เมื่อฤดูกาลก่อน พรีเมียร์ลีก ทำสถิติถล่มประตูกันยับเยินที่สุดในประวัติศาสตร์ลีก รวมแล้ว 1,072 ลูกมากกว่าสถิติเดิมที่ทำไวัในฤดูกาล 2011/12 หกประตู ขณะที่ในซีซั่นนี้ ผ่านไปสามเกมยอดรวมประตูทั้งหมดคือ 82 ลูก หนทางยังอีกยาวแต่ก็มีแนวโน้มทีเดียวที่ครั้งนี้จะมีการทุบสถิติเกิดขึ้นอีก
1.ดาวยิงฝีเท้าคม
เมื่อซีซั่นก่อนมีนักเตะแค่แปดคนที่ยิงได้มากกว่า 15 ประตูในจำนวนนี้มีแค่สี่คนที่เป็นกองหน้า มาปีนี้หลายทีมตัดสินใจทุบกระปุกทุ่มเงินซืัอกองหน้าค่าตัวแพงมาเสริมทัพ แข้งหน้าใหม่บางคนก็เปิดตัวได้ดีและมีสกอร์ อย่างเช่น โจลินตัน ของ นิวคาสเซิล, เซบาสเตียน ฮาลเลอร์ ของ เวสต์แฮม, เวสลีย์ ของ แอสตัน วิลล่า ส่วนดาวซัลโวหน้าเก่าอย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์ หรือ เซร์คิโอ อเกวโร่ ก็ยังมีประตูอย่างต่อเนื่องไม่มีทีท่าจะดร็อปลงเลย
2.น้องใหม่สายบู๊
เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด, แอสตัน วิลล่า, นอริช ซิตี้ น้องใหม่ทั้งสามทีมมีสไตล์การเล่นที่เน้นความไหลลื่นของเกมรุกมากกว่าการปักหลักตั้งรับ พวกเขายังมีแผนการเล่นที่ให้ความใส่ใจกับการสร้างเกมไปข้างหน้ารวมไปถึงการเน้นเลือกนักเตะที่เป็นพวกสายบุกลงสนามมากกว่า แน่นอนว่ามันก็เป็นจุดอ่อนที่เปิดช่องให้คู่ต่อสู้โจมตีกลับได้ง่ายเช่นกัน มีโอกาสสูงที่ทีมเหล่านี้จะโดนถล่มหลายประตูในหนึ่งเกม เก้าเกมที่พวกเขาลงเล่นมีประตูเกิดขึันถึง 29 ประตู
3.กุนซือสายรับเริ่มล้าสมัย
ยุคนี้เป็นยุคทองของทีมที่เน้นเกมรุกและขยันยิงประตู ฤดูกาลก่อน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ และ ลิเวอร์พูล คือทีมแชมป์และรองแชมป์ที่โกยแต้มได้มากที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก ภายใต้การคุมทัพของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า และ เจอร์เก้น คล็อปป์ ทั้งสองทีมยังคงเดินหน้ายิงถล่มคู่แข่งอย่างต่อเนื่อง ส่วนกุนซือหน้าใหม่ๆ ก็มีแนวโน้มจะเป็นพวกสายบุกมากขึ้นอย่าง เกรแฮม พ็อตเตอร์ ของ ไบรท์ตัน หรือ ราล์ฟ ฮาเซลฮุทเทิล ของทีมนักบุญ เซาธ์แฮมป์ตัน ไม่ใช่เรื่องแปลกที่ทีมพวกนี้จะมีสกอร์มากขึ้นกว่าซีซั่นก่อน
