“เสี่ยโบ๊ท” ณัฐเดช วชิรรัตนวงศ์ ผู้บริหารค่าย เพชรยินดีอะคาเดมี ชี้การกลับมาชกกติกามวยไทยช่วยให้ เพชรมรกต เพชรยินดีอะคาเดมี แสดงศักภาพอย่างเต็มที่ ก่อนเอาชนะน็อค ชาร์ลี ปีเตอร์ส ในศึก ONE: EDGE OF GREATNESS ที่สิงคโปร์ เมื่อวันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายนที่ผ่านมา
เพชรมรกต ไม่ได้แข่งขันในกติกามวยไทยมานานเป็นปี เพื่อไปชกประเภทคิกบ็อกซิ่ง แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในทัวร์นาเม้นท์ ONE คิกบ็อกซิ่ง เวิลด์ กรังด์ปรีซ์ รุ่นเฟเธอร์เวต ที่พ่ายตั้งแต่รอบ 8 คนต่อ จอร์จิโอ เปโตรเซียน อย่างไรก็ตามล่าสุดเขาก็ได้กลับมาขึ้นเวทีในกติกาถนัดอีกครั้ง และก็คว้าชัยชนะไปได้อย่างสวยงาม
“จริงๆ วันนี้ก็ถือว่าน่าดีใจ เพราะว่า เพชรมรกต ก็ไม่ได้ชกกติกามวยไทยมา 1 ปีเต็มๆ แล้วนับตั้งแต่ต่อยกับ เลียม แฮร์ริสัน ที่มาเลเซีย ไปต่อยคิกบ็อกซิ่งอย่างเดียว” เสี่ยโบ๊ท กล่าว
“เราก็เห็นแล้วว่าเมื่อไปเล่นคิกบ็อกซิ่งแล้วมันไม่ถนัดจริงๆ แต่พอกลับมาต่อยมวยไทยนั่นก็คือความเป็นธรรมชาติของเขาแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดของ เพชรมรกต เราได้เห็นชัดเจนว่าเขาเป็นคนที่ใช้ศอกได้ดี นี่คือจุดเด่นของเขา แต่พอเป็นคิกบ็อกซิ่งมันตัดศอกตรงนี้ไป มันก็เลยทำให้ไม่ทะลุสักที”
“มาถึงตรงนี้ผมก็คาดหวังว่าเขาจะโชว์ฟอร์มได้เขาตาใครหลายๆ คน ก็หวังว่าจะเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้เขาได้เดินในสายนี้ต่อไป เราทุ่มเทให้กับ ONE Championship อยู่แล้วครับ ไม่เคยคิดจะไปอยู่ที่อื่นเลย เรามุ่งมั่นที่จะทำตรงนี้ให้ดีที่สุด พยายามสร้างทีมของเราให้คนไทยทุกๆ คนภาคภูมิใจครับ”
“เราก็อยากฝากถึงแฟนๆ ว่าปีนี้มันอาจจะไม่ใช่ปีที่ดีสำหรับ เพชรยินดีอะคาเดมี ในเรื่องของการชกใน ONE Championship มีทั้งแพ้มีทั้งชนะ แต่พวกเราก็ได้ประสบการณ์ที่ดีมากๆ ผมก็ยังคงมุ่งมั่นเต็มที่ที่จะทำยังไงก็ได้ให้นักมวยไทยของเราสร้างชื่อเสียงให้กับคนไทย อันนี้คือหน้าที่ของผม ส่วนที่เหลือก็คือหน้าที่ของนักมวยแล้วว่าเขาจะทำได้ขนาดไหน ส่วนตัวผมก็เต็มที่ในส่วนของผมแน่นอน”
“ก็ฝากทุกคนเป็นกำลังใจให้กับ เพชรยินดีอะคาเดมี รวมถึงนักมวยไทยคนอื่นๆ ที่ต่อยใน ONE Championship ด้วย ทุกๆ คนก็อยากที่จะสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทยกันทั้งนั้นครับ”