ลิเวอร์พูล เมื่อฤดูกาลก่อนคือทีมรองแชมป์ที่ทำคะแนนสูงที่สุดในประวัติศาสตร์ พรีเมียร์ลีก น่าเสียดายที่พวกเขาไปไม่ถึงแชมป์ แม้จะมีนักเตะแนวรุกที่แข็งแกร่งสุดๆ อย่าง โมฮาเหม็ด ซาลาห์, ซาดิโอ มาเน่, โรแบร์โต้ ฟีร์มิโน่ พวกเขาสามคนทำรวมกัน 69 ประตูหรือประมาณ 63 เปอร์เซนต์จากประตูทั้งหมดของ ลิเวอร์พูล และก็มีเพียงสามคนนี้เท่านั้นที่ทำได้เกินเจ็ดประตูจากทั้่งหมด 115 ประตูที่ทีมหงส์แดงทำได้ในทุกการแข่งขัน
เมื่อตัวจริงล้า
แน่นอนว่า ลิเวอร์พูล พึ่งพา ซาลาห์, ฟีร์มิโน่, มาเน่ เป็นอย่างมากในเกมรุก แต่การกรำศึกหนักมาตลอดทั้่งซีซั่น บวกกับภารกิจรับใช้ชาติที่ยืดเยื้ออาจส่งผลต่อสภาพความฟิตของสามคนนี้ในระยะยาว
มาเน่ เพิ่งปิดซีซั่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมานี้เองหลังจาก เซเนกัล แพ้ให้ อัลจีเรีย ในเกมนัดชิงศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ซึ่งอีกเพียงแค่ประมาณสองสัปดาห์ทีมหงส์แดงก็จะต้องลงสนามในเกม คอมมิวนิตี้ ชีลด์ กับ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ ต่อด้วยเกมเปิดสนาม พรีเมียร์ลีก กับ นอริช และศึก ยูฟ่า ซูเปอร์คัพ กับ เชลซี แชมป์ ยูโรปาลีก รวมแล้วสามนัดในเก้าวันซึ่ง มาเน่ คงจะพลาดการลงสนามทั้งหมด ส่วน ซาลาห์ เพิ่งเสร็จศึกกับทีมชาติ อียิปต์ ไปก่อนหน้า มาเน่ ไม่นาน ขณะที่ ฟีร์มิโน่ ก็เพิ่งตะลุยเตะจนจบศึก โคปา อเมริกา ด้วยการคว้าแชมป์พร้อมกับทีมชาติ บราซิล
แผนสอง
เจอร์เก้น คล็อปป์ ยังมีตัวเลือกอื่นในแนวรุก ในเกมปรีซีซั่นที่อเมริกากับ ดอร์ทมุนต์ เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมาในตำแหน่งสามแนวรุก คล็อปป์ เลือก แฮร์รี่ วิลสัน ปีกชาวเวลส์เป็นตัวจริง เขายิงไป 18 ประตูให้ ดาร์บี้ ทีมที่ยืมตัวเขาไปเมื่อฤดูกาลก่อน อีกคนคือ ไรอัน เคนท์ ที่โชว์ฟอร์มได้ดีกับ กลาสโกว์ เรนเจอร์ส ส่วนกองหน้าตัวเป้า คล็อปป์ เลือกใช้งาน ดิว็อค โอริกี กองหน้าชาวเบลเยี่ยมที่เพิ่งได้รับการต่อสัญญายาวทั้งที่ก่อนหน้านี้เขาดูจะไร้อนาคตกับทีม แต่เพราะฟอร์มดีในช่วงท้ายฤดูกาลก่อนและประตูชัยพลิกโค่น บาร์เซโลน่า ที่มีส่วนช่วยให้เขาได้อยู่ถิ่นแอนฟิลด์ต่อ อีกคนที่น่าจับตาคือ ไรอัน บรูว์สเตอร์ กองหน้าดาวรุ่งวัย 19 ปีที่น่าจะได้โอกาสลงสนามบ้างในช่วงต้นฤดูกาล