หลังจากโละทิ้งนักเตะที่ทำผลงานต่ำกว่ามาตรฐานไปหลายคนใน และได้แข้งใหม่เข้ามาเสริมทีมในบางตำแหน่งแต่ดูเหมือนฟอร์มของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่ได้กระเตื้องขึ้น ลูกทีมของ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ เปิดฤดูกาล พรีเมียร์ลีก ได้ย่ำแย่ที่สุดในประวัติศาสตร์สโมสรนับตั้งแต่ปี 1993
ชัยชนะในเกมเปิดซีซั่นด้วยการถล่ม เชลซี 4-0 เหมือนเป็นภาพลวงตาที่หลอกแฟนทีมปีศาจแดง หลังจากนั้นพวกเขาเสมอ วูล์ฟแฮมป๋ตัน, เซาธ์แฮมป์ตัน แพ้คาบ้านให้กับ คริสตัล พาเลซ รวมทั้งหมดสี่นัด พวกเขาชนะหนึ่ง เสมอสอง แพ้หนึ่ง ไม่สมความคาดหวังของแฟนบอล และเมื่อจบช่วงเบรคเกมทีมชาติ โซลชาร์ จะต้องเจอแรงกดดันหนักอย่างไม่ต้องสงสัยพร้อมข่าวลือที่เริ่มมีการพูดถึงการหากุนซือใหม่ เป้าหมายที่จะกลับไปสู่ท็อปโฟร์อีกครั้งมีแต่ขวากหนาม
สิ่งที่น่ากังวลคือ หลายคนยกให้ทัพนักเตะ แมนฯ ยูฯ ชุดนี้เป็นชุดที่ “อ่อน” ที่สุดในรอบ 30 ปี นักเตะปีศาจแดงแทบจะทุกคนไม่สามารถเค้นฟอร์มเก่งออกมาได้ ปัญหาใหญ่อีกอย่างคือพวกเขามีทัพนักเตะที่ไม่สมดุล พวกเขามีเซ็นเตอร์แบ็คถึงเจ็ดคน เรียกได้ว่าเกินความจำเป็น แต่เวลาเดียวกันกลับขาดแคลนผู้เล่นในตำแหน่งกองหน้า
การดันดาวรุ่งอย่าง เมสัน กรีนวู้ด และ ทาฮิท ชอง ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่อาจจะเร็วเกินไป โดยเฉพาะ กรีนวู้ด ที่มีอายุแค่ 17 เท่านั้น ในกรณีที่กองหน้าตัวหลักอย่าง มาร์คัส แรซฟอร์ด หรือ อองโทนี่ มาร์กเซียล เกิดบาดเจ็บขึ้นมา ดาวรุ่งประสบการณ์น้อยจะต้องแบกแรงกดดันมหาศาลทีเดียว เช่นเดียวกับในแผงมิดฟิลด์พวกเขามี ปอล ป็อกบา เป็นกำลังหลักแต่ถ้าขาดแข้งชาวฝรั่งเศสรายนี้ไป แฟนบอลก็ยังไม่เห็นใครที่พึ่งพาและน่าไว้ใจได้เท่าเขา แนวรับก็ยังดูมีปัญหาแม้จะได้กองหลังสถิติโลก แฮร์รี่ แม็กไกวร์ เข้ามาในทีม
หลังจากผิดหวังไม่สามารถทำทีมติดท็อปโฟร์ได้ในซีซั่นก่อน โซลชาร์ มีแผนผ่าตัดทีมครั้งใหญ่ แต่ด้วยทัพนักเตะที่เขามีในตอนนี้และความไร้ประสบการณ์ในเวทีใหญ่ของเขาเองปีนี้ไม่ใช่ปีที่ง่ายของ แมนฯ ยูฯ อย่างแน่นอน