ยังไม่ปิดตลาดซื้อขายนักเตะแต่เหล่าสโมสรใน พรีเมียร์ลีก ใช้เงินซื้อนักเตะรวมกันไปแล้วกว่า 900 ล้านปอนด์แต่ยังเทียบไม่ได้กับทีมใน ลาลีกา ที่ใช้เงินรวมกันทะลุ 1,000 ล้านปอนด์ และนับเป็นครั้งแรกในรอบกว่าสิบปีที่ ลาลีกา อาจจะปิดตลาดซื้อขายนักเตะด้วยยอดใช้จ่ายที่สูงกว่าลีกจอมทุ่มอย่าง พรีเมียร์ลีก
เอเด็น อาซาร์, เจา เฟลิกซ์, อองตวน กรีซมันน์ คือสมบัติชิ้นใหม่ที่มีมูลค่ามหาศาลของทีมหัวแถวในสเปนอย่าง เรอัล มาดริด, แอตเลติโก มาดริด, บาร์เซโลน่า ขณะที่ พรีเมียร์ลีก ปีนี้ไม่คึกคักมากนักแต่ยังมีดีลใหญ่คือ นิโคลาส เปเป้ ที่ย้ายมา อาร์เซนอล และ โรดรี้ ที่ย้ายมา แมนฯ ซิตี้ รวมถึง สเปอร์ส ที่ยอมลงทุนควักเงินซื้อ ต็องกีย์ เอ็นดอมเบเล มิดฟิลด์ชาวฝรั่งเศสของ ลียง ด้วยค่าตัว 54 ล้านปอนด์
ลาลีกาเสียบัลลังก์
สโมสรจากอังกฤษประสบความสำเร็จสูงสุดในบอลถ้วยยุโรปเมื่อฤดูกาลก่อน ถือเป็นประวัติศาสตร์ที่ทีมจากชาติเดียวกันเข้าชิงกันเองทั้งหมดในถ้วย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และ ยูโรปาลีก และถ้าลองย้อนกลับไปห้าฤดูกาลก่อนหน้านี้ เป็นทีมจากสเปนที่ผูกขาดเป็นเจ้าของถ้วยแชมป์ทั้งสองใบถึงเก้าครั้ง มีเพียงหนึ่งเดียวคือ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ได้แชมป์ ยูโรปาลีก ในปี 2017 ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกที่ซีซั่นนี้ เหล่าทีมใหญ่จากสเปนจะทุ่มทุนเสริมแกร่งเพื่อหวังกลับมาประสบความสำเร็จในถ้วยยุโรปอีกครั้ง
รายได้ที่เพิ่มขึ้น
รายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของ ลาลีกา ถูกคาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง 20% ต่อซีซั่น หลังจากมีการออกกฎใหม่ที่จะเริ่มใช้ในฤดูกาล 2019-20 นั่นหมายความว่าสโมสรใน ลาลีกา จะมีรายได้เพิ่มขึ้นด้วยจึงเป็นเรื่องปกติที่ทีมต่างๆ จะเริ่มจับจ่ายมากขึ้น อย่างไรก็ตามยอดรวมรายได้จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดของลีกอังกฤษก็ยังสูงกว่าลีกสเปน โดย พรีเมียร์ลีก มีรายได้จากลิขสิทธิ์ 3,070 ล้านปอนด์ต่อฤดูกาล ส่วน ลาลีกา ทำเงินได้ 1,830 ล้านปอนด์
