การท่าเรือ เอฟซี ฝ่าฝนแม่นโทษดับซ่าร์ ทรู แบงค็อก 5-4 หลังเสมอ 0-0 โดยถือเป็นการเข้าชิงหนแรกในรอบ 10 ปีของการท่าเรือ เอฟซีในศึกช้างเอฟเอคัพด้วย
ฟุตบอลถ้วยน็อคเอ้าต์ ช้าง เอฟเอ คัพ 2019 รอบรองชนะเลิศ ที่สนามกีฬากองทัพบก วิภาวดี “แข้งเทพ”ทรู แบงค็อก ลงสนามพบกับ”สิงห์เจ้าท่า”การท่าเรือ เอฟซี
เกมนี้ ทรู แบงค็อก ยูไนเต็ด ไม่มี 2 กองหน้าอย่าง เนลสัน โบนีญ่า ซึ่งบาดเจ็บ และชนานันท์ ป้อมบุปผา ที่ติดคัพไท ทำให้กุนซือมาโน่ โพลกิ้ง ต้องใช้งาน เจย์ซี จอห์น ลงมาล่าตาข่ายแทน ส่วนการท่าเรือวาง 3 ประสานแนวรุก บดินทร์ ผาลา, ปกรณ์ เปรมภักดิ์ และ เซร์คิโอ ซัวเรซ
ครึ่งแรกทั้งสองทีมยังทำอะไรกันไม่ได้ เสมอ 0-0 , ครึ่งหลังเกมต้องหยุดลงใน น.70 ชัยฤกษ์ งามสม เชิ้ตดำฟีฟ่าต้องเป่าหยุดเกมชั่วคราว เนื่องจากมีพายุฝนฟ้าคะนอง อีกทั้งฝนตกลงมาอย่างหนัก โดยเกมต้องหยุดไปประมาณ 40 นาที กว่าจะกลับมาลงสนามได้อีกครั้ง
หลังจากกลับมาแข่งขันต่อ ทั้งสองทีมประสบปัญหาพื้นสนามที่เจิ่งนอง ทำให้ไม่สามารถต่อบอลกันได้อย่างถนัดเท่าใดนัก และนาทีที่ 88 การท่าเรือเหลือผู้เล่น 10 คนเมื่อ ศิวกร จักขุประสาท โดนใบเหลืองที่ 2 กลายเป็นใบแดงออกจากสนามไป แต่หลังจากนั้นก็ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น จบเกมเสมอกัน 0-0 ต้องสู้กันต่อในช่วงต่อเวลาพิเศษออกไปอีก 30 นาที
ช่วงต่อเวลา ต่างฝ่ายต่างประสบปัญหาพื้นสนามน้ำเจิ่งนองเช่นเดิม ทำให้ครบ 120 นาทีเสมอกัน 0-0 ต้องตัดสินหาผู้ชนะด้วยลูกจุดโทษ ผลปรากฏว่า การท่าเรือยิงได้แม่นกว่า เอาชนะไปได้ 5-4 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศกับ ราชบุรี มิตรผล เอฟซี ซึ่งชนะบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด 2-1 โดยถือเป็นการผ่านเข้าชิงฟุตบอลถ้วยช้าง เอฟเอคัพ หนแรกในรอบ 10 ปีของทีมการท่าเรือ เอฟซี หลังจากที่ทำได้ครั้งล่าสุดเมื่อปี 2009
ทั้งนี้ คู่ชิงชนะเลิศฟุตบอลช้าง เอฟเอคัพ 2019 ระหว่าง ราชบุรี มิตรผล เอฟซี กับ การท่าเรือ เอฟซี จะทำการแข่งขันวันเสาร์ที่ 2 พ.ย.62 ที่สนามกีฬากลางจังหวัดสุพรรณบุรี เวลา 19.00 น.