“น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ประกาศวางมือการทำหน้าที่ครูมวยที่ยิมอีโวลฟ์ สิงคโปร์ หลังฝังตัวขุดทองอยู่ในแดนสิงโตนาน 7 ปี พร้อมหอบเงินกลับไทยสร้างอาณาจักรเศรษฐีใหม่ โดยเจ้าตัวยังคงเดินหน้ารักษาบัลลังก์ ONE ในฐานะ “ราชันฆ่าไม่ตาย” ต่อไป
หลังป้องกันตำแหน่งสำเร็จเป็นครั้งที่ 6 ในศึก ONE Fight Night 1 เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา น้องโอ๋ ก็ออกมาเปิดเผยผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว Nong-o Gaiyanghadao และอินสตาแกรมส่วนตัว nongogaiyanghadao เป็นภาพงานเลี้ยงส่งของทางต้นสังกัดยิมอีโวลฟ์ สิงคโปร์ ซึ่ง “น้องโอ๋” ทำงานอยู่ พร้อมโพสต์ข้อความเป็นภาษาอังกฤษซึ่งแปลเป็นไทยได้ว่า
“ขอบคุณ ‘พี่ชาตรี ศิษย์ยอดธง’ สำหรับระยะเวลา 7 ปี ในยิมที่ดีที่สุด ‘อีโวลฟ์ MMA’ ที่นี่ให้ประสบการณ์มากมาย และชีวิตใหม่กับผม ขอบคุณที่ทำให้ผมมีชีวิตที่ดีในวันนี้ ขอบคุณสตาฟฟ์ที่ยิมอีโวลฟ์ทุกคน คุณคือเพื่อนที่ดีของผม สวัสดีนักเรียนทุกคน ดูแลสุขภาพด้วย ซ้อมให้เยอะ ๆ อย่าขี้เกียจ ชกให้หนัก เตะให้หนัก (ยิ้ม)
ขอบคุณ ครูมวยไทยทุกคนที่ดูแลช่วยเหลือกันมาตลอดนะครับ ขอให้ทุกคนโชคดี มีความสุขนะครับ และขอบคุณบอส (ชาตรี) ที่จัดงานเลี้ยงส่งให้ ขอบคุณทุก ๆ คนที่มางานเลี้ยงส่ง และมาอวยพรให้ผม #ขอบคุณประสบการณ์ชีวิตที่ดีที่สุด ผมยังชกมวยให้ ONE นะครับยังไม่เลิก ผมแค่ขอลาเจ้านายกลับมาดูแลครอบครัวก่อน”
น้องโอ๋ เป็นหนึ่งในแชมป์โลกมวยไทยระดับตำนานที่ต้องประสบปัญหาการหาคู่ชกในประเทศไม่ได้และขาดรายได้จากการขึ้นชกจนเกือบตัดสินใจแขวนนวม ในวันหนึ่งที่ น้องโอ๋ แทบไม่เหลือเงินในกระเป๋า เขาได้รับการหยิบยื่นโอกาสจาก “ชาตรี ศิษย์ยอดธง” ผู้ก่อตั้ง “อีโวลฟ์ MMA” ให้มาเป็นครูมวยที่นี่
ยิมชื่อดังแห่งนี้ไม่ได้ก่อตั้งขึ้นเพียงเพื่อเป็นโรงเรียนสอนศิลปะการต่อสู้เท่านั้น แต่ยังมีวัตถุประสงค์ในการมอบโอกาสให้นักกีฬาการต่อสู้ระดับแชมป์โลกจากหลากหลายประเภทกีฬา ทั้งแชมป์โลกมวยไทย, คิกบ็อกซิ่ง, BJJ ฯลฯ ได้ทำงานในสายงานที่รักและถนัด ด้วยค่าตอบแทนซึ่งจัดได้ว่า “สูงที่สุด” ในบรรดายิมสอนการต่อสู้ทั่วโลก โดยครูผู้ฝึกสอนจะได้รับเงินค่าจ้าง พร้อมด้วยค่าสอนพิเศษส่วนตัว เฉลี่ยต่อคนราว 150,000 – 400,000 บาทต่อเดือน
ยิ่งไปกว่านั้น ครูผู้ฝึกสอนยังมีโอกาสได้รับการพัฒนาศักยภาพของตัวเองไปสู่เวอร์ชันที่ดีกว่าเดิม และสามารถตัดสินใจที่จะหวนคืนสู่สังเวียนการต่อสู้ได้ โดยมีองค์กรการต่อสู้ระดับโลก ONE รองรับ
ไม่น่าแปลกใจที่ตลอด 7 ปีเต็ม น้องโอ๋ ได้ทั้งโอกาสทำงานที่ตัวเองรัก ขณะเดียวกันก็ได้พัฒนาตัวเองในฐานะนักกีฬาระดับโลก ที่สำคัญ เขาสามารถสร้างฐานะที่มั่นคง ช่วยให้ทุกคนในครอบครัวได้อยู่อย่างสบาย
โดยหลังจากอำลาหน้าที่ครูมวยแล้ว น้องโอ๋ ก็มีแผนหอบเงินที่ได้มาจากน้ำพักน้ำแรงไปสานต่อกิจการฟาร์มวัวที่เขาได้เริ่มก่อร่างสร้างฐานไว้ที่ จ. อุดรธานี บ้านเกิดของภรรยา เพื่อเก็บเป็นมรดกไว้ให้ลูกชายทั้งสองคนต่อไป
ขณะเดียวกัน น้องโอ๋ ก็ยังคงยืนยันจะทำหน้าที่ป้องกันตำแหน่ง “ราชันฆ่าไม่ตาย” ต่อไปให้นานที่สุดเท่าจะนานได้
แฟน ๆ สามารถติดตามข่าวสารและโปรแกรมการแข่งขันครั้งต่อไปของ “น้องโอ๋ ไก่ย่างห้าดาว” ได้ที่เฟซบุ๊ก ONE Championship Thailand และเว็บไซต์ www.onefc.com