“ทนายอ๊อด-ภีมเดช”ลุยทุกศาล! ฟ้องอาญา “พล.ต.อ.สมยศ-ลักขณานันท์” ปักธงยื่น5คดี-ประเดิมไม่โชว์แบงค์การันตี 510 ล้าน ศาลนัดไต่สวน เม.ย. ส่วนอีก4คดีขอให้จบเลือกตั้งไปก่อน-ยืนยันไม่ได้ป่วนแต่ทำเพื่อความถูกต้อง มีชื่อ”โค้ชเฮง”โดนฟ้องด้วยกรณีรับเงินเดือน-แจงชัดไม่ได้ช่วย”คุณวรวีร์” ประกาศสาเหตุที่เลือกร่วมทีม”ดร.ภิญโญ”เพราะชุดนี้บอก”ไม่มีเงินเดือน”
ภีมเดช อมรสุคนธ์ หรือ “ทนายอ๊อด” หนึ่งในสภากรรมการชุดเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลของ ดร.ภิญโญ นิโรจน์ จัดงานแถลงข่าวต่อหน้าสื่อมวลชนที่โรงแรม โกลเด้น ทิวลิป ซอฟเฟอริน พระราม 9 เมื่อวันพุธที่ 29 ม.ค.63 เพื่อเปิดเผยข้อมูลการฟ้องร้องต่อศาลเกี่ยวกับ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง กับพวกรวม 5 คน กรณีการจัดการทรัพย์สินของผู้อื่นตามที่ได้รับมอบหมายโดยทุจริต ตามคดีหมายเลขดำที่ 170/2563 ศาลแขวงำพระนครใต้ ลงวันที่ 21 มกราคม พ.ศ.2563 คดีความอาญา โดยที่ศาลแขวงพระนครใต้ นัดไต่สวนวันที่ 28 เมษายน พ.ศ.2563 เวลา 09.00 น.
“ทนายอ๊อด”ภีมเดช อมรสุคนธ์ ในฐานะผู้รับมอบอำนาจ บริษัท ลูกอีสาน พัทยา ฟุตบอลคลับ(พัทยา8) จำกัด ในฐานะโจทก์ยื่นฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง พร้อมกับพวกรวม 5 คน ได้เผยถึงการยื่นฟ้องนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลฯในครั้งนี้ว่า
“ที่ผมยื่นฟ้องไปในคดีแรก คือ ฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และคณะที่ทำความเสียหายให้กับสมาคมกีฬาฟุตบอล กรณีเอื้อประโยชน์ให้กับ บริษัท แพลนบี ได้ค่าสิทธิประโยชน์ไปหลายร้อยล้านบาทโดยทุจริต ผมฟ้องคดีอาญา ไม่ได้ฟ้องคดดีแพ่ง”
“ทุจริตกรณี บริษัท แพลนบี ไม่มีหนังสือค้ำประกันจำนวน 510 ล้านบาท( สมาคมฯ 250 ล้านบาท , ไทยลีก 260 ล้านบาท ) มาให้สมาคมฯวันยื่นประมูล และจนถึงปัจจุบัน บริษัท แพลนบี ก็ไม่มีให้ แต่ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และคณะที่เป็นกรรมการบริหารแอบอนุมัติให้ บริษัท แพลนบี ได้สัญญาไป และก็อนุมัติย้อนหลังด้วย”
“คือตอนประกาศให้สิทธิ์บริหารตั้งแต่ปี พ.ศ.2560-2563 แต่ตอนนั้นยังติดสัญญากับ บริษัท สยามสปอร์ต ในปี พ.ศ.2559 พอท่านยกเลิกปุ๊บ ท่านก็เซ็นต์ย้อนหลังเลย เอาสัญญาของ บริษัท สยามสปอร์ต มาเซ็นต์ย้อนหลังให้ บริษัท แพลนบี ในปีนั้น บริษัท แพลนบี ได้ค่าบริหารจัดการไปฟรีๆ 136 ล้านบาท โดยประมาณ มันก็เชื่อมโยงกัน เป็นเหตุให้ บริษัท สยามสปอร์ต เขาไปฟ้อง แล้วสมาคมก็มีภาระตามคำพิพากษาของศาล ทำให้ต้องไปจ่ายให้ บริษัท สยามสปอร์ต อีก 50 ล้านบาท”
“อีกเรื่องที่ต่อเนื่องกัน คือ พ.ศ.2559 สมาคมกีฬาฟุตบอลฯยังติดสัญญาอยู่กับ บริษัท สยามสปอร์ต ที่เขาหาเงินมาให้จากค่าลิขสิทธิ์ฟุตบอลไทยลีก ปีละพันกว่าล้านบาท ท่าน พล.ต.อ.สมยศ ท่านไม่หาเงินมาหรอก หรือหามาก็อาจจะไม่เท่าเขา เอาจริงๆแล้วต้องขอบคุณ บริษัท สยามสปอร์ต สมัยนั้น ที่หาสปอนเซอร์ให้สมาคมกีฬาฟุตบอลมากมาย ซึ่ง บริษัท สยามสปอร์ต เขายังมีภาระผูกพันอยู่ในปี พ.ศ.2559”
