ตะกร้อ ตะกร้อลีกมาเลเซีย

ตะกร้อลีกมาเลเซีย ทำให้ผมได้เกิดใหม่ในวงการตะกร้อ – อภิรักษ์ พรมณี

หลังรูดม่านปิดฉากการแข่งขันตะกร้อลีกภายในประเทศมาเลเซีย ในชื่อการแข่งขัน Sepak Takraw League (STL) ประจำปี 2019 ที่ชิงชัยกันมาตั้งแต่ วันที่ 6 กันยายน – 28 พฤศจิกายน 62  โดยมีทีมเข้าร่วมชิงชัย…

Home / SPORT / ตะกร้อลีกมาเลเซีย ทำให้ผมได้เกิดใหม่ในวงการตะกร้อ – อภิรักษ์ พรมณี

หลังรูดม่านปิดฉากการแข่งขันตะกร้อลีกภายในประเทศมาเลเซีย ในชื่อการแข่งขัน Sepak Takraw League (STL) ประจำปี 2019 ที่ชิงชัยกันมาตั้งแต่ วันที่ 6 กันยายน – 28 พฤศจิกายน 62  โดยมีทีมเข้าร่วมชิงชัย 10 ทีม ใช้ระบบการแข่งขันแบบสนามแข่งขันกลาง กระจายไปชิงชัยกันทั้งหมด 5 เมือง โดยในปีนี้มีนักตะกร้อจากไทยเข้าไปร่วมวาดลวดลายกันหลายคน หนึ่งในนั้นมีชื่อของ อภิรักษ์ พรมณี อดีตจอมเสิร์ฟทีมชาติไทยชุดแชมป์คิงส์คัพ ครั้งที่ 27 วัย 32 ปี ที่ไปร่วมทัพ Kelantan Warriors และแม้ว่าจอมเสิร์ฟจากแดนสะตอจะไม่ได้พาทีมไปคว้าแชมป์ แต่เขาก็สามารถโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม เป็นนักตะกร้อที่เสิร์ฟทำคะแนนได้มากที่สุดในการแข่งขัน และพาทีมจบอันดับที่ 5

“คว้ารางวัลนักตะกร้อต่างชาติยอดเยี่ยม”

“ดีใจมากครับที่ได้รับรางวัลนี้ เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขามีการมอบรางวัลนี้ โดยเหตุผลที่เราได้รับรางวัลนี้ ทางฝ่ายจัดการแข่งขันฯบอกว่าเราเป็นนักตะกร้อที่เสิร์ฟทำคะแนนได้มากที่สุดในการแข่งขัน โดยรางวัลที่ได้ก็รู้สึกภูมิใจ ในฐานะที่เราเป็นนักตะกร้อจากประเทศไทย และได้รับการยอมรับการคนมาเลเซีย โดยได้เป็นโลห์รางวัล เงินอีก 10,000 ริงกิตมาเลเซีย (ประมาณ 7 พันกว่าบาท) และโทรศัพท์มือถือ NOKIA”

“คุ้มค่าทุกริงกิตมาเลเซีย”

“ก่อนหน้าที่จะมาเล่นลีกมาเลเซียต้องบอกเลยว่าไม่ได้คิดว่าตัวเองจะทำผลงานได้ดีและเป็นที่ยอมรับขนาดนี้ เพราะผมเลิกวางมือจากตะกร้อตอนอายุ 28 ปี หลังจากที่ติดทีมชาติ และได้แชมป์คิงส์คัพ ก็รู้สึกอิ่มตัวและเอาเวลาไปใช้กับครอบครัวและการทำงาน แต่ก็ยังเล่นเพื่อออกกำลังกาย จนมาถึงช่วงต้นปีที่ผ่านมาก็เริ่มกลับมาเดินสายแข่งขันในโซนภาคใต้ จนลีกมาเลเซีย ติดต่อมาทาง พี่เอ็กซ์ ประเวศ อินทรา ผู้ที่เป็นเบื้องหลังในหลายๆดีลระหว่างนักตะกร้อไทยในการไปเล่นในลีกมาเลเซีย ด้วยความที่เราเลิกเล่นไปประมาณ 4-5 ปีแล้ว ทางมาเลเซีย เขาก็ไม่รู้จักเรา และไม่กล้าที่จะจ่ายค่าเหนื่อยแพงมาก เราก็พยายามต่อรองเขาจนได้ลงตัว แต่ต้องบอกก่อนเลยครับว่า ค่าเหนื่อยที่ผมได้ ถือว่าน้อยที่สุดในบรรดานักตะกร้อไทยที่ไปเล่นในลีกมาเลเซีย”

