กล้าหรือเปล่า! “บังยี” ยิงหมัดตรงถาม “พล.ต.อ.สมยศ” กล้าที่จะเปิดเผยเอกสาร “แบงก์การันตี” กรณีที่ “แพลน บี” ประมูลชนะเป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถามว่าหากมีเอกสารจริงก็เอาออกมาแสดงให้สาธารณชนได้รับทราบ และจริงหรือไม่ที่พล.ต.อ.สมยศ ตั้งเงินเดือนให้ตัวเองเดือนละ 1,000,000 บาท แต่เวลาจะจ่ายเงินให้สโมสรสมาชิก กลับอ้างว่า “ไม่มีเงิน” แต่ทำไมช่วงก่อนเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ไม่ถึงเดือน กลับมาแจกจ่ายกันอย่างโจ๋งครึ่ม ถือเป็นการผิดจริยธรรมอย่างร้ายของ “ฟีฟ่า” และ “เอเอฟซี”
หลังจากที่ “บังยี” นายวรวีร์ มะกูดี อดีตนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย และผู้สมัครรับเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ซึ่งจะมีการเลือกในวาระใหม่ในวันที่ 12 ก.พ. ได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลต่าง ๆ ที่สภากรรมการบริหารสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ชุดปัจจุบัน ทำผิดข้อบังคับ ผิดจริยธรรม และผิดกฏหมาย
ล่าสุด เมื่อวันที่ 22 ม.ค.63 นายวรวีร์ เปิดเผยอีกว่า ในกรณีสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย ชุดปัจจุบัน ได้เปิดประมูลหา ตัวแทนบริหารสิทธิประโยชน์ เมื่อปี พ.ศ.2559 โดย บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ชนะการประมูลด้วยมูลค่ารวม 3,240 ล้านบาท ได้เป็นผู้บริหารสิทธิประโยชน์ของสมาคมฯและ บริษัท ไทยลีก จำกัด เป็นระยะเวลา 4 ปี จนถึงปี พ.ศ.2563 แต่การที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ทำสัญญากับ บริษัท แพลน บี ครั้งนี้ เป็นการทำผิดระเบียบ เพราะแพลน บี ไม่ได้ยื่น “แบงก์การันตี” อย่างไรก็ตาม พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง นายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ได้ให้สัมภาษณ์ตอบโต้ผ่านสื่อมวลชนมาว่า สมาคมฯ ได้มีการยื่น “แบงก์การันตี” อย่างถูกต้องทุกอย่าง
นายวรวีร์ กล่าวอีกว่า หาก พล.ต.อ.สมยศ และสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ มั่นใจว่าได้ดำเนินการถูกต้องตามกฏระเบียบทุกอย่าง ก็ให้เอาเอกสารมาแสดงต่อสาธารณชน เพื่อให้ประชาชนทั่วไปหายคลางแคลงใจ เนื่องจากเรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องธรรมดา เพราะมีมูลค่าความเสียหายหลายร้อยล้านบาท แต่ถ้าไม่มีเอกสารมาแสดง ก็เท่ากับว่าทำผิดกฏหมาย และเรื่องนี้สามารถตรวจสอบได้จากตลาดหลักทรัพย์ เพราะ “แพลน บี” เป็นบริษัทมหาชน
“บังยี” กล่าวต่อไปว่า กรณีที่ พล.ต.อ.สมยศ สัญญากับสโมสรสมาชิกว่าจะให้แจกเงินสิทธิประโยชน์ให้แก่สโมสรสมาชิกตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งครั้งก่อน เมื่อปี พ.ศ.2559 สโมสรละ 1 ล้านบาท แต่ตอนหลังอ้างว่าสมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ขาดสภาพคล่อง ไม่ยอมจ่ายเงินตามสัญญา สุดท้ายเพิ่งมาแจกให้สโมสรเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงก่อนจะมีการเลือกตั้งไม่ถึง 1 เดือน ทำไมจึงมาแจกในช่วงนี้ โดยอ้างว่าเป็นเงินตกค้าง เรื่องนี้เป็นการผิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง ของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ หรือ “ฟีฟ่า” และ สมาพันธ์ฟุตบอลแห่งเอเชีย หรือ “เอเอฟซี” กรณีนี้เป็นเงินที่ต้องแจกแจงในงบดุลประจำปี แต่กลับเอามาแจกจ่ายให้สโมสรในช่วงนี้ ถือเป็นการทุจริตหรือไม่
นอกจากนี้ นายวรวีร์ ยังกล่าวต่อไปว่า มีบรรดาสโมสรสมาชิกหลายแห่ง ได้ให้ตนเองมาเป็นตัวแทนถามไปยัง พล.ต.อ.สมยศ ว่าได้ตั้งเงินเดือนตัวเองเดือนละ 1,000,000 บาท จริงหรือไม่ แบ่งเป็นเงืนขจากสมาคมกีฬาฟุตบอล 500,000 บาท และเงินจากบริษัท ไทยลีก จำกัด อีก 500,000 บาท ทั้งที่สมาคมกีฬาฟุตบอลฯ ถือหุ้นใน บริษัท ไทยลีก 99.8% ถือว่าผิดจริยธรรมร้ายแรง สิ่งสำคัญที่สุด พล.ต.อ.สมยศ อ้างว่าไม่มีเงินจ่ายให้สโมสรสมาชิก แต่กลับตั้งเงินเดือนให้ตัวเองสูงลิ่ว เอาเงินมาใช้จ่ายส่วนตัว และพวกพ้อง ผิดพระราชบัญญัติการกีฬาแห่งประเทศไทย มาตราที่ 7 หัวข้อที่ 5 ห้ามมิให้สมาคมกีฬาหาผลกำไรหรือรายได้เพื่อมาแบ่งปันกัน
“ผมต้องการให้ พล.ต.อ.สมยศ ตอบคำถามเหล่านี้ให้สาธารณชน ข้อแรกเอกสารที่บริษัท แพลน บี มีเดีย จำกัด (มหาชน) ยื่นแบงก์การันตี ในการเข้ามาบริหารสิทธิประโยชน์ หากมีเอกสารหรือหลักฐานก็ต้องเอามาแสดงให้ประชาชนได้รับทราบ ข้อสอง เรื่องเงินที่มาแจกให้แก่สโมสรสมาชิกที่อ้างว่าเป็นเงินตกค้าง เหตุใดจึงมาแจกจ่ายก่อนการเลือกตั้งไม่ถึง 1 เดือน ข้อสาม พล.ต.อ.สมยศ ตั้งเงินเดือนให้ตัวเอง 1,000,0000 บาท จริงหนรือไม่ และมีการตั้งเงินเดือนให้พวกพ้องโดยมิชอบหรือไม่ ขอให้ พล.ต.อ.สมยศ กล้าตอบคำถาม กล้าเอาเอกสารหลักฐานมาแสดงให้ชัดเจนแจ่มแจ้ง” นายวรวีร์ กล่าว.