย่างเดียวก็ปวดหัวแล้ว แต่สำหรับ แสงมณี เขาต้องใช้ความมุมานะ พยายาม และอดทน เพื่อที่จะรักษาสมดุลทั้งเรื่องงานและการเรียน โดยมีเป้าหมายที่จะทำทั้งสองอย่างให้ประสบความสำเร็จ

ยิ่งเขาเก่งกาจมากขึ้นเท่าไหร่ คิวการชกก็มีบ่อยขึ้นจนแทบเดือนชนเดือน เขาจึงต้องสละชีวิตวัยรุ่น งดเที่ยวเตร่เฮฮา สังสรรค์กับเพื่อนฝูง แม้แต่ในช่วงวันหยุดเทศกาล หากมีคิวชกก็ต้องก้มหน้าก้มตาซ้อมตามปกติ

“จริงๆ ผมก็ไม่ใช่คนเที่ยวเตร่อยู่แล้ว การไม่ได้เที่ยวจึงไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับผมเลย อีกอย่างผมไม่ใช่คนขี้เกียจ ไม่ติดยา และให้ความสำคัญกับงานของผมเสมอ”

ความมีวินัยของ แสงมณี ส่งผลให้เขาคว้าแชมป์สนามมวยเวทีราชดำเนิน 3 สมัย และแชมป์ S-1 ตั้งแต่สมัยก่อนเรียนจบชั้นมัธยมปลาย และแม้จะได้รับรางวัลอันทรงเกียรติของวงการมวยไทย แต่ไม่ได้ทำให้เขาลดมาตรฐานของตัวเองลงเลย

ที่สำคัญ แสงมณี เป็นตัวอย่างที่ดีของวัยรุ่น เห็นบุคลิกขี้เล่น เจ้าคารมคมคาย ทำตัวสบายๆ ไปวันๆ แต่จริงๆ เขาเป็นคนรับผิดชอบต่อหน้าที่สูงมาก เอาจริงเอาจังกับการงาน จนกลายเป็นไอดอลของเพื่อนๆ นักเรียน เมื่อเจ้าตัวขึ้นชกครั้งใดจะมีกองทัพหนุ่มสาวหน้าใสวัยผูกคอซองตามไปเชียร์ติดขอบสนาม จนทำให้เจ้าตัวได้รับอีกหนึ่งฉายาว่า “ขวัญใจนักเรียน”

ความสำเร็จทั้งหมดของ แสงมณี ทำให้วันนี้เขาถูกดึงตัวเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ วัน แชมเปียนชิพ ในฐานะนักกีฬา วัน ซูเปอร์ ซีรีส์ โดยเปิดตัวครั้งแรกที่ประเทศฟิลิปปินส์ และคว้าชัยชนะมาได้อย่างเป็นเอกฉันท์

ตอนนี้เขาพร้อมที่จะต่อยอดความสำเร็จบนเวทีระดับโลก ในวันที่ 10 มกราคมที่ อิมแพ็ค อารีน่า เสียงกองเชียร์ชาวไทยนับหมื่นจะทำให้เขามีความฮึกเหิม และจะทำให้ความหวังในการปูทางสู่การเป็นแชมป์โลก วัน แชมเปียนชิพ มองเห็นแสงสว่างอยู่ข้างหน้า

“ผมดีใจมากครับที่ได้รับโอกาสให้เป็นนักกีฬาของ วัน แชมเปียนชิพ ซึ่งเป็นเวทีระดับโลก และครั้งนี้จะได้ขึ้นสังเวียนที่ประเทศไทย จะมีแฟนคลับมากมายมาเชียร์ผม ผมจะทำให้ดีที่สุด และเก็บชัยชนะครั้งนี้ให้ได้อย่างสวยงามครับ”