เย็นวันนี้ ( เสาร์ที่ 18 ม.ค.63 ) ทีมชาติไทยชุดยู23ปี มีคิวลงเล่นรอบ 8 ทีมสุดท้าย เอเอฟซียู23ชิงแชมป์เอเชีย2020 ที่จะต้องวัดคมกับ ซาอุดิอาระเบีย ที่สนาม มธ.รังสิต เวลา 17.15 น. ลองมาดู 5เรื่องฮอต ที่น่าสนใจก่อนเกมคู่นี้จะระอุขึ้น
1. ผลงานการพบกันของทีมชาติไทยกับซาอุดิอาระเบียในศึกเอเอฟซียู23ชิงแชมป์เอเชียรอบสุดท้าย เคยพบกันเกมเดียว ในปี2016ที่กาตาร์เป็นเจ้าภาพ โดยเป็นการพบกันในรอบแบ่งกลุ่ม สายบี นัดแรก เมื่อวันที่ 13 ม.ค.2016 ซาอุดิอาระเบีย เสมอ ไทย 1-1 แต่สุดท้ายไทยและซาอุดิอาระเบียต้องควงคู่กันตกรอบแรก และครั้งนี้จะเป็นการพบกันนัดแรกของทั้งคู่ในรอบน็อคเอ้าต์ด้วย
2. ตัวชูโรงของซาอุดิอาระเบียในทีมยู23ชุดนี้ คือ อับดุลลาห์ อัล ฮัมเดน กองหน้าหมายเลข 9 วัย 20 ปีที่เป็นดาวซัลโวสูงสุดของทีมเศรษฐีน้ำมันในรอบคัดเลือกด้วยผลงาน 3 ประตู เขาคือศูนย์หน้าอนาคตไกลอย่างแท้จริง เพราะเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ส.บอล ซาอุฯ จับมือเป็นพันธมิตรกับ ลาลีกา สเปน พร้อมกับส่งตัว อับดุลลาห์ อัล ฮัมเดน ไปฝึกฝีเท้ากับทีม สปอร์ติ้ง กิฆอน ในชุดยู19เมื่อปี2018ด้วย
3. ซาอุดิอาระเบีย คือทีมที่ 16 ที่ผ่านเข้าสู่รอบสุดท้ายยู23ชิงแชมป์เอเชีย2020ที่ไทย โดยถือเป็นทีมอันดับ 2 ของกลุ่มที่มีผลงานดีที่สุดเป็นลำดับที่ 4 เท่ากับ อิหร่าน และ ซีเรีย โดยทั้ง อิหร่าน , ซีเรีย และ ซาอุดิอาระเบีย มี 4 แต้ม และมีลูกได้เสียอยู่ที่ ได้ 3 ประตู , เสีย 1 ประตู เหมือนกัน ทำให้ ทากิจิสถาน ที่มี 4 แต้มเหมือนกัน แต่ยิงได้ 2 ลูกโดยไม่เสียประตู กลายเป็นทีมที่ตกรอบ
4. ทีมยู23ของซาอุดิอาระเบียมีผลงานที่เป็นชิ้นเป็นอันมากที่สุดในทัวร์นาเมนต์ กัลฟ์ คัพ รุ่นอายุไม่เกิน 23 ปี โดยผลงาน 7 ครั้งล่าสุดนับจากปี2008เป็นต้นมา พวกเขาคว้าแชมป์มาครองได้ถึง 4 สมัย ปี2008เป็นแชมป์ที่บ้านตัวเอง , ปี2012เป็นแชมป์ที่กาตาร์ , ปี2015เป็นแชมป์ที่บาห์เรน และปี2016เป็นแชมป์ที่กาตาร์ โดย 4 ครั้งหลังสุดเข้าชิงฯทั้ง 4 หน และจบด้วยการเป็นแชมป์ถึง 3 สมัย
และ 5. กับคำว่า “โอลิมปิกรอบสุดท้าย” ซาอุดิอาระเบีย ค่อนข้างห่างเหินคำนี้มานานแล้ว ครั้งล่าสุดที่ทีมเศรษฐีน้ำมันได้ไปเล่นรอบสุดท้าย ต้องย้อนไปที่ “แอตแลนต้าเกมส์” หรือ โอลิมปิกเกมส์ปี1996ที่สหรัฐอเมริกาเป็นเจ้าภาพ หรือเมื่อ 24 ปีที่แล้ว โดยครั้งนั้น ซาอุดิอาระเบีย จอดป้ายแค่รอบแรก เพราะไม่อาจต้านทาน ฝรั่งเศส ที่มีขุมกำลังดาวรุ่งในขณะนั้น อย่าง โคลด มาเกเลเล , โรแบร์ ปิแรส , แวงซองต์ ก็องเดอล่า , ซิลแวงค์ วิลตอร์ รวมถึง สเปน ที่นำโดน ราอูล กอนซาเลส , ไอตอร์ การันก้า รวมถึง อีวาน เดอ ลาเปญ่า และ ออสเตรเลีย ที่ยังอยู่ในทวีปเอเชียโอเชียเนีย ที่มี มาร์ค วิดูก้า นำทัพในขณะนั้น