“แต่พอไปถึงที่มาเลเซีย ผมก็สามารถพิสูจน์ตัวเองได้ว่า เงินทุกริงกิตมาเลเซียที่เขาจ่ายให้เรา มันเป็นการลงทุนที่คุ้มค่า เพราะเราได้ลงเล่นเป็นตัวหลัก และสามารถโชว์ฟอร์มได้ดี จนเป็นนักตะกร้อที่เสิร์ฟทำคะแนนได้มากที่สุดในลีก พาทีมจบอันดับที่ 5 ซึ่งเป็นผลงานที่ดีกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งผู้จัดการทีมก็บอกกับผมว่า รู้สึกคุ้มค่ามากกับเงินค่าเหนื่อยที่ไม่ใช่ราคาที่สูงเหมือนนักตะกร้อคนอื่นๆ”

“ซุปตาร์ในมาเลเซีย”

“ลีกตะกร้อมาเลเซีย ทำให้ผมเหมือนได้แจ้งเกิดใหม่อีกครั้ง คนมาเลเซียค่อนข้างบ้าตะกร้อ พอเรามาที่นี่แล้วเราทำผมงานได้ดี ก็เลยกลายเป็นที่สนใจ จากเดิมที่เคยเล่นในไทย นักกีฬาตะกร้อจะไม่ค่อยได้รับความสนใจเท่าไหร่ แต่ที่นี่เราเหมือนเป็นซุปเปอร์สตาร์ เพราะเวลาไปไหนมาไหน คนก็จะจำได้ มาขอถ่ายรูป บางครั้งแข่งเสร็จใช้เวลาเกือบชั่วโมงกว่าจะได้ออกจากสนาม เพราะต้องถ่ายรูปกับแฟนๆ บางครั้งผมก็ต้องเดินหลบๆมุมเพราะไม่อยากถ่ายรูป (หัวเราะ) แต่ผมมองว่ามันเป็นเรื่องที่ดี เพราะการที่เรามีแฟนๆให้ความสำคัญแบบนี้ มันก็ทำให้เราตั้งใจเล่น ตั้งใจซ้อม เพื่อจะได้มาโชว์ผลงานให้ดีในสนาม ”

“การประชาสัมพันธ์ คือจุดแข่งของลีกมาเลเซีย”

“ผมเล่นตะกร้อไทยแลนด์ลีกมาหลายปี พอมาเจอระบบการจัดการที่นี่ ต้องบอกเลยว่า ผมอิจฉานักตะกร้อที่นี่ เพราะรูปแบบการจัดการแข่งขันของเขาทำได้ดีมาก เขาให้ความสำคัญมากๆ ไล่มาตั้งแต่การให้ความสำคัญกับนักกีฬาที่มาแข่ง นักกีฬาทุกคนจะต้องถ่ายรูป ถ่ายวิดีโอ เพื่อนำไปใช้ในการถ่ายทอดสด ส่วนที่สำคัญที่สุด คือ การถ่ายทอดสด ที่นี่จัดแข่งขันแบบสนามกลาง ทำให้มีการถ่ายทอดสดทางทีวีทุกนัด มันทำให้นักกีฬามีความกระหายที่จะลงแข่งขัน เพราะอยากโชว์ฟอร์มให้ดีต่อหน้าคนดู ส่วนบรรยากาศในสนามก็แตกต่างจากไทย เพราะที่นี่คนดูเยอะมาก”

“พร้อมคัมแบ็คเส้นทางตะกร้ออาชีพ”

“หลังจากจบภารกิจตะกร้อลีกที่มาเลเซีย ในตอนนี้ทำเหมือนทำให้ไฟในตัวผมถูกจุดขึ้นอีกครั้ง ผมยังเชื่อว่าผมยังเล่นตะกร้ออาชีพได้ต่ออีกหลายปี เพราะตอนนี้ผมมีประสบการณ์ที่มากขึ้นและความกระหายที่กลับมาอีกครั้ง ในตอนนี้ก็พร้อมเปิดรับฟังข้อเสนอของทีมตะกร้อในลีก ถ้าหากว่าเขาเชื่อมั่นในตัวผม ผมก็พร้อมจะตอบแทนในความไว้ใจ เหมือนที่ผมสามารถพิสูจน์ตัวเองได้ในลีกตะกร้อมาเลเซีย”