เว็บไซต์อย่างเป็นทางการของสหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ (ฟีฟ่า) ได้เผยบทความแสดงความเห็นต่อทีมชาติไทย หลังจากทำผลงานไม่แพ้ใคร ในรายการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 รอบคัดเลือก รอบสอง
พลพรรค ช้างศึก ทีมชาติไทย ทำผลงานชนะ 2 เสมอ 1 มี 7 คะแนนจาก 3 นัด เป็นจ่าฝูงของกลุ่ม จี ก่อนจะบุกไปเยือน มาเลเซีย และ เวียดนาม ในวันที่ 14 และ 19 พฤศจิกายน ตามลำดับ
โดยเนื้อหาบนเว็บไซต์ระบุว่า “ทีมชาติไทย ภายใต้กุนซือคนใหม่ อากิระ นิชิโนะ ฟอร์มดีจนน่าทึ่งในฟุตบอลโลก กาตาร์ 2022 รอบคัดเลือก โซนเอเชีย ซึ่งการชนะ 2 เสมอ 1 นับเป็นผลงานอันน่าประหลาดใจ ที่ทำให้ ช้างศึก ขยับขึ้นสู่หัวตารางของกลุ่มที่นับว่าท้าทายกลุ่มหนึ่ง ระหว่างทาง แม้ว่าจะเสมอกับเวียดนามแบบไร้สกอร์ในนัดประเดิมสนาม พวกเขาก็ฮึดกลับมาชนะ 3-0 อย่างมีสไตล์ต่อเจ้าบ้านอินโดนีเซีย ก่อนจะต่อเนื่องด้วยผลงานอันน่าตกตะลึงต่อสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ 2-1 ในบ้าน”
“และรางวัลตอบแทนสำหรับผลงานอันยอดเยี่ยมของพวกเขา ก็คือการกระโดดขึ้นมา 5 อันดับ สู่ที่ 109 ในฟีฟ่า เวิลด์ แรงกิ้ง เดือนตุลาคม กลายเป็นชาติในเอเชียที่มีการขยับอันดับขึ้นมาสูงที่สุดประจำเดือนร่วมกับกาตาร์ และอิรัก ทำให้ทีมชาติไทยมีอันดับที่ดีขึ้นเรื่อยๆ นับตั้งแต่ปี 2014 เป็นต้นมา”
“ท่ามกลางความยอดเยี่ยมของทีมโดยรวม ก็ยังมีนักเตะดาวรุ่งหลายคน ที่ได้รับความสนใจจากผลงานอันน่าจับตามองอย่าง สุภโชค สารชาติ ตัวรุกวัย 21 ปี ที่ก้าวขึ้นมาเป็นฮีโร่ในเกมกับอินโดนีเซีย ด้วยทำ 2 ประตู และเรียก 1 จุดโทษ ช่วยให้ทีมของเขาเก็บ 3 แต้ม และยังไม่หมดเท่านั้น เอกนิษฐ์ ปัญญา กองกลางวัย 20 ปี ยังจ่าย 1 ยิง 1 ช่วยให้ ทีมชาติไทย เอาชนะ ยูเออี ที่น่าเกรงขามในนัดล่าสุดอีกด้วย”
“ผมรู้สึกดีใจมากกับสิ่งที่ผมทำให้กับทีม (ในเกมกับยูเออี) – เอกนิษฐ์กล่าวกับ FIFA.com ถึงชัยชนะอันน่าจดจำครั้งนี้ ‘เราคว้า 3 คะแนนสำคัญ และผมก็ตื่นเต้นมาก แต่แน่นอนว่า เครดิตทั้งหมดต้องยกให้เพื่อนร่วมทีมของผมที่สนับสนุนซึ่งกันและกัน และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้เรามีผลการแข่งขันที่ดี และทำให้แฟนบอลของเราภาคภูมิใจ”
“นอกจากนี้โค้ชนิชิโนะยังได้กล่าวชื่นชมบรรดานักเตะดาวรุ่ง หลังจบเกมกับอินโดนีเซีย อันเป็นชัยชนะในเกมที่เป็นทางการนัดแรก นับตั้งแต่เข้ามาคุมทีมชาติไทยว่า ‘นักเตะหนุ่มของเราทุกคนอย่าง สุภโชค (สารชาติ), เอกนิษฐ์ (ปัญญา) และศุภชัย (ใจเด็ด) เล่นได้ดีมาก’ เขากล่าว ‘สุภโชคอยู่ภายใต้ความกดดันอย่างมาก ในเกมแรกกับเวียดนาม แต่วันนี้เขาใจสู้ และทำงานหนักมาก”
“หากชัยชนะเหนืออินโดนีเซีย ทำให้ไทยกลับมาคืนฟอร์ม การมีชัยต่อยูเออีก็ทำให้นิชิโนะมีความหวังขึ้นมาจริงๆ ในการพาทีมผ่านเข้ารอบ “จากเกมกับยูเออี เราได้เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งจะช่วยเราในเกมต่อไป (กับมาเลเซีย วันที่ 14 พฤศจิกายน)’ นิชิโนะ ผู้เคยคุมทีมชาติญี่ปุ่นบ้านเกิด เข้ารอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 2018 ที่รัสเซียกล่าว ‘เราต้องแสดงให้เห็นว่าฟุตบอลไทยสามารถต่อกรกับทีมที่ดีที่สุด (ของเอเชีย) ได้”
“เราทำได้ดีในเกมกับยูเออี เพราะเราเล่นได้แข็งแกร่งกว่าพวกเขาตั้งแต่แรกเริ่ม เราได้แสดงให้เห็นในวันนี้แล้วว่า ทีมเวิร์คเป็นสิ่งสำคัญมาก และจะไม่สามารถทำได้เลย หากพึ่งพาแค่คนใดคนหนึ่ง”
บางทีมันอาจนานเกินไปที่ไทยต้องรอการแจ้งเกิดขึ้นมาใหม่ เพราะหลังจากก้าวไปถึงอันดับที่ 43 อันเป็นอันดับโลกที่สูงที่สุดตลอดกาลของพวกเขาเมื่อเดือนกันยายน 1998 ทีมชาติไทยก็เริ่มตกลงมาเรื่อยๆ เป็นระยะเวลา 16 ปี จนสิ้นสุดที่อันดับ 165 เมื่อเดือนตุลาคม 2014 อย่างไรก็ดี นับแต่นั้นพวกเขาก็ขยับอันดับขึ้นมาอย่างสม่ำเสมอ จนมาอยู่ในอันดับที่ดีที่สุดในรอบ 5 ปี และการที่แข็งแกร่งขึ้นมาด้วยฟอร์มที่ดีของนักเตะหนุ่มๆ ทำให้ถูกคาดหวังขึ้นกว่าเดิมว่า ทีมจะสามารถรักษาฟอร์มปัจจุบันของพวกเขาไว้ได้หรือไม่
ทีมชาติไทย ในฟีฟ่า/โคคา โคล่า เวิลด์ แรงกิ้ง:
อันดับโลกเฉลี่ยนับตั้งแต่มีการจัดลำดับ: 98
อันดับล่าสุด : 109 (ตุลาคม 2019)
ต่ำที่สุด : 165 (ตุลาคม 2014)
สูงที่สุด : 43 (กันยายน 1998)
ที่มา : https://www.fifa.com/fifa-world-ranking/news/youthful-exuberance-has-thailand-s-war-elephants-on-the-march