ดิว็อค โอริกี้ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ยูเวนตุส ลิเวอร์พูล สเปอร์ส อาแจ็กซ์ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

“ดาวเด่น ม้ามืด” และปีแห่งการโกงความตายของถ้วย “ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก”

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ซีซั่นนี้สนุกอย่างเหลือเชื่อ มีเกมที่มันส์ระดับห้าดาวอยู่หลายเกม และมีอะไรให้น่าจดจำมากมาย และนี่คือไฮไลท์เด่นๆ ที่บังเกิดขึ้นในฤดูกาลแห่งความตื่นเต้นนี้     ปีแห่งการโกงตาย ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปีนี้มีการโกงความตายเกิดขึ้นเยอะมากทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด,…

Home / SPORT / “ดาวเด่น ม้ามืด” และปีแห่งการโกงความตายของถ้วย “ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก”

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ซีซั่นนี้สนุกอย่างเหลือเชื่อ มีเกมที่มันส์ระดับห้าดาวอยู่หลายเกม และมีอะไรให้น่าจดจำมากมาย และนี่คือไฮไลท์เด่นๆ ที่บังเกิดขึ้นในฤดูกาลแห่งความตื่นเต้นนี้

 

 

ปีแห่งการโกงตาย

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปีนี้มีการโกงความตายเกิดขึ้นเยอะมากทั้ง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, ยูเวนตุส, อาแจ๊กซ์, ลิเวอร์พูล, สเปอร์ส ทุกทีมที่กล่าวมาสามารถกลับมาฟื้นได้อย่างน่าทึ่ง เริ่มจาก อาแจ๊กซ์ ในรอบ 16 ทีมสุดท้ายจากนัดแรกที่แพ้ให้ เรอัล มาดริด 2-1 กลับมาทุมทีมชุดขาวในบ้าน 4-1 ส่งแชมป์เก่าสามสมัยซ้อนกลับบ้าน กุนซือ ซานติอาโก โซลารี ถูกปลด และนับเป็นความพ่ายแพ้ในบ้านครั้งแรกในรอบ 1,011 วันของมาดริดในศึก ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

 

ตามมาด้วยการคัมแบ็คของทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่แพ้มหาเศรษฐีจากฝรั่งเศส เปแอชเช คาบ้านถึง 2-0 ก่อนจะกลับมาอัดเจ้าถิ่นถึง ปารีส 3-1 ผงาดเข้ารอบด้วยกฎอเวย์โกล ส่วน ยูเวนตุส ที่บุกไปแพ้ทีมตราหมี แอตเลติโก มาดริด  2-0 ก่อนที่จะพลิกกลับมาชนะในบ้าน 3-0 จากแฮตทริคของ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ราวกับถูกเขียนบทเอาไว้ให้เขาเป็นฮีโร่ในเกมนี้

 

และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้คือในรอบตัดเชือกที่ทั้ง ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส สร้างปาฏิหาริย์ตายแล้วฟื้นพลิกกลับมาทะลุเข้าชิงได้อย่างเหลือเชื่อ ทีมหงส์แดงถล่ม บาร์เซโลน่า 4-0 ทั้งที่เกมแรกแพ้ขาดลอย 3-0 ส่วนทีมไก่เดือยทองก็กลับมาโค่น อาแจ๊กซ์ ไปได้ 3-2 จากแฮตทริคของ ลูคัส มูร่า ในช่วงครึ่งหลังทั้งสามลูกหลุดเข้าชิงได้แบบหวุดหวิดด้วยกฎอเวย์โกล

 

 

ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ปีนี้ยังเป็นปีที่มีประตูเกิดขึ้นช่วงท้ายเกมมากเป็นที่สุดเป็นประวัติการณ์ 70 ประตู และเกิดขึ้นในช่วง 10 นาทีสุดท้ายของเกม มากที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2003 – 2004 ซึ่งเป็นปีที่เปลี่ยนรูปแบบการแข่งขันมาเป็นอย่างปัจจุบัน

 

ดาวเด่นม้ามืด

เขาจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจาก ดิว็อค โอริกี กองหน้าชาวเบลเยี่ยมที่ ลิเวอร์พูล หวังจะขายทิ้งเมื่อต้นฤดูกาล แต่สุดท้ายโชคชะตาก็ทำให้เขาก็ได้อยู่กับทีมต่อ รวมตลอดทั้งซีซั่น โอริกี ได้ลงสนามไปแค่ 492 นาที แต่ยิงประตูสำคัญให้ทีมหลายนัดทั้งใน พรีเมียร์ลีก และโดยเฉพาะ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ในเกมตัดเชือกกับบาร์ซ่าที่เขายิงสองประตูสำคัญให้ทีมหนึ่งในนั้นคือประตูชัยในนาทีที่ 79 รวมถึงในนัดชิงประตูตอกฝาโลง สเปอร์ส ส่งให้ทีมหงส์แดงคว้าถ้วยใบใหญ่ยุโรปเป็นสมัยที่หก และปิดฤดูกาลนี้ไปอย่างสวยงาม