“ปีนั้น บริษัท แพลนบี ได้เงินเปล่าๆเลย 136 ล้านบาท ในเรื่องเดียวกันศาลท่านพิจารณาให้ บริษัท สยามสปอร์ต เป็นฝ่ายชนะคดี และทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลฯต้องจ่ายเงินให้ บริษัท สยามสปอร์ต 50 ล้านบาท เพราะมันเป็นเงินของสโมสรสมาชิกทั้งนั้น อันนี้คือพิสูจน์ได้แล้วว่า ท่านทุจริต”
“ท่านและคณะที่ไม่ได้เกี่ยวกับสภากรรมการ ผมไม่ได้ฟ้องสภากรรมการ ผมฟ้องคณะทำงาน 5 ท่าน ในนั้นมีสภากรรมการ 2 ท่าน คือ พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง และ คุณลักขณานันท์ ลักษมีธนานันต์ ท่านทั้ง 2 และคณะฯ ได้รับมอบให้บริหารจัดการทรัพย์สินของผู้อื่น ท่านบริหารโดยทุจริต ทุจริตอย่างที่ผมได้อธิบายมาตั้งแต่ต้น”
“การทุจริตของท่าน ทำให้องค์กรที่มอบหมายให้ท่านดูแลเสียหาย ทำให้สมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยและสโมสรสมาชิกเสียหาย มันเป็นโทษทางอาญาครับ ต้องติดคุก”
“ส่วนคดีอื่นๆก็ยังมีด้วย ทั้งการสำแดงข้อมูลเป็นเท็จต่อ ปปช. , รับเงินเดือนจากสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทย 3 ล้านกว่าบาท แต่ผมมีหลักฐานว่าท่านรับไป 6 ล้านกว่าบาท อันนั้นผมก็จะฟ้องต่อ รวมถึงที่ท่านรับเงินเดือนทั้งหมดมันผิด พรบ.กีฬา แล้วท่านไปจัดสรรเงินเดือนให้พวกกันเอง 4 ท่าน คือ ท่าน พล.ต.อ.สมยศ , คุณลักขณานันท์ , โค้ชเฮง รวมถึงอีกท่านนึงที่รับเงินเดือนหลังสุด ผมก็จะฟ้องต่อ แต่ด้วยเหตุที่ท่านหาว่าผมมาป่วนการเลือกตั้ง ไม่เป็นไรครับ ผมจะฟ้องหลังเลือกตั้งอีกชุด”
“สรุปแล้วจะมีการฟ้องร้อง พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง 5 คดี 1.แบงค์การันตีสมาคมฯ 250 ล้านบาท , 2.แบงค์การันตีไทยลีก 260 ล้านบาท , 3.คดีเอาเงินสมาคมมาจัดสรรเป็นเงินเดือนให้ตัวเองและพวกพ้องซึ่งผิดกฏหมาย , 4.จ่ายเงินเดือนไทยลีกให้ตัวเอง ซึ่งสมาคมเป็นผู้ถือหุ้นไทยลีกอยู่ 98 เปอร์เซนต์ และ 5.คดี ปปช. ซึ่งแต่ละคดีถือเป็นต่างกรรม ต่างวาระ”
“ผมจะบอกอย่างนี้ว่า การเลือกตั้งนายกสมาคมกีฬาฟุตบอลครั้งที่แล้ว คุณวรวีร์ ลงไม่ได้เพราะใคร เพราะผมฟ้องนี่แหละครับ แล้วคราวนี้จะทุกคนจะคิดว่าผมเป็นตัวแทนคุณวรวีร์มาฟ้อง พล.ต.อ.สมยศ ก็ไม่เป็นไร แต่ผมยืนยันว่าไม่ได้เป็นตัวแทนใคร ผมพิสูจน์กับประชาชนมาตลอดว่า ผมทะเลาะกับทุกคนแหละครับ ไม่ได้ทะเลาะส่วนตัว แต่ที่ทะเลาะด้วยเพราะการบริหารงานแบบไม่ชอบด้วยกฏหมาย ผมจึงทะเลาะด้วย แต่ขอบอกว่าผมไม่ใช่ลูกน้องคุณวรวีร์”
“ที่ผมมาครั้งนี้เพราะผู้ใหญ่บางท่านที่ผมเคารพนับถือ ท่าน ดร.ภิญโญ นิโรจน์ ท่านทำฟุตบอลมาด้วยกันตั้งแต่แรก ในยุคถาวรฟาร์ม นครสวรรค์ ท่านบอกว่าผมมีประโยชน์ ผมก็ยินดีครับ แต่ถ้าพี่ทำผิด ผมก็ฟ้องพี่ได้ ดูเป็นคนๆไปครับ”
“ผมยืนยันต่อหน้าสื่อตรงนี้เลยครับว่า สิ่งหนึ่งที่ท่าน ดร.ภิญโญ ไม่ได้พูด หรืออาจจะลืมแถลง คือ ท่านรับปากกับผม ในขณะที่ชวนผม ก็คือว่า สภากรรมการชุดท่าน ดร.ภิญโญ นิโรจน์ ไม่ขอรับเงินเดือนครับ ไม่อย่างนั้น ผมไม่มา ที่ท่านบอกว่า อ๊อด พวกเราสัญญากันเลยนะว่าจะไม่รับเงินเดือน อันนี้ผมภูมิใจมากครับ อยากเจอคนแบบนี้ ท่าน ดร.ภิญโญ ขาวสะอาด”