เบรนแดน ร็อดเจอร์ส กุนซือชาวไอร์แลนด์เหนือกลับมาเป็นที่จับตามองของคอบอลอีกครั้งเมื่อเขาได้โอกาสกลับมาคุมทีมใน พรีเมียร์ลีก อังกฤษ กับ เลสเตอร์ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้ ซึ่งทีมจิ้งจอกก็ทำผลงานออกตัวได้ดีเกินคาด ปัจจุบันขึ้นมารั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงจากผลงานล่าสุดที่สร้างความฮือฮาด้วยการบุกไปถล่มนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน คาบ้าน 9-0 สร้างประวัติศาสตร์เป็นการชนะในเกมเยือนขาดลอยที่สุดในบอลลีกสูงสุดอังกฤษ และเทียบเท่าสถิติชนะขาดลอยที่สุดใน พรีเมียร์ลีก ของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เปิดบ้านถล่ม อิปสวิช 9-0 เมื่อปี 1995
ร็อดเจอร์ส เริ่มมีชื่อเสียงจากการคุม สวอนซี ต่อด้วยการรับงานคุม ลิเวอร์พูล เขาเคยเกือบพาทีมหงส์แดงไปถึงแชมป์ พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาล 2013-14 แต่ทีมมาพลาดอย่างน่าเสียดายในช่วงโค้งสุดท้าย หลังจากนั้นเขาย้ายไปทำทีม กลาสโกว์ เซลติก ในลีก สก็อตแลนด์ ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างล้นหลามจนได้ย้ายกลับมาคุมทีมในอังกฤษกลับ เลสเตอร์ อีกครั้ง
แนวทางการทำทีมที่เน้นเกมรุกดูสนุก และการให้โอกาสดาวรุ่งยุคใหม่ได้แสดงฝีเท้าหลายคนทั้ง คักลาร์ โซยุนคู, เบน ชิลเวลล์, เจมส์ แมดดิสัน ทำให้ทีมของ ร็อดเจอร์ส เอาชนะทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และ ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ส ได้ นี่คือเหตุผลที่หลายคนมองว่ากุนซือรายนี้อาจจะได้กลับมาคุมทีมระดับบิ๊กซิกส์อีกครั้งในอนาคตข้างหน้า โดยเฉพาะกับทีมที่กำลังเจอปัญหารุมเร้าอย่าง แมนฯ ยูฯ ที่มีแววว่าอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงโค้ชในเร็ววันนี้
อย่างไรก็ตาม เจมี่ คาร์ราเกอร์ อดีตปราการหลังหงส์แดงเชื่อว่าบีร็อดในวัย 46 ปีจะไม่เลือกรับงานกับทีมปีศาจแดงแต่อาจจะเป็น เชลซี หรือ อาร์เซนอล มากกว่า “เขาเคยเป็นกุนซือลิเวอร์พูลมาก่อน แมนฯยูฯไม่น่าจะใช่ตัวเลือกนี้” “มองไปที่อาร์เซนอลและเชลซี ผมคิดว่าน่าจะเป็นสองงานนี้” แน่นอนว่าผลงานต่อจากนี้ของบีร็อดจะเป็นที่จับตาของบรรดาทีมยักษ์ใหญ่ในลีกอย่างไม่ต้องสงสัย เก้าอี้กุนซือทีมใหญ่กำลังรอกุนซือรายนี้มานั่งอยู